29 ก.ค. 2021 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
“สปาร์ตา (Sparta)”
“สปาร์ตา (Sparta)” คือนครรัฐอิสระและสังคมของกลุ่มนักรบในสมัยกรีซโบราณ สามารถพิชิตกรุงเอเธนส์ในสงครามเพโลพอนนีเซียน (Peloponnesian War) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 431-404 ปีก่อนคริสตกาล
วัฒนธรรมและสิ่งยึดถือของนักรบสปาร์ตา ก็คือการภักดีต่อรัฐและกองทัพ โดยเด็กชายชาวสปาร์ตาที่มีอายุครบเจ็ดขวบ จะได้เข้ารับการศึกษาที่รัฐบาลเป็นผู้จัด รวมทั้งจะได้รับการฝึกทหารและขัดเกลา โดยโปรแกรมการฝึกนี้เรียกว่า “อะโกเก (Agoge)” และเน้นย้ำที่ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ระเบียบวินัย และความอดทน
ทางด้านหญิงชาวสปาร์ตา อาจจะไม่ได้โดดเด่นหรือมีสิทธิเท่ากับบุรุษ หากแต่ก็ได้รับการศึกษาและมีอิสระมากกว่าหญิงชาวกรีกเผ่าอื่นๆ
1
แต่ถึงแม้สปาร์ตาจะยิ่งใหญ่ เกรียงไกรทางด้านกองทัพ แต่ความยิ่งใหญ่ของพวกเขาก็อยู่ไม่นาน โดยเมื่อ 371 ปีก่อนคริสตกาล สปาร์ตาได้พ่ายแพ้ต่อเมื่องธีบส์ (Thebes) ใน “ยุทธการที่เล็กตรา (Battle of Leuctra)” และทำให้สปาร์ตาตกต่ำถึงขีดสุด
สำหรับประวัติของสปาร์ตา จริงๆ แล้วสปาร์ตาคือนครรัฐของกรีก ตั้งอยู่ในบริเวณที่ปัจจุบันคือภูมิภาคลาโคเนีย (Laconia) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรีซ
ประชาชนของสปาร์ตานั้น ประกอบด้วยกลุ่มคนสามกลุ่ม
1.ชาวสปาร์ตา (Spartans) หรือก็คือพลเมืองสปาร์ตา
1
2.เฮล็อต (Helots) คือทาส
3.เปริโอซิ (Perioeci) คือช่างฝีมือและพ่อค้า
ชายชาวสปาร์ตาที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ จะได้เข้าในระบบการศึกษาที่เรียกว่า “อะโกเก (Agoge)” ตั้งแต่ยังเด็ก ตามที่ผมได้อธิบายไว้ข้างต้น โดยชายชาวสปาร์ตาจะอุทิศชีวิตเพื่อกองทัพ และความภักดีต่อรัฐนั้นเหนือสิ่งอื่นใด มาก่อนทุกสิ่ง สำคัญกว่าทุกอย่าง แม้กระทั่งครอบครัว
สำหรับ “เฮล็อต (Helots)” คือชาวกรีกที่มาจากลาโคเนียและเมซซีเนีย โดยกลุ่มนี้คือกลุ่มชาวกรีกที่ถูกชาวสปาร์ตาจับตัวเป็นเชลย และบังคับให้เป็นทาส
1
กลุ่มทาสหรือเฮล็อต จะเป็นแรงงานที่ทำงานต่างๆ ในชีวิตประจำวัน คอยสนับสนุนด้านต่างๆ เช่น ชาวไร่ คนรับใช้ พยาบาล
ชาวสปาร์ตามักจะโหดร้ายทารุณต่อเฮล็อต โดยมักจะทำให้เฮล็อตต้องอับอายในที่สาธารณะ เช่น บังคับให้ดื่มเหล้าจนเมา ทำให้เฮล็อตทำสิ่งที่น่าขายหน้าโดยไม่รู้ตัว และยังมักจะรุนแรงต่อเฮล็อต เพื่อปรามไม่ให้เฮล็อตซึ่งมีจำนวนมากกว่า คิดก่อการกบฏ
ที่โหดร้ายกว่านั้นก็คือ ชาวสปาร์ตาสามารถสังหารเฮล็อตได้ หากว่าเฮล็อตผู้นั้นฉลาดหรือแข็งแรงเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นภัยทีหลัง
1
สปาร์ตาจะต่างจากนครรัฐอิสระของกรีกแห่งอื่นๆ โดยนครรัฐอื่นๆ เช่น เอเธนส์ (Athens) จะส่งเสริมและพุ่งเป้าไปที่ศิลปะ การศึกษา และปรัชญา แต่สิ่งที่สปาร์ตาส่งเสริมและพุ่งเป้า คือ “การทหาร”
ชายชาวสปาร์ตาจะได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพเพียงอาชีพเดียว
นั่นคือ “ทหาร”
เด็กชายชาวสปาร์ตาต้องเข้ารับการฝึกทหารตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ และเมื่อต้องจากบ้านเพื่อเข้ารับการฝึกตามโปรแกรมอะโกเก เด็กชายเหล่านี้ต้องเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นท่ามกลางกฎระเบียบที่เข้มงวด และต้องแข่งขันด้านพละกำลังกับเด็กคนอื่นๆ ฝึกฝนทักษะการเอาตัวรอด
เด็กชายที่มีความเป็นผู้นำสูง โดดเด่นจากคนอื่น จะได้รับหน้าที่ให้คอยสอดส่องดูแลความเรียบร้อยอย่างลับๆ โดยมีเป้าหมายคือการทำให้เหล่าเฮล็อตหวาดกลัว ไม่กล้าคิดกบฏ และกำจัดผู้ที่จะก่อความวุ่นวาย
เมื่ออายุครบ 20 ปี ชายชาวสปาร์ตาก็จะเป็นทหารเต็มตัว และรับใช้กองทัพไปจนถึงอายุ 60 ปี
1
กองทัพสปาร์ตานั้นชำนาญเรื่องการจัดทัพ ขบวนทัพ ที่ทำให้ศัตรูยากจะต้านทานหรือฝ่าเข้าไปได้
ทหารสปาร์ตาต่างมีฐานะเท่ากัน ไม่มีใครสูงกว่าใคร และขณะออกรบ นักรบสปาร์ตาจะใส่หมวกที่ทำจากสัมฤทธิ์ สวมชุดเกราะ และถือโล่ที่ทำจากไม้และสัมฤทธิ์ โดยมืออีกข้างก็ถืออาวุธ นั่นคือหอกยาวและดาบ
นักรบสปาร์ตายังมีความโดดเด่นจากเสื้อคลุมสีแดงสะดุดตา และทรงผมที่ยาว
ทางด้านหญิงชาวสปาร์ตา ก็ได้ชื่อว่าเป็นหญิงที่มีความรักอิสระ และมีอิสระ กล้าคิด กล้าแสดงออกมากกว่าหญิงจากรัฐอื่นๆ
3
และถึงแม้หญิงชาวสปาร์ตาจะไม่สามารถเข้าร่วมกับกองทัพ แต่หญิงชาวสปาร์ตาก็ได้รับการศึกษา โดยการศึกษาระหว่างชายและหญิง จะแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน
และเพื่อที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้ชาย สตรีชาวสปาร์ตาจึงมักจะเข้าร่วมรายการแข่งขันต่างๆ ทั้งการแข่งพุ่งหลาว มวยปล้ำ และยังชื่นชอบการร้องเพลงและเต้นรำอีกด้วย
1
เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ หญิงชาวสปาร์ตาจะได้รับอนุญาตให้ถือครองทรัพย์สินได้ และไม่จำเป็นต้องทำงานต่างๆ เช่น ทำอาหาร กวาดบ้าน หรือเย็บผ้า โดยงานเหล่านั้น พวกเฮล็อตจะเป็นคนทำ
1
สำหรับชาวสปาร์ตา การแต่งงานถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากรัฐก็คาดหวังและกดดันให้ประชาชนมีลูกชาย เพื่อที่จะได้เพิ่มกำลังพลในกองทัพ ทดแทนนักรบที่ตายในสนามรบ
ผู้ชายที่เป็นโสด แต่งงานช้าจะถือเป็นบุคคลที่น่าอับอาย ส่วนผู้ที่มีบุตรหลายคนก็จะได้รับการยกย่อง และอาจได้รางวัล
ก่อนแต่งงาน หญิงชาวสปาร์ตาจะโกนหัว และเก็บเส้นผมของตนเองไว้จนหลังแต่งงาน และคู่แต่งงานก็มักจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เนื่องจากชายชาวสปาร์ตาที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ก็ต้องประจำในเหล่าทัพของตน หากต้องการจะพบภรรยา ก็มักจะต้องแอบหนีมาหาในยามค่ำคืน
2
เมื่อถึงยุค 371 ปีก่อนคริสตกาล สปาร์ตาก็ต้องพ่ายแพ้แก่กองทัพเมืองธีบส์ในยุทธการที่เล็กตรา (Battle of Leuctra)
1
ในปีต่อมา กองทัพเมืองธีบส์ก็ได้เข้ามารุกรานดินแดนสปาร์ตา และได้ทำการปลดปล่อยเหล่าเฮล็อต ซึ่งตกอยู่ใต้อำนาจของสปาร์ตาเป็นเวลานานหลายร้อยปี
แต่ถึงอย่างนั้น สปาร์ตาก็ยังคงอยู่ ถึงแม้ว่าความยิ่งใหญ่และอำนาจจะค่อยๆ ตกลงเรื่อยๆ
1
เมื่อเวลาผ่านมานานนับพันปี หลังจากสิ้นสุดความรุ่งเรืองของสปาร์ตา ในปีค.ศ.1834 (พ.ศ.2377) “พระเจ้าออตโตแห่งกรีซ (Otto of Greece)” พระประมุขแห่งกรีซ ก็ได้ทรงมีรับสั่งให้สร้างเมืองขึ้นในบริเวณจุดที่เคยเป็นรัฐสปาร์ตา
นั่นคือเมือง “สปาร์ตา (Sparta)” ชื่อเดียวกันกับนครรัฐที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต และตั้งอยู่บนจุดเดียวกันอีกด้วย
สปาร์ตาในปัจจุบัน
นี่ก็คือประวัติคร่าวๆ ของสปาร์ตาอันโด่งดัง และเป็นดินแดนที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์
โฆษณา