31 ก.ค. 2021 เวลา 02:00 • ไลฟ์สไตล์
#บทเรียนจากห้องเก็บของ
เมื่อวันก่อนเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนห้องเก็บของซะที หลังจากที่มีความคิดว่าจะไปเคลียร์ห้องเก็บของ เพื่อหาของอะไรบางอย่างและคัดแยกบางส่วนเพื่อนำไปบริจาค
จะว่าไป ความคิดนี้ได้มาจุติแล้วเป็นปี แต่ก็ผัดวันประกันพรุ่งมาเรื่อยๆ จนกระทั่งฤกษ์งามยามดี เมื่อขณะที่กำลังจะก้าวขาออกไปจากบ้าน ฝนก็กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ซะอย่างนั้น
แต่สัญญากับลูกชายไว้แล้วว่าจะพาไปดูห้องเก็บของ ลูกชายตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นว่ามีสมบัติอะไรอยู่บ้างที่แม่พร่ำเก็บมาหลายสิบปี ก็เลยไม่สามารถเอาเรื่องฝนตกมาเป็นข้ออ้างที่จะเบี้ยวได้
บางคนอาจงงว่าทำไมการรื้อห้องเก็บของจึงเป็นเรื่องที่เราพยายามจะบ่ายเบี่ยงมาตลอด มันจะไปยากอะไร?
ต้องอธิบายนิดหนึ่งว่า ห้องเก็บของนี้เป็นของที่บ้านค่ะ โดยสมบัติบ้าบอที่กองอยู่ในนั้นเป็นของคนทั้งหมดสามคน คือ สมบัติของพ่อ สมบัติของแม่ แล้วก็สมบัติของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องรื้อดูเยอะมาก เพื่อที่จะหากล่องที่เป็นของเรา และคงไม่ต้องพูดถึงฝุ่นที่หนาเตอะ
เราแม่ลูกใส่แมสก์พร้อมผจญกับฝุ่นในห้องเก็บของที่ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ไม่มีการถ่ายเทของอากาศใดๆ กล่องต่างๆถูกกองกันอยู่อย่างไร้ระเบียบ ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย
เราเจอเสื้อผ้าเก่าของตัวเราอยู่สองกล่อง เจอเสื้อผ้าของลูกตอนเด็กๆอีกหลายกล่อง เจออุปกรณ์จิปาถะของเด็กอีกนับไม่ถ้วน ทั้งหมดนี้เราได้แยกเอาไว้สำหรับบริจาค
และที่น่าตลกก็คือ เราไปเจอกล่องๆหนึ่ง เป็นกล่องที่มีแต่รองเท้าแยกใส่ถุงพลาสติกไว้เป็นคู่ๆ รองเท้าบางคู่ถึงกับย่อยสลายกลายเป็นผุยผง ... นี่เราเก็บไว้นานขนาดมันย่อยสลายไปเลยหรือ!! และกล่องนี้คือสมควรทิ้งไปทั้งหมด
บางกล่องที่เราไปเจอเป็นกล่องที่รวมความทรงจำแห่งความสุข ในกล่องนั้นเต็มไปด้วยการ์ดต่างๆที่เราเคยได้มา การ์ดวันเกิดบ้าง การ์ดตอนเรียนจบบ้าง สารพัดการ์ดเลยทีเดียว และ จดหมาย! จดหมายค่ะจดหมาย!!
จดหมายที่เราต้องใช้มือเขียน ติดแสตมป์ และหย่อนลงในตู้ไปรษณีย์สีแดงๆนั่นแหละค่ะ เรามีจดหมายเยอะมากจากเพื่อนๆสมัยเรียน เนื่องจากว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราไปเรียนต่างบ้านต่างเมือง ... เราเก็บกล่องนี้กลับมาที่บ้าน เพราะคิดว่าคงต้องเสียเวลานานทีเดียวในการที่จะเลือกว่าอันไหนเก็บ อันไหนทิ้ง
2
น่าเสียดายที่บางอัลบั้มก็หายสาปสูญไป ที่เหลืออยู่จึงมีเพียงแค่นี้
และแล้วเราก็เจอกล่องที่เราตามหา ตอนแรกเราไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่ามันยังอยู่หรือเปล่า แต่ในที่สุดเราก็เจอมันอยู่ที่นี่ ของที่อยู่ในกล่องนี้คือเทปเพลงคาสเซ็ททั้งหมดค่ะ
ร้องได้ทุกเพลง โดยไม่ต้องดูเนื้อ 555
เรานับได้ทั้งหมดคร่าวๆประมาณ 200 ตลับ!! (รวมของพ่อด้วย) วันนี้เราจึงอยากที่จะให้ทุกคนชมภาพความหลังบางส่วนของเทปคาสเซ็ทเหล่านี้ไปพร้อมๆกัน ... พวกมันแทบจะกลายเป็นของคลาสสิกไปแล้วหรือนี่!
2
ในภาพนี้คือเทปคาสเซ็ทที่เก่าที่สุดที่เรามี ... มีใครเกิดทันบ้างมั้ยคะ?
มีทั้ง เบิร์ด ธงไชย, อัสนี-วสันต์, บิลลี่ โอแกน, นูโว, ไมโคร, ปั่น ไพบูลย์ เกียรติเขียวแก้ว, คริสติน่า, โมเดิร์นด็อค, เฉลียง, อัญชลี จงคดีกิจ และย้อนวัยไปถึง นกแล, XYZ และอื่นๆอีกมากมาย
บางคน บางวง ก็เกือบลืมไปแล้วว่าช่วงหนึ่งเคยฮิตขนาดไหน
ซึ่งถ้านับรวมของพ่อด้วย ก็ย้อนถอยหลังไปอีก เช่น ชาตรี, แกรนด์เอ็กซ์, คีรีบูน, เรนโบว์, ภูสมิง หน่อสวรรค์, คนด่านเกวียน, ซิกซ์เซ็นซ์ เป็นต้น
พามาดูเพลงฝรั่งกันบ้าง ... ลูกชายถามว่า ทำไมต้องซื้อเพลงจากหนังด้วยอ่ะ?
หลายชั่วโมงผ่านไปในห้องเก็บของ เหงื่อไหลท่วมยิ่งกว่าไปออกกำลังกาย เรากับลูกชายก็ทำการขนย้ายกล่องที่เราต้องการกลับมาที่บ้าน หลังจากที่เราทั้งคู่แยกย้ายกันอาบน้ำสระผมเสร็จ เราก็จมหายไปกับกองจดหมายเหล่านั้น
1
แถมอีกสองตลับ ... ตอนเด็กๆชอบมากๆเลย
เราหยิบบางฉบับขึ้นมาอ่าน อ่านไปยิ้มไปกับเรื่องราวที่เพื่อนๆบรรยายมาในจดหมาย บ่นเรื่องเรียนบ้าง บ่นเรื่องเพื่อนคนอื่นบ้าง เล่าถึงที่เที่ยวบ้าง บางอย่างเราอ่านแล้วก็งงว่าพูดถึงอะไรกันนะ เหมือนมันเป็นมุกที่เล่นกันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้คิดไม่ออกแล้วว่ามันหมายถึงอะไร ... แล้วเราเขียนอะไรตอบเพื่อนๆไปนะ อยากรู้จัง
การไปห้องเก็บของในครั้งนี้ทำให้เราตั้งปณิธานเอาไว้บางอย่างว่า:
“ต่อไปนี้ จะซื้อแต่ของที่จะใช้ ซื้อแล้วคือต้องใช้”
“ถ้าวันหนึ่ง ใช้ไม่ได้แล้ว ก็ทิ้งไป”
“ถ้าวันหนึ่ง ไม่ใช้แล้ว ก็บริจาคไป”
“จะไม่เก็บเอาของไปเก็บไว้ในห้องเก็บของ”
“เพราะของที่เข้าไปในห้องเก็บของแล้ว มันจะไม่มีวันได้ออกมาอีก”
1
“นั่นแปลว่า … ไม่ใช้แล้ว”
“และเมื่อถูกเก็บอยู่นาน จากของ ไม่ใช้แล้ว จะกลายเป็นของ ใช้ไม่ได้
1
“แล้วสุดท้าย ก็ทำให้มันต้องถูกทิ้งไปอย่างสูญเปล่า แทนที่จะได้ประโยชน์ต่อไป”
นั่นคือปณิธานของเราในวันนี้และต่อๆไป …
#สมองสองช้อน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความยาวๆนี้ หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะคะ
หากไม่อยากพลาดบทความใหม่ๆ ในทุกๆวัน … กดติดตามไว้เลยนะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา