2 ส.ค. 2021 เวลา 15:22 • ธุรกิจ
จะ 1 ล้านหรือ 1 บาท อยู่ที่ว่า ‘แท้’ หรือ ‘ปลอม’
การ์ดเก่าเก็บที่คิดว่ามีมูลค่ามหาศาล อาจจะไร้ค่าได้หลังจากที่รู้ว่าแท้จริงมันเป็นของปลอม
การแยกของแท้ของปลอมให้ออกก่อนถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของก้าวแรกสู่โลกธุระกิจ
เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า การซื้อขายสินค้าปลอมหรือละเมิดลิขสิทธิ์นั้น มีโทษทางกฏหมาย โดยเฉพาะในต่างประเทศที่เข้มงวดในเรื่องนี้
การอ้างว่า ‘ไม่รู้’ ไม่ได้มีน้ำหนักมากพอต่อการพิจารณาบทลงโทษผู้ขาย ทั้งในกรณีที่ ‘Marketpleace’ หรือร้ายสุดคือ ‘ศาล’ เป็นโจทย์ไต่สวน หากเกิดข้อพิพาทขึ้น(การค้าขายออนไลน์จำเป็นต้องระวังในเรื่องนี้มากที่สุด โดยเฉพาะการค้าขายกับชาวต่างชาติ)
การดูว่าการ์ดยูกิที่มีอยู่แท้หรือปลอม มีข้อสังเกตุหลายจุดที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมกัน จะใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วตัดสินนั้นค่อนข้างยาก โดยเฉพาะปัจจุบัน การปลอมสามารถปลอมได้เนียนมากจนยากจะมองออกได้ง่ายๆ
วิธีที่ง่ายที่สุดเลย และอยากแนะนำเป็นวิธีแรก คือ
***‘การมีการ์ดแท้สักใบอยู่ในมือ’***
ซึ่งการ์ดแท้ส่วนใหญ่ราคาก็ถูกแสนถูก
แต่สำหรับมือใหญ่หรือคนที่เพิ่งเริ่มสะสม ที่ไม่แน่ใจว่าการ์ดที่มีอยู่กำลังจะซื้อจะใช้การ์ดแท้หรือไม่……
สิ่งที่ควรรู้แบะจดจำให้แม่น คือ
****การ์ดยูกิภาษาไทย เป็นการ์ดปลอม 10000000%****
****การ์ดขายหน้า รร. แบบแพคเป็นกอง 99% คือ การ์ดปลอม***
****ฟอยล์ที่มุมขวาล่างของการ์ดไม่ได้การันตีว่าเป็นการ์ดแท้***
****ขอบของการ์ดปลอมไม่ได้เบี้ยวทุกใบ เช่นกันกับการ์ดแท้บางใบก็ขอบเบี้ยวได้***
และ ****การ์ดแท้ ไม่ได้มีแค่ภาษา ‘ญี่ปุ่น’***
การ์ดยูกิแท้ถูกแปลเป็นหลายภาษา และมีขายทั่วโลก
1. อังกฤษ
2. อิตารี่
3. เยอรมัน
4. สเปน
5. เกาหลี
7. จีน
สิ่งที่ควรรู้อันดับต่อมาคือการ์ดยูกิ มีหลากหลายประเภท โดยเฉพาะการ์ดจากพวกยุคปี ค.ศ. 1998-1999 เพราะในขณะนั้น มีการ์ดต่างถูกผลิตต่างบริษัทกัน ได้แก่ Toei, Bandai และ Konami
ด้านหลังของการ์ดแท้
ซึ่งปัจจุบันการ์ดยูกิทั้งหมดถูกผลิตโดย Konami และเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม และมีมูลค่าสูงที่สุดจวบจนปัจจุบัน
เพราะฉะนั้น ในบทความนี้จึงจะกล่าวถึงแค่การ์ดจาก Komani เพราะเป็นที่นิยม และมีมูลค่ามากที่สุด
หากเจอว่าด้านหลังของการ์ด **นอกเหนือไปจากในรูปด้านบน** ให้สันนิษฐานไปก่อนว่าอาจจะเป็นการ์ดปลอม
ขั้นตอนการจำแนกการ์ดแท้/ปลอมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
1. หน้าการ์ด
และ 2. หลังการ์ด
ส่วน ***หน้าการ์ด***
อย่างแรกที่ต้องพิจารณา คือ ‘ความคมชัด’ ของหน้าการ์ดทั้งหมดโดยรวม จำพวก ตัวหนังสือ, รูปคาแลคาเตอร์, กรอบ, ลายเส้น และ สี
การ์ดแท้สีจะสด ลวดลายจะคมชัด ไม่เบลอ ไม่มัว โดยเฉพาะตัวหนังสือต่างๆ จะคมชัด สามารถดูออกเป็นตัวๆ ชัดเจนด้วยตาเปล่า
สีของการ์ดแท้จะสม่ำเสมอ การ์ดปลอมจะสีโอเวอร์กว่า หรืออ่อนกว่าอย่างเห็นได้ชัด
หมายเหตุ : ในส่วนของตัวหนังสือ สำหรับบางคนที่มีการ์ดแท้อยู่หรือสามารถอ่านภาษาที่พิมพ์บนการ์ดออก อาจจะสามารถจำแนกได้ในส่วนนี้ รวมไปถึง ‘ฟอนต์’ ที่ใช้ การ์ดปลอมจะไม่สามารถปลอมฟ้อนต์ได้
ข้อสังเกตุต่อมาคือ ‘ขอบการ์ด’ ส่วนนี้อาจจะเป็นส่วนที่ยากในการพิจารณา สำหรับมือใหม่ แต่ทว่ามันกลับเป็นจุดสังเกตุ **สำคัญ** ที่สามารถใช้การันตีได้เลยว่าการ์ดใบนั้นแท้หรือปลอมได้ในทันที
**ขอบของการ์ดแท้จะเป็นสีเทาควันบุหรี่ และมีเหลือบขาวไม่สม่ำเสมอ**
หากเป็นการ์ดปลอม อาจจะเป็นสีอื่น และสีจะเรียบเสมอกันหมด
ตัวอย่าง : การ์ดปลอมที่สีขอบเพี้ยนเป็นสีอื่นอย่างเห็นได้ชัด
หมายเหตุ : สิ่งที่มือใหม่มักเข้าใจผิด คือ **การ์ดปลอมขอบจะไม่เท่ากัน** ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ถึงแม้การ์ดปลอมส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้นจริง แต่ก็มีการ์ดแท้บางใบที่เป็นแบบนั้นด้วย นั่นคือ ‘Misprint / Error card’ หรือ ‘การ์ดพิมพ์พลาด’ ที่ในตลาดเฉพาะกลุ่ม มันมีราคาสูงมาก(จะอธิบายไว้ในบทความต่อๆไป)
ส่วนต่อมาคือ ‘ฟอยล์ตรงมุมขวาล่างการ์ด’
ส่วนนี้มักจะเข้าใจผิดว่า **การ์ดมีฟอยล์คือการ์ดแท้** ซึ่งส่วนนี้คือส่วนที่ในปัจจุบัน **แทบจะไม่สามารถนำมาใช้พิจารณา**ได้เลย
เพราะการ์ดปลอมในปัจจุบัน สามารถก็อปปี้ส่วนนี้ได้คล้ายกับการ์ดแท้เป็นอย่างมาก อีกทั้งการ์ดจากรุ่นแรก ในปี ค.ศ. 2000 จะไม่มีฟอยล์ตรงมุม รวมถึงไม่มีรหัสใต้มุมขวาของกรอบ
ตัวอย่างการ์ดแท้ที่มีฟอยล์มุมและไม่มีฟอยล์
ส่วนต่อมาคือส่วนที่ใหญ่ที่สุด เห็นได้ชัดที่สุด และเป็นจุดที่สามารถใช้การันตีได้เลยว่าการ์ดใบนั้นๆ คือการ์ดปลอม นั่นคือ
***คาแลคเตอร์/ตัวละคร จะต้อง ‘ไม่หลุดกรอบ/ทะลุกรอบ’ ด้านในออกมาเป็นอันขาด***
หากเจอการ์ดลักษณะ ตีเป็นการ์ดปลอมได้เลย 100000000% เพราะการ์ดแท้ ไม่มีเวอร์ชั่นไหนที่ทำออกมาแล้วหลุดกรอบ
นอกจากนี้ยังมีการ์ดที่ใช้รูปแปลกๆ มาแทนที่รูปเดิม จำพวกนี้คือการ์ดปลอมทั้งหมด
จำนวนของดาวบนมุมขวาของการ์ด ก็สามารภนำมาใช้พิจารณาได้ เพราะการ์ดแท้ จะมีดาวได้มากที่สุดคือ 12 ดวง และน้อยสุดจะมีแค่ 1 ดวง หากมีดาวมากกว่า 12 ดวง หรือไม่มีดาวสามารถตีเป็นการ์ดปลอมได้ทันที
รูปแบบของฟอยล์บนหน้าการ์ด(ส่วนสะท้อนแสง)ก็เช่นกัน ในระดับต่างๆ ของการ์ดแท้ จะมีจุดที่เป็นฟอยล์และลักษณะของฟอยล์ที่ต่างกัน ซึ่งเป็นส่วนที่ดูออกยากพอสมควรหากไม่มีการ์ดแท้ไว้เปรียบเทียบ
แต่ก็เช่นเดิม คุณภาพต่างๆ โดยเฉพาะ ‘ความคมชัด’ ของการ์ดปลอม ย่อมไม่สามารถสู้กับการ์ดแท้ได้ ดังตัวอย่างข้างล่าง ซึ่งหากเจอฟอยล์สะท้อนแสงในลักษณะนี้ สามารถตีเป็นการ์ดปลอมได้เลย เพราะในการ์ดแท้ ไม่มีฟอยล์สะท้อนแสงในลักษณะนี้
ส่วน **หลังการ์ด**
การพลิกดูข้างหลังการ์ดเป็นวิธีที่ง่าย และให้ความแม่นยำในการใช้การันตีการ์ดแท้/ปลอมได้มากที่สุด เพราะด้านหลังของการ์ดปลอมคือส่วนที่เนื้องานจะหยาบมากจนเห็นได้ชัด ทั้งสีเพี้ยน สีไม่เท่ากัน สีซีด ตัวหนังสือมัว ฯลฯ
สำหรับการ์ดแท้ มีข้อสังเกตุคล้ายครับส่วนของหน้าการ์ด นั่นคือ ‘ความคมชัด’ โดยรวมของหลังการ์ด โดยเฉพาะตัวหนังสือด้านหลัง จะต้อง ‘คมชัด’ แยกเป็นตัวๆ ได้ด้วยตาเปล่า
การดูขอบการ์ด ใช้วิธีเดียวกับหน้าการ์ด คือพิจารณาจากการเหลือบของสี แท้จะมีเหลือบขาว และลายของหลังการ์ดจะไม่กลืนไปกับสีของขอบ
การ์ดปลอมจะเพี้ยน กลืนสี หรือสีจะโอเวอร์กว่าหรืออ่อนกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้เนื้อกระดาษก็นำมาใช้การันตีได้ แต่เป็นวิธีที่ค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่ เพราะเนื้อสัมผัสของการ์ดแท้/ปลอมต่างกัน หากเคยสัมผัสการ์ดแท้ หรือได้คลุกคลีสัมผัสบ่อยๆ จะสามารถแยกออกได้ เพราะการ์ดแท้ผิวการ์ดจะไม่ลื่น เวลาสัมผัสจะรู้สึกสากๆ แต่การ์ดปลอมจะเรียบลื่น โดยเฉพาะด้านหลังการ์ด จะมีความมัน และเงาเป็นพิเศษในบางใบ
รวมไปถึงการสะท้อนของแสง ผิวของการ์ดแท้จะไม่กระจายแสง แสงจะรวมเป็นจุดเดียว และเห็นเนื้อการ์ดเป็นเม็ดๆ คล้ายทรายละเอียด ทั้งด้านหน้าและหลังการ์ด แต่ของปลอมจะไม่มีจุดรวมแสง แสงจะกระจาย และไม่เห็นเม็ดๆ คล้ายทรายตัวตัวการ์ด
ในบางคน ยังมีการใช้การดมลื่นเข้ามาประกอบด้วย ซึ่งวิธีนี้เหล่านี้ไม่ค่อยแนะนำ เพราะเป็นวิธีที่ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะการพิสูจน์ว่าเป็นจริงดังว่า
ที่กล่าวมาขั้นต้น เป็นวิธีการดูการ์ด แท้ / ปลอม แบบคร่าวๆ เท่านั้น เทคโนโลยีและนวัตกรรมในปัจจุบันก้าวหน้าจนส่งผลให้การ์ดปลอมมีความใกล้เคียงกับของแท้มากจนยากจะแยกออก
ทางที่ดีที่สุดคืออย่าด่วนตัดสินใจ ควรซื้อขายกับแหล่งที่หน้าเชื่อถือ และคนที่ไว้ใจได้
ขอบคุณผู้รักการอ่านทุกท่าน
@Dotto
โฆษณา