ไม่ว่าคุณจะเล่นกีฬาหรือไม่ก็คงจะคุ้นหูคุ้นตากับแบรนด์ Grand Sport กันมาบ้าง เพราะ Grand Sport เป็นแบรนด์กีฬารายใหญ่ในไทย ที่ก่อตั้งมายาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 เริ่มจากการเป็นร้านค้าปลีกอุปกรณ์กีฬาและเครื่องใช้กีฬา ต่อมาได้ขยับขยายกลายมาเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกีฬา จนปี พ.ศ.2512 ก็ได้เป็นเครื่องกีฬาไทยแบรนด์แรกที่ได้ติดตรา ‘Made in Thailand’ ลงบนเสื้อ
แต่ประเด็นหลักที่ยิ่งโหมกระหน่ำดราม่าเรื่องชุดนักกีฬาให้รุนแรงยิ่งขึ้น มาจากการแข่งขันแบดมินตันหญิงเดี่ยวของ ‘เมย์-รัชนก อินทนนท์’ กับเสื้อกีฬาของ Grand Sport สีเหลืองโคร่งๆ และลวดลายคลื่นสีดำบนไหล่เรียบๆ ที่มีสกรีนธงชาติไทยอยู่บนอก และที่สำคัญคือด้าน ‘ฟังก์ชัน’ เพราะชุดถูกออกแบบเป็นเสื้อยืดแขนสั้น ประกอบกับขนาดที่ไม่พอดีตัว ผู้ชมจึงได้เห็นนักกีฬาคอยถลกแขนเสื้อขึ้นอยู่ตลอด ทำให้กองเชียร์ทางบ้านอดขัดใจกับความเทอะทะของชุดไม่ได้
.
หลังการแข่งขันในแมตช์นี้ จึงเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ Grand Sport อย่างหนัก ในขณะที่ประเทศอื่นสามารถใส่เสื้อแขนกุด หรือสปอร์ตบราได้ แต่ไทยกลับออกแบบชุดแบบมีแขนเหมือนกันหมด แม้แต่นักกีฬาที่ต้องเคลื่อนไหวแขนเป็นหลักอย่างกีฬาแบดมินตันหรือปิงปอง ทำให้แขนเสื้อดูเกะกะและไม่คล่องตัวสำหรับนักกีฬา
.
จากประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการเป็นแบรนด์เจ้าภาพผู้สนับสนุนชุดนักกีฬาไทยในการแข่งขันโอลิมปิกของ Grand Sport ทำให้เป็นที่สงสัยของเหล่าแฟนกีฬาว่าทำไมแบรนด์ไม่ออกจาก Safe Zone เอาแต่ทำตามสไตล์เดิมๆ ไม่ว่ากี่ปีก็ไม่เปลี่ยนแปลง โดยไม่ได้พิจารณาถึงความเหมาะสมของประเภทกีฬาและตามยุคสมัย หรือเพราะการใส่สปอร์ตบราและเสื้อแขนกุดสำหรับผู้หญิงไทยนั้นดูไม่เหมาะสม? แต่หากพิจารณาถึงความเหมาะสมในการใช้งาน การปกปิดร่างกายให้มิดชิดไม่ใช่ความเหมาะสมเสมอไป และความกระชับของชุดเพื่อความคล่องตัวก็เป็นอีกเรื่องที่ควรพิจารณาที่สุดด้วยเช่นกัน
.
เพราะการยอมจ่ายเงินสนับสนุนของ Grand Sport ในครั้งนี้ไปกว่า 181 ล้านบาท ก็นับว่าคุ้มค่า เมื่อเทียบกับการได้โฆษณาแบรนด์ตัวเองออกสู่สายตาชาวโลกจำนวนมาก แต่ถามว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับตัวแทนนักกีฬาไทยหรือไม่ เมื่อเทียบกับการออกแบบชุดที่อาจลดประสิทธิภาพของตัวนักกีฬาลงแบบนี้?
.
.
สปิริตไม่ได้มีอยู่แค่ในสนาม
.
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว Grand Sport ก็ได้ทำตามสโลแกน ‘มีสปิริต มีแกรนด์สปอร์ต’ ของบริษัท เพราะหลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ต่อมาในการแข่งขันรอบ 16 คนสุดท้ายของ เมย์ รัชนก กองเชียร์ก็ต้องแปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงชุดของเมย์ ที่ Grand Sport ในฐานะสปอนเซอร์หลัก ยอมให้เปลี่ยนเป็นเสื้อแขนกุดสีน้ำเงินจาก ‘Yonex’ แบรนด์อุปกรณ์กีฬาสัญชาติญี่ปุ่น ที่แม้ไม่ได้ร่วมเป็นสปอนเซอร์แต่ก็ให้ความร่วมมือในการนำเสื้อมาให้นักกีฬาใส่ อีกทั้งยอมให้สกรีนลายธงชาติไทยแทนโลโก้แบรนด์ตัวเอง ทำให้ทั้ง Grand Sport และ Yonex ต่างได้ใจคนดูกันไปเต็มๆ ถึงสปิริตที่ทั้งคู่ยอมลดลงมากันคนละครึ่งทาง และคำนึงถึงประโยชน์ของนักกีฬาเป็นหลักก่อนเช่นนี้
.
.
ชุดนักกีฬาไทยที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน
.
หลังเกิดกระแสในโซเชียล ทาง Grand Sport ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ออกมารับผิดชอบ โดยจัดทำแบบสอบถามผ่าน Google Form เพื่อให้แฟนกีฬาชาวไทยมีโอกาสเสนอความคิดเห็นในการออกแบบชุดสำหรับนักกีฬาทีมชาติไทยในโอลิมปิกเกมครั้งนี้ โดยแบ่งแบบสอบถามเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นช่วงให้คะแนนความพึงพอใจชุดกีฬาในแต่ละชุด ก่อนจะให้แสดงความคิดเห็น ติ ชม วิจารณ์ เพื่อนำไปปรับปรุงชุดกีฬาต่อไปในส่วนหลังของแบบสอบถาม
นับว่ากระแสตอบรับอย่างรุนแรงในครั้งนี้ คงเป็นบทเรียนที่สำคัญของ Grand Sport อย่างมาก และเป็นข้อคิดตัวอย่างที่สำคัญให้กับผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ ต่อไปด้วยเช่นกัน ทั้งการยอมรับในข้อผิดพลาด สปิริตในการทำงาน รวมทั้งการประกอบธุรกิจโดยรับฟังเสียงและคำนึงถึงตัวผู้ใช้เป็นสำคัญ
.
หลังจาก Grand Sport หมดสัญญาไปในรอบนี้ ไม่ว่าปีถัดไปจะยังได้เป็นผู้สนับสนุนต่ออีกหรือไม่ แต่ในงานโอลิมปิกครั้งถัดไป ไม่ว่าแบรนด์ไหนจะได้มาเป็นสปอนเซอร์ต่อ เราก็หวังว่าคงจะได้เห็นชุดที่ออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ และเหมาะสมกับสรีระนักกีฬา เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด