โดยเราสามารถเข้าถึงได้ผ่านเบราว์เซอร์ยอดนิยม อย่าง Google Chrome, Firefox, Internet Explorer เป็นต้น และมักจะลงท้ายด้วย “. com” และ “.org” ซึ่งอ่านแล้วจะรู้ว่าชั้นบนสุดนี้คือกระบวนการของคนปกติเขาใช้กัน ツ
2. Deep Web ชั้นที่สอง "เว็บส่วนลึก” ลักษณะของชั้นนี้เป็นเว็บไซต์ที่ไม่ปรากฎในฐานข้อมูล Search engine ไม่เคยได้รับการเผยแพร่แบบสาธารณะและไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าถึงได้ด้วยวิธีปกติ เช่น เว็บที่ใช้งานเฉพาะเครือข่ายภายในองค์กรรัฐบาล NASA, USPTO, SEC ข้อมูลด้านการศึกษา บันทึกด้านการแพทย์ และอื่น ๆ
1
Deep Web ชั้นที่สอง (SOURCE : https://www.techtalkthai.com)
ชั้นนี้จะมีสัดส่วนประมาณ 90% ของเว็บไซต์ทั้งหมด ถ้าจะเปรียบเทียบเป็นภูเขาน้ำแข็ง Deep web ก็เหมือนน้ำแข็งที่อยู่ใต้น้ำที่มีปริมาณขนาดใหญ่มหึมา เป็นเว็บที่ซ่อนตัวอยู่มากจนไม่สามารถหาเจอได้ว่ามีการใช้งานกี่เว็บเพจ หรือมีเว็บไซต์กี่เว็บ
Deep Web มีกิจกรรมที่ผิดกฏหมายแอบแฝงในเว็บหรือไม่?
เพื่อความชัดเจน Deep Web นั้นถูกซ่อนไว้ด้วยเหตุผลที่ดี ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างแท้จริง ในความเป็นจริงแล้วมันก็มีเทคโนโลยีที่จะซ่อนสิ่งส่วนตัวจากการค้นหาสาธารณะ ไม่เช่นนั้นเราจะต้องเก็บเอกสารส่วนตัวทั้งหมดของเราไว้ในรูปแบบของกระดาษเหมือนที่ปู่ย่าตายายของเราทำมาหลายทศวรรษแล้วนั่นเอง
4
กล่าวโดยสรุปแล้วข้อมูลเหล่านี้ของชั้น Deep Web ถูกเก็บไว้ให้อยู่ห่างจากเครื่องมือค้นหาและอยู่หลังระบบกำแพงที่ทรงพลังที่ป้องกันข้อมูล
และ 3. Dark Web ชั้นที่ลึกที่สุด สามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์เฉพาะทางเท่านั้น เป็นเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานตั้งใจซ่อนอำพรางการเข้าถึง ทำให้เป็นเว็บไซต์ที่หาเจอได้ยากที่สุด และด้วยความสามารถในการออกแบบตั้งแต่ซอฟต์แวร์ของเว็บชั้นนี้ จึงเป็นช่องทางเพื่อใช้ในเชิงผิดกฎหมายหรือหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากรัฐบาล ถ้าให้เทียบกับภูเขาน้ำแข็ง dark web จะเป็นส่วนของน้ำแข็งที่อยู่ชั้นล่างสุดเลย
วิธีการเข้าถึง Dark Web?
3
ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าต้องเข้าผ่านเว็บเบราเซอร์เฉพาะทางเท่านั้น ไม่สามารถเข้าถึงด้วยวิธีการปกติ อย่าง Google Chrome หรือ Firefox ต้องใช้ซอฟต์แวร์พิเศษที่สร้างมาเพื่อเว็บนี้โดยเฉพาะ เช่น Tor Browser (โดย Tor ย่อมาจาก The Onion Router) คุณสมบัติของเบราเซอร์ตัวนี้เป็นเบราเซอร์ที่มีระบบปกปิดตัวตนของผู้ใช้ ทำให้การระบุตำแหน่งหรือตัวตนของผู้ใช้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
หน้าตาไอคอนของ Tor Browser (SOURCE : https://gadgets.ndtv.com/)
ถึงจะใช้ Tor Browser ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้าถึง Dark web ได้ง่าย ๆ เพราะ Dark Web จะไม่ปรากฏบน search engine จึงจำเป็นต้องมี URL ของเว็บไซต์นั้น ๆ
และจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบของ www.domain.com เหมือนที่เราใช้งานกัน แต่จะเข้ารหัสเป็นชุดตัวอักษรและตัวเลขยาว ๆ เช่น http://gv2fxl6tdj6vo4xr.onion (ข้อสังเกต : โดเมนที่ลงท้ายด้วย .onion เป็นโดเมนที่ใช้บน Dark Web โดยเฉพาะ สิ่งเหล่านี้คล้ายกับโดเมนปกติ แต่ไม่สามารถเข้าถึงได้หากไม่มีเบราว์เซอร์พิเศษเช่น TOR Browser)
1
นอกจากจะจำยากแล้วยังหายากอีกด้วยเพราะส่วนใหญ่จะแบ่งปันกันเฉพาะคนวงในเท่านั้น แต่ใน Dark web ก็มี Search engine เหมือนกันคือ Grams ซึ่ง URL ของเว็บจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
เพราะฉะนั้นการเข้าสู่ Dark Web จึงไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าเว็บไซต์อะไร และมีจุดประสงค์เอาไปใช้ในทางใด แต่ถึงเรามีจุดประสงค์ที่ดีในการเข้า Dark Web ควรต้องตระหนักไว้ว่าเราอาจจะได้รับไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แฝงตัวอยู่บนเครือข่ายโดยไม่รู้ตัว
มัลแวร์ และสปายแวร์เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ควรระมัดระวังอย่างมากระหว่างการท่อง Dark Web เนื่องจากมีมัลแวร์กระจัดกระจายอยู่มากมาย อาจทำให้คุณต้องทิ้งคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นไปเลย
ประวัติของเว็บที่ซ่อนอยู่นั้นเกือบจะเก่าพอ ๆ กับประวัติศาสตร์ของอินเทอร์เน็ต ไม่พบบันทึกอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ "วันที่เริ่มต้น" ที่แท้จริง แต่เชื่อว่า Dark Web ที่เรารู้จักในวันนี้ เริ่มต้นในปี 2000 ด้วยการเปิดตัว Freenet
เสรีภาพและของดีใน Dark Web
Dark Web เป็นพื้นที่แห่งความอิสระอย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น คุณสามารถพูดเรื่องการเมืองได้อย่างเปิดเผย โดยไม่ต้องกลัวการฟ้องร้องจากหน่วยงานท้องถิ่นของคุณไม่ว่าคุณจะอยู่ฝ่ายไหน
ProPublica หนึ่งในเว็บข่าวสารที่น่าสนใจแห่ง Dark Web (SOURCE : https://news.mthai.com)
สรุปแล้ว Dark Web เป็นชั้นที่มีความหลากหลายอยู่ในตัว ที่มีทั้งส่วนที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ และส่วนที่ผู้ใช้สามารถหาประโยชน์จากมัน โดยที่ไม่อาจจะหาได้จากเว็บไซต์ชั้นผิวอื่น
การใช้ Dark Web จึงไม่ได้หมายความว่า เราจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์เสมอไป แต่เมื่อเราสามารถเข้าถึงเว็บมืดได้แล้ว หมายความว่าเรามีโอกาสที่จะพบเจอหรือเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย ไปจนถึงภัยอันตรายที่เราอาจตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น..การรู้เท่าทันเว็บไซต์เหล่านี้จึงสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็น
1
เปลี่ยนความคิดของคุณ!
ผู้คนมากมายท่องเว็บทุกวันอย่างไม่ระมัดระวังและถึงแม้จะมีภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นทุกวัน ยังมีความคิดที่ว่าเว็บเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยในการใช้งาน การท่องเว็บมืดด้วยความคิดนี้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต จงตระหนักถึงความปลอดภัยอยู่เสมอ อย่าเชื่อใจใคร ระวังการคบหาเพื่อนบน Dark Web เพราะนั่นไม่ใช่ Facebook
1
ขอให้เพลิดเพลินกับอิสระของคุณ แต่จำเอาไว้ว่าหากคุณพยายามที่จะปกปิดตัวตนของคุณเพื่อใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ หากถูกจับได้คุณจะถูกดำเนินคดีจากกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม ที่คุณมีส่วนร่วมใน Dark Web เดี๋ยวนะพวกเขาตามจับได้แม้แต่ ซัดดัม ฮุสเซน ใช่ไหม?
3
***บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อนําเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ Dark Web ให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้นเท่านั้น ไม่สนับสนุนให้ใครก็ตามเข้าสู่ Dark Web เพื่อไปทำกิจกรรมผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น