1 ส.ค. 2021 เวลา 10:27 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
หากนรกบนดินมีอยู่จริง ที่แห่งนั่นคงเป็น "ดาร์กเว็บหรือเว็บมืด" (Dark web)
4
"มันไม่ใช่ที่ของคนปกตินะ!" นี้คือคำกล่าวของผู้ใช้ Facebook รายหนึ่ง ชื่อ Usar Cole SC ที่เคยไปเยือนและสัมผัสในเว็บมืดมาแล้ว แล้วเขาปกติอย่างนั้นหรือ..? ถึงได้เข้าไปในที่ที่ไม่ปกติแบบนั้น จะด้วยเหตุและผลประการใดก็ไม่อาจรู้ได้
1
หากแต่เว็บนี้เปรียบเสมือนกับอีกโลกหนึ่งของบุคคลที่ใช้ชีวิตตรงข้ามกับมนุษย์ปกติทั่วไปอย่างเรา เพราะกลุ่มคนที่เข้าใช้งานส่วนใหญ่จะถูกจัดให้อยู่ในประเภทที่มีความเข้มข้นทางจิตสูง!!
1
คำถามคือ..แล้วเว็บไซต์นี้มันมีอะไรที่แปลกหรือแตกต่างจากเว็บไซต์ที่คนปกติทั่วๆไปอย่างเราใช้งานอย่างนั้นหรือ? ในบทความนี้จะพาเพลินไปกับความรู้โลกอินเทอร์เน็ตอีกด้านหนึ่งที่อยู่ลึกและเข้าถึงยาก
พอล แจ็คสัน ได้เปรียบเทียบอินเทอร์เน็ตกับภูเขาน้ำแข็งที่มีระดับการมองเห็น 3 ชั้นด้วยกัน ได้แก่
1
พอล แจ็คสัน (SOURCE : https://www.kroll.com/en-ca)
1. Surface Web ชั้นบนสุด เป็นเว็บไซต์ทั่วไปที่คนปกติอย่างเราใช้งานกัน และสามารถค้นหาเจอได้บน Search Engine เข้าถึงได้ด้วยวิธีปกติ (รู้จักกันในชื่อ World Wide Web หรือ www.) Search Engine ที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่ http://www.google.com เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก
1
ในทางสถิติแล้วเว็บไซต์ของชั้นนี้มีเพียง 5% ของเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ตทั้งหมด! และถ้าเปรียบเทียบกับภูเขาน้ำแข็งแล้ว เว็บเหล่านี้คือส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำออกมา อ่านถึงตรงนี้แล้ว..คุณคงเริ่มคิดบ้างแล้วใช่หรือไม่ ว่าเนื้อหาที่เราเห็นตามเว็บต่าง ๆ มันเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งของข้อมูลเท่านั้นหรือนี้
4
โดยเราสามารถเข้าถึงได้ผ่านเบราว์เซอร์ยอดนิยม อย่าง Google Chrome, Firefox, Internet Explorer เป็นต้น และมักจะลงท้ายด้วย “. com” และ “.org” ซึ่งอ่านแล้วจะรู้ว่าชั้นบนสุดนี้คือกระบวนการของคนปกติเขาใช้กัน ツ
2. Deep Web ชั้นที่สอง "เว็บส่วนลึก” ลักษณะของชั้นนี้เป็นเว็บไซต์ที่ไม่ปรากฎในฐานข้อมูล Search engine ไม่เคยได้รับการเผยแพร่แบบสาธารณะและไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าถึงได้ด้วยวิธีปกติ เช่น เว็บที่ใช้งานเฉพาะเครือข่ายภายในองค์กรรัฐบาล NASA, USPTO, SEC ข้อมูลด้านการศึกษา บันทึกด้านการแพทย์ และอื่น ๆ
1
Deep Web ชั้นที่สอง (SOURCE : https://www.techtalkthai.com)
ชั้นนี้จะมีสัดส่วนประมาณ 90% ของเว็บไซต์ทั้งหมด ถ้าจะเปรียบเทียบเป็นภูเขาน้ำแข็ง Deep web ก็เหมือนน้ำแข็งที่อยู่ใต้น้ำที่มีปริมาณขนาดใหญ่มหึมา เป็นเว็บที่ซ่อนตัวอยู่มากจนไม่สามารถหาเจอได้ว่ามีการใช้งานกี่เว็บเพจ หรือมีเว็บไซต์กี่เว็บ
Deep Web มีกิจกรรมที่ผิดกฏหมายแอบแฝงในเว็บหรือไม่?
เพื่อความชัดเจน Deep Web นั้นถูกซ่อนไว้ด้วยเหตุผลที่ดี ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างแท้จริง ในความเป็นจริงแล้วมันก็มีเทคโนโลยีที่จะซ่อนสิ่งส่วนตัวจากการค้นหาสาธารณะ ไม่เช่นนั้นเราจะต้องเก็บเอกสารส่วนตัวทั้งหมดของเราไว้ในรูปแบบของกระดาษเหมือนที่ปู่ย่าตายายของเราทำมาหลายทศวรรษแล้วนั่นเอง
4
กล่าวโดยสรุปแล้วข้อมูลเหล่านี้ของชั้น Deep Web ถูกเก็บไว้ให้อยู่ห่างจากเครื่องมือค้นหาและอยู่หลังระบบกำแพงที่ทรงพลังที่ป้องกันข้อมูล
และ 3. Dark Web ชั้นที่ลึกที่สุด สามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์เฉพาะทางเท่านั้น เป็นเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานตั้งใจซ่อนอำพรางการเข้าถึง ทำให้เป็นเว็บไซต์ที่หาเจอได้ยากที่สุด และด้วยความสามารถในการออกแบบตั้งแต่ซอฟต์แวร์ของเว็บชั้นนี้ จึงเป็นช่องทางเพื่อใช้ในเชิงผิดกฎหมายหรือหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากรัฐบาล ถ้าให้เทียบกับภูเขาน้ำแข็ง dark web จะเป็นส่วนของน้ำแข็งที่อยู่ชั้นล่างสุดเลย
วิธีการเข้าถึง Dark Web?
3
ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าต้องเข้าผ่านเว็บเบราเซอร์เฉพาะทางเท่านั้น ไม่สามารถเข้าถึงด้วยวิธีการปกติ อย่าง Google Chrome หรือ Firefox ต้องใช้ซอฟต์แวร์พิเศษที่สร้างมาเพื่อเว็บนี้โดยเฉพาะ เช่น Tor Browser (โดย Tor ย่อมาจาก The Onion Router) คุณสมบัติของเบราเซอร์ตัวนี้เป็นเบราเซอร์ที่มีระบบปกปิดตัวตนของผู้ใช้ ทำให้การระบุตำแหน่งหรือตัวตนของผู้ใช้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
หน้าตาไอคอนของ Tor Browser (SOURCE : https://gadgets.ndtv.com/)
ถึงจะใช้ Tor Browser ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้าถึง Dark web ได้ง่าย ๆ เพราะ Dark Web จะไม่ปรากฏบน search engine จึงจำเป็นต้องมี URL ของเว็บไซต์นั้น ๆ
และจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบของ www.domain.com เหมือนที่เราใช้งานกัน แต่จะเข้ารหัสเป็นชุดตัวอักษรและตัวเลขยาว ๆ เช่น http://gv2fxl6tdj6vo4xr.onion (ข้อสังเกต : โดเมนที่ลงท้ายด้วย .onion เป็นโดเมนที่ใช้บน Dark Web โดยเฉพาะ สิ่งเหล่านี้คล้ายกับโดเมนปกติ แต่ไม่สามารถเข้าถึงได้หากไม่มีเบราว์เซอร์พิเศษเช่น TOR Browser)
1
นอกจากจะจำยากแล้วยังหายากอีกด้วยเพราะส่วนใหญ่จะแบ่งปันกันเฉพาะคนวงในเท่านั้น แต่ใน Dark web ก็มี Search engine เหมือนกันคือ Grams ซึ่ง URL ของเว็บจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
1
หน้าตาของ Grams (SOURCE : https://security.land/navigating-through-the-deep-and-dark-web/)
TOR เป็นเวอร์ชั่นของเว็บเบราว์เซอร์ Firefox ยอดนิยมที่ได้รับการปรับเปลี่ยน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเรียกดูเว็บโดยไม่ระบุตัวตนได้ หากใครที่อ่านอยู่ แล้วเกิดความรู้สึกห้าวหาญในใจอยากลองดาวน์โหลดและท่องเว็บมืดนี้อยู่ล่ะก็ ในระหว่างที่คุณรอ TOR ดาวน์โหลด ควรนำเทปสีเข้มมาติดบนเลนส์กล้องเว็บแคมของคุณ!! เพราะมีโอกาสถูกสอดแนมจากกล้องเว็บแคมที่ติดตั้งอยู่ได้ตลอดเวลา
3
คำเตือน : ก่อนจะดำเนินการต่อไป สำคัญมากที่คุณต้องเข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ บน Dark Web นั้นผิดกฎหมายและอันตรายอย่างมาก หากเราใช้หัวหอมนี้ก็เหมือนเป็นช่องทาง/ประตูเข้าไปหาแหล่งลับ ๆ โดยที่แหล่งลับ ๆ เนี่ย อาจจะเล็ดลอดมาที่ข้อมูลเครื่องของเราเช่นกัน อย่างที่ได้ยินว่า มาขุดทอง เอ๊ย! ขุดเหรียญในเครื่องเราบ้างแหล่ะ
2
ถ้าเข้าไปแล้วมีคนตามออกมา ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเหมือนกัน เพราะคนพวกนี้เป็นแฮ็คเกอร์ระดับมืออาชีพ หน่วยงานเอฟบีไอ และซีไอเอ ยังนั่งไล่ปิดเว็บพวกนี้กันอยู่เลย
2
อะไรซ่อนอยู่ใน Dark Web?
2
หากคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ จะรู้ว่าอาชญากรไซเบอร์ในยุคปัจจุบันนั้นต้องการสิ่งที่มากกว่าเงิน พวกมันขโมยทุกอย่างที่มีค่า เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลส่วนตัว และอีกมากมาย ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นสินค้าบน Dark Web ที่ถูกนำไปซื้อ-ขาย หรือแลกเปลี่ยน
ภาพจากเว็บไซต์ Silk Road 3.0 สังเกตได้ว่าใช้บิตคอยน์ในการแลกเปลี่ยน (SOURCE : https://www.tcijthai.com/news/2017/16/scoop/7164)
ที่หนักกว่านั้น เว็บมืดยังมีตลาดอาวุธ การให้บริการ Phishing e-Mail (อีเมล์ลวง) บริการลอบสังหาร ทำร้ายร่างกาย ค้ามนุษย์ รวมไปถึงฆาตกรรมอีกด้วย
3
และอีกสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เกินขอบเขตความเป็นมนุษย์ก็คือ การซื้อขายสนัฟฟิล์ม (Snuff Film : หนังที่เล่นจริงตายจริง) การทรมานและฆ่าคนแบบไลฟ์สด การทรมานเด็กเล็กจนถึงแก่ชีวิต สื่อลามกอนาจารที่วิปริตซึ่งผิดกฎหมายแทบจะทุกพื้นที่บนโลก (มันถูกขายสู่ตลาดมืดด้วยราคาที่สูงลิบลิ่ว!) ซึ่งนี่แหล่ะเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เว็บพวกนี้ถูกเรียกว่า dark web เพราะมันคือศูนย์รวมด้านมืดของมนุษย์นั่นเอง
3
หนังใต้ดิน Snuff Film (SOURCE : https://www.clipmass.com/story/107542)
เมื่อมีการค้าขาย แล้ว Dark web ใช้สกุลเงินใดในการแลกเปลี่ยน?
ตลาดบน Dark web มักจะมีการใช้ cryptocurrency อย่างเช่น Bitcoin มาเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน และล่าสุดมีการนำเอา privacy coin หรือเหรียญคริปโตที่ไม่เปิดเผยข้อมูลในการทำธุรกรรม และไม่สามารถตามติดเส้นทางการทำธุรกรรมได้มาใช้ โดยเหรียญดังกล่าวประกอบไปด้วย Monero และ Zcash
เหรียญ Monero และ Zcash ที่ใช้แลกเปลี่ยนบน Dark Web (SOURCE : https://www.financemagnates.com)
คุณสามารถซื้ออะไรใน Dark Web ได้บ้าง?
Dark Web เป็นตลาดที่ไม่มีการควบคุม ผู้คนสามารถซื้ออะไรก็ได้ ซึ่งรวมถึงอาวุธปืน ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย สัตว์ป่าผิดกฎหมาย วิดีโอที่น่ากลัว หนังสือเดินทางปลอม บัญชี Netflix ข้อมูลบัตรเครดิตหรือแม้กระทั่งการจ้างสไนเปอร์หรือนักฆ่า!
1
แม้แต่โฆษณาที่คุณเห็นในขณะที่ท่องเว็บมืดก็จะแตกต่างกัน ที่นี่คุณอาจพบ Guns R Us!
สินค้าที่พบได้บน Dark Web (SOURCE : https://cosmosmagazine.com)
Dark Web ในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยเคยจับกุมแอดมินที่ดูแลเว็บไซต์ AlphaBay เว็บไซต์นี้ก่อตั้งเมื่อปี 2014 โดยชาวแคนาดา ชื่อนายอเล็กซานเดร คาเซส อายุ 26 ปี แต่งงานกับสาวไทย คาเซสใช้ชื่อในโลกออนไลน์ว่า Alpha02 และ Admin ซึ่งถูกจับได้ที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2017 จากความร่วมมือของทางการสหรัฐฯ แคนาดา และไทย
ตำรวจยึดทรัพย์คฤหาสน์หรู บ้านตากอากาศริมทะเล ซูเปอร์คาร์ ทำการอายัดเงินสกุลดิจิตอลบิตคอยน์ในประเทศไทย 255,700,000 ล้านบาท ในประเทศลิทัวเนีย 65,600,000 ล้านบาท อายัดเงินสดในบัญชีธนาคารไทย 46,000,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 726,300,000 ล้านบาท
1
เป็นการทำลายตลาดมืดทางอินเทอร์เน็ตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเว็บไซต์นี้เป็นสถานที่พบปะของผู้ขายกว่า 40,000 คน และลูกค้าราว 200,000 คน ต่อมานายคาเซสได้แขวนคอตัวเองเสียชีวิตภายในห้องขังเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2017
Alexandre cazes ได้ใช้ผ้าเช็ดตัวผูกคอตัวเองภายในห้องน้ำจนขาดอากาศหายใจ (SOURCE : https://www.chiangraitimes.com)
สินค้าที่ AlphaBay ขาย มีทั้งยาเสพติด อาวุธ บัตรประชาชนและเอกสารปลอม ซอฟต์แวร์เถื่อน ยาพิษ และสินค้าผิดกฎหมายอื่น ๆ
สินค้าที่ขายบนเว็บ AlphaBay (SOURCE : https://www.researchgate.net)
Dark Web มีแต่สิ่งที่ผิดกฏหมายอย่างนั้นหรือ?
Dark web นั้นไม่ได้มีแต่สิ่งที่ไม่ดีเสมอไป ยังมีผู้คนบางกลุ่มที่ต้องการเคลื่อนไหวแบบไม่ระบุตัวตน เช่น เหล่านักรณรงค์และผู้สื่อข่าวที่มีอุดมการณ์สวนทางกับรัฐบาล ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเว็บไซต์ WikiLeaks ซึ่งเปิดเผยการคอร์รัปชันของรัฐบาลต่าง ๆ ทั่วโลก
WikiLeaks ได้เปิดเผยเอกสารลับของกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับปฏิบัติการในแอฟกานิสถาน (SOURCE : https://www.voathai.com)
เพราะฉะนั้นการเข้าสู่ Dark Web จึงไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าเว็บไซต์อะไร และมีจุดประสงค์เอาไปใช้ในทางใด แต่ถึงเรามีจุดประสงค์ที่ดีในการเข้า Dark Web ควรต้องตระหนักไว้ว่าเราอาจจะได้รับไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แฝงตัวอยู่บนเครือข่ายโดยไม่รู้ตัว
มัลแวร์ และสปายแวร์เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ควรระมัดระวังอย่างมากระหว่างการท่อง Dark Web เนื่องจากมีมัลแวร์กระจัดกระจายอยู่มากมาย อาจทำให้คุณต้องทิ้งคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นไปเลย
1
หนึ่งในประเภทมัลแวร์ที่โด่งดังและมีความอันตรายมากอย่าง “มัลแวร์เรียกค่าไถ่” (Ransomware) ก็ล้วนฝังตัวอยู่ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ในเว็บมืดเช่นกัน
Dark Web “เริ่มต้น” เมื่อใด?
1
ประวัติของเว็บที่ซ่อนอยู่นั้นเกือบจะเก่าพอ ๆ กับประวัติศาสตร์ของอินเทอร์เน็ต ไม่พบบันทึกอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ "วันที่เริ่มต้น" ที่แท้จริง แต่เชื่อว่า Dark Web ที่เรารู้จักในวันนี้ เริ่มต้นในปี 2000 ด้วยการเปิดตัว Freenet
เสรีภาพและของดีใน Dark Web
Dark Web เป็นพื้นที่แห่งความอิสระอย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น คุณสามารถพูดเรื่องการเมืองได้อย่างเปิดเผย โดยไม่ต้องกลัวการฟ้องร้องจากหน่วยงานท้องถิ่นของคุณไม่ว่าคุณจะอยู่ฝ่ายไหน
ProPublica หนึ่งในเว็บข่าวสารที่น่าสนใจแห่ง Dark Web (SOURCE : https://news.mthai.com)
และยังเต็มไปด้วยข้อมูลความรู้ เอกสารที่มีประโยชน์ เช่น ห้องสมุดออนไลน์ที่รวบรวมหนังสือหายากไว้มากมาย สถานีวิทยุที่เน้นเปิดเพลงแปลก ๆ หายาก ที่อาจจะหาฟังไม่ได้ตามเว็บไซต์ทั่วไป แหล่งข้อมูลความรู้เฉพาะทาง เอกสารหายากหรือเก่าแก่
1
ชุมชนแลกเปลี่ยนแสดงความเห็นแบบเฉพาะทาง บริการอีเมล์ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยขั้นสูง สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในเว็บมืดปะปนไปกับบริการผิดกฎหมายที่กล่าวไปแล้วข้างต้น น่าเสียดายที่มันเป็นส่วนผสมระหว่าง เอ่อ...สิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดีเท่าไหร่
สรุปแล้ว Dark Web เป็นชั้นที่มีความหลากหลายอยู่ในตัว ที่มีทั้งส่วนที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ และส่วนที่ผู้ใช้สามารถหาประโยชน์จากมัน โดยที่ไม่อาจจะหาได้จากเว็บไซต์ชั้นผิวอื่น
การใช้ Dark Web จึงไม่ได้หมายความว่า เราจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์เสมอไป แต่เมื่อเราสามารถเข้าถึงเว็บมืดได้แล้ว หมายความว่าเรามีโอกาสที่จะพบเจอหรือเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย ไปจนถึงภัยอันตรายที่เราอาจตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น..การรู้เท่าทันเว็บไซต์เหล่านี้จึงสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็น
1
เปลี่ยนความคิดของคุณ!
ผู้คนมากมายท่องเว็บทุกวันอย่างไม่ระมัดระวังและถึงแม้จะมีภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นทุกวัน ยังมีความคิดที่ว่าเว็บเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยในการใช้งาน การท่องเว็บมืดด้วยความคิดนี้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต จงตระหนักถึงความปลอดภัยอยู่เสมอ อย่าเชื่อใจใคร ระวังการคบหาเพื่อนบน Dark Web เพราะนั่นไม่ใช่ Facebook
1
ขอให้เพลิดเพลินกับอิสระของคุณ แต่จำเอาไว้ว่าหากคุณพยายามที่จะปกปิดตัวตนของคุณเพื่อใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ หากถูกจับได้คุณจะถูกดำเนินคดีจากกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม ที่คุณมีส่วนร่วมใน Dark Web เดี๋ยวนะพวกเขาตามจับได้แม้แต่ ซัดดัม ฮุสเซน ใช่ไหม?
3
***บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อนําเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ Dark Web ให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้นเท่านั้น ไม่สนับสนุนให้ใครก็ตามเข้าสู่ Dark Web เพื่อไปทำกิจกรรมผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น
2
ที่มา
โฆษณา