Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เด็กการเงิน DekFinance
•
ติดตาม
31 ก.ค. 2021 เวลา 07:27 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Asset Allocation Like A Pro
รู้จักการทำ Asset Allocation และนำไปประยุกต์จัดพอร์ทแบบโปรกันได้เลย 😄
นอกจากหลักการ Core-Satellite ที่เราเคยแนะนำให้ทุกคนให้รู้จักกันแล้ว วันนี้ #เด็กการเงิน ขอนำหลักการจัดพอร์ทที่ใช้กระจายความเสี่ยง ลดความผันผวน เพื่อการเติบโตในระยะยาว และระยะสั้น ทำอย่างไร ค่อยๆมารู้จักกันนะ
ทำไมต้อง Asset Allocation
เนื่องจากสินทรัพย์มีหลากหลายชนิด ไล่ตั้งแต่ เงินสด ตราสารหนี้ หุ้น ทรัสต์ในอสังหาริมทรัพย์ และสินค้าโภคภัณฑ์ สิ่งเหล่านี้มีลักษณะ ความเสี่ยง และที่รายได้ที่ต่างกัน เช่น
🍓ตราสารหนี้มาจากการกู้ยืม ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับการชำระหนี้ โดยเจ้าหนี้จะได้ดอกเบี้ยและเงินต้นจากการให้กู้ยืม (ไม่ว่าลูกหนี้จะเป็น รัฐ สถาบัน หรือ บริษัท)
🍉หุ้น ได้รายได้จากการทำกิจการ รายได้ขึ้นอยู่กับการขายสินค้า การลงทุน หุ้นจะขึ้นลงตามราคาในตลาด และผลตอบแทนจากการปันผล
🍎ทรัสต์ในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์และโครงส้รางพื้นฐาน รายได้แปรผันตามจากค่าเช่า และการบริการ โดยปกติถ้าไม่ใช่ COVID-19 แล้ว REIT มักจะมีความเสี่ยงพอๆกับหุ้น คือราคาขึ้นอยู่กับการซื้อขายในตลาด และอัตราการปันผล
🍒ทองคำ ขึ้นลงตามเสถียรภาพของค่าเงิน ความมั่นคง และภาวะเศรษฐกิจ โดยมักจะเคลื่อนไหวตรงข้ามกับหุ้น เมื่อโลกเกิดความไม่แน่นอน ราคาทองคำจะขึ้น เป็นต้น
ที่ยกตัวอย่างมา จะเห็นได้ว่า สินทรัพย์เหล่านี้มีลักษณะที่แตกต่างกัน การขึ้นลงของราคาที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้เกิดการกระจายความเสี่ยงออกจากสิ่นทรัพย์หนึ่ง เมื่อมาจัดเป็นพอร์ทการลงทุน
ความเสี่ยงที่มากขึ้น ทำให้เกิดความคาดหวังต่อผลตอบแทนที่มากขึ้น
สินทรัพย์มีมูลค่าและผลตอบแทนขึ้นลง ไม่มีสินทรัพย์ไหนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงตลอด ดังนั้นต้องมีการผสมผสานระหว่างassetเข้าด้วยกัน
☀️Strategic Asset Allocation (SAA)
คือการจัดพอร์ทการลงทุนตามวัตถุประสงค์ที่มีเป้าหมายระยะยาว ให้ผลตอบแทนเติบโตไปตามผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Equity หรือ สัดส่วนที่เป็นหุ้น โดยถ้าจากอายุมากไปน้อย ความเสี่ยงที่คนอายุน้อยกว่ามักจะรับได้คือ สูญเสียเงินต้นได้มากในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือความสามารถในการหาเงินทุนมาลงทุนต่อ ยังมีมากสำหรับคนอา่ยุน้อย ไม่เหมือนกับคนวัยใกล้เกษียณที่ต้องการให้เงินต้นอยู่มาก เมื่อไม่มีรายได้แล้ว จะได้ใช้เงินก้อนนั้นอย่างสบายใจ
ดังนั้นสัดส่วนที่จััดให้กับผู้มีอายุน้อยคือมีหุ้นมาก ตราสารหนี้และREIT น้อย เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้น ในทางกลับกัน ผู้มีอายุมากมี ตราสารหนี้และREIT มากขึ้น แต่ยังคงสัดส่วนที่เป็นหุ้นในตลาดที่พัฒนาแล้ว ที่มั่นคงกว่า ตลาดเกิดใหม่ แม้ตลาดหลังจะดูมีโอกาสเติบโตที่มากกว่า แต่ความผันผวนก็จะตามมาเช่นกัน
การกระจายลงทุนในประเทศต่างๆ หรือที่เรียกว่า Geographical Diversification นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นตลาดที่พัฒนาแล้ว และตลาดเกิดใหม่ เราขอแนะนำให้มีตลาดที่พัฒนาแล้วมากกว่าเสมอ เพื่อสมดุลความผันผวนของพอร์ทโดยรวม ที่นโยบายการเงินฝั่ง Developed Market มักจะมีผลต่อโลก ส่วน Emerging Market เราลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนที่มากขึ้น ในส่วนนี้สามารถใช้ Core-Satellite มาผนวกกับหลักการ SAA ได้ เสริมส่วน Thematic เข้าไปในส่วนของหุ้นได้เลย
ทองคำมักจะเป็นคำถามว่าต้องมีในพอร์ทหรือไม่ ทั้งกองทุนทองคำ และทองคำแท่ง ..ขอตอบในฉบับเด็กการเงิน สายกลางว่าควรมีไว้ แม้จะไม่ใช่พระเอกของพอร์ท แต่การมีไว้ดึงผลตอบแทนโดยรวมให้นิ่งขึ้น ทองคำจะทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดี
1
ขอแตะเรื่อง Cryptocurrency เล็กน้อย ว่าลงทุนได้แต่จำกัดปริมาณลงทุนให้เหมาะสม และต้องเคลียร์ตัวเองให้ชัดเจนว่าเราเป้นนักเทรด หรือนักลงทุนรอวันที่คริปโตได้ถูกนำมาใช้ ความหายากของมันทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นไม่หยุด เป็นต้น (ฝากการบ้านลองดูนะ)
SAA จำเป็นจะต้องทำการ rebalance สัดส่วนแต่ละสินทรัพย์เป็นประจำทุก 1-2 ปี เพื่อทำกำไรและดึงสัดส่วนกลับมาให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสม
☀️ Tactical Asset Allocation (TAA)
หรือการทำ Asset Allocation ในระยะเวลาอันสั้น ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด ส่วนใหญ่จะจัดเพียง 3 asset class เท่านั้นคือ ตราสารหนี้ หุ้น และเงินสด ในที่นี้เราขอรวม ตราสารหนี้กับเงินสดไว้ด้วยกัน และแบ่งหุ้นออกเป็น Developed & Emerging Market ซึ่งเราได้กล่าวไปแล้วว่ายึดที่ความผันผวนเป็นหลัก สุดท้ายการจัดพอร์ท สามารถทำได้เป็น Defensive, Moderate และ Aggressive TAA การทำตรงนี้ ผู้ลงทุนจะต้องเข้าใจสภาวะตลาดดี และมีวินัยในการลงทุน วางเป้าไว้ชัดเจนว่าเราจะลงทุนด้วยสัดส่วนนี้นานแค่ไหน อะไรคือปัจจัยที่ต้องเปลี่ยนสัดส่วนต่อไป (คิอรู้กลไกการทำงานของสินทรัพย์ดีมาก)
🏆สรุป
หวังว่าทุกคนจะได้ทำความรู้จักกับ Asset Allocation ดีแล้ว Key word คือ correlation หรือการเคลื่อนตัวของราคาไม่สอดคล้องกัน จะทำให้พอร์ทสมดุลมากขึ้น ผันผวนน้อยลงได้
การลงทุนกระจายไปหลายๆ Asset Class จะทำให้พอร์ตของเราไม่กระจุกตัวไปอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เลือกสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยลงมารวมกับสินทรัพย์อื่นก็ทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ตั้งเป้าไว้เช่นกัน สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเลย
1
Facebook 👉
https://www.facebook.com/DekFinance101
FB Group 👉
https://www.facebook.com/groups/2881645572091138
Blockdit 👉
https://www.blockdit.com/dekfinance
21 บันทึก
14
1
13
21
14
1
13
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย