อัฟกานิสถานเป็นกระแสร้อนในบ้านเราอีกครั้ง หลังจากที่ยูทูปเบอร์สาวชื่อดังออกมาโพสต์ว่าเธอติดอยู่ในดินแดนอัฟกานิสถานหลังจากเดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อดูสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศนี้
ทำให้หลายคนตั้งคำถามมากมายว่าทำไมเธอเอาตัวเองไปเสี่ยง แม้ว่าเธอจะบอกว่ามีการประเมินความเสี่ยงด้วยตัวเองแล้ว และพร้อมย้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่ความสงสัยก็ไม่ได้หมดไป
วันนี้เลยอยากจะเขียนเรื่องราวของอัฟกานิสถานสักหน่อยโดยเฉพาะในช่วงตลอด 1 ปีก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา และยิ่งโดยเฉพาะเดือนที่ผ่านมา ซึ่งผมก็ค่อนข้างสนใจเมืองอย่างเฮรัต (Herat) เมืองที่ยูทูปเบอร์สาวคนดังกล่าวติดอยู่ตอนนี้
ทำไมหรอครับ เพราะเมืองนี้เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของอัฟกานิสถาน อยู่ทางตะวันตกของประเทศติดกับอิหร่าน นอกจากขนาดเศรษฐกิจจะใหญ่แล้ว ปัญหาความขัดแย้งก็ใหญ่ด้วย เพราะจังหวัดนี้แทบจะทุกพื้นที่อยู่ภายใต้การสู้รบช่วงชิงกันระหว่างรัฐบาลกับตาลีบันมาโดยตลอด ซ้ำยังเป็นฐานที่สำคัญแห่งหนึ่งของอดีตนักรบมูจาฮีดีนอีกด้วย
ตลอดช่วงที่กองทัพอเมริกายังคงดูแลและช่วยคุ้มครองเมืองแห่งนี้อยู่มันก็ดูสุขสันติดี อาจจะมีการคาร์บอมบ้างเป็นครั้งคราว แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ปีที่แล้วครับ หลังทรัมป์ประกาศชัดจะเอาทหารอเมริกาออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งก็เอาออกมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปีก่อน
ความหวาดระแวงจากอิทธิพลของตาลีบันในจังหวัดเฮรัตนั้นมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะหลายปีมานี้จังหวัดและพื้นที่รอบข้างเมืองนี้นั้นตกอยู่ใต้อิทธิพลของตาลีบันมาตลอด
ซึ่งไม่ใช่คนพื้นที่เท่านั้นที่รับรู้ได้ แต่รวมถึงบรรดาประเทศใกล้ชิดของรัฐบาลอัฟกันด้วย หนึ่งในนั้นคืออินเดีย อินเดียสั่งปิดกงสุลตัวเองที่เฮรัตตั้งแต่เมษายนปีที่แล้ว และอพยพคนตัวเองออกทั้งหมดมานานแล้ว
ที่ย่ำแย่ไปกว่านั้นถ้าย้อนไปอ่านข่าวช่วงกลางเดือนมิถุนายน-ต้นกรกฎาคม จะพบเลยครับว่าจังหวัดรอบข้างของเฮรัตโดนกลุ่มตาลีบันยึดเกือบหมดแล้ว ในขณะที่เมืองนี้โดนล้อมจากกลุ่มตาลีบันมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
สำนักข่าวของอิหร่านเคยรายงานว่าเฮรัตเคยถูกกลุ่มตาลีบันยึดได้บางส่วนด้วย ก่อนที่ขุนศึกและกองทัพอัฟกันจะรวมกำลังกันยึดคืนมาได้ ทำให้สภาพของเฮรัตตั้งแต่ต้นกรกฎาคมเป็นต้นมาก็ไม่ต่างจากสมรภูมิ เพราะมันคือหัวเมืองสุดท้ายในเขตพรมแดนอิหร่านที่ตาลีบันยังยึดไม่ได้
ซึ่งตอนนี้มันไม่ได้เกิดแค่ในเฮรัตด้วยซ้ำ แต่เกิดทั้งประเทศอัฟกานิสถานเลย เมืองใหญ่อย่างกันดาหา เองก็ถูกตาลีบันล้อมไว้เหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ช่างภาพชาวอินเดียซึ่งสังกัดสำนักข่าวรอยเตอร์ที่เข้ามาทำข่าวอย่างถูกกฎหมายมีสังกัดชัดเจน ถูกยิงตายที่เมืองนี้เหมือนกัน (ฉะนั้นถึงเป็นนักข่าวมีสังกัดก็ยังเสี่ยง การไปถือกล้องเดินมั่ว ๆ ก็อาจเสียชีวิตได้ง่าย ๆ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครเป็นใครในสภาพแบบนั้น หรือเราไปถ่ายโดนใคร)
ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียก็สั่งปิดสถานกงสุลและอพยพคนออกไป
อย่างกรุงคาบูล เมืองหลวงของประเทศ เมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นเทศกาลวันอีด ปธน.อัฟกานิสถานกำลังละหมาด เกิดเสียงระเบิดตูมตาม หรือแม้แต่จรวดยิงเข้ามาในเขตกรุงคาบูลด้วยซ้ำ นี่คือสภาพที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ ตามข่าวที่พอจะมีออกมา
ส่วนจีนนั้นชัดตั้งแต่ปลายเดือนก่อนอพยพนักการทูตและประชาชนของตัวเองออกทั้งหมด ล่าสุดออกมาเตือนย้ำว่า
“หากชาวจีนยืนกรานที่จะอยู่ในอัฟกานิสถาน พวกคุณจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่สูงมาก (Extremly high risk) และผลที่ตามมาทั้งหมดจะต้องแบกรับด้วยตัวเอง”
คำเตือนนี้ออกมาวันนี้นะครับ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่หวังอี้ รมต.ต่างประเทศของจีน พึ่งเจอและคุยกับตัวแทนของตาลีบันเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
นี่ยังไม่นับว่ากลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวในอัฟกานิสถานนั้นไม่ได้มีแค่ตาลีบัน รัฐบาลอัฟกานิสถานเท่านั้น แต่ยังมี ไอเอส และบรรดาขุนศึกต่าง ๆ ที่มีกองกำลังเป็นของตัวเอง ทำให้พอเกิดการโจมตีหรือมีคนเสียชีวิต บางครั้งแทบไม่รู้ว่าใครปฏิบัติการ
หากอ่านมาถึงจุดนี้ ก็คงพอจะเห็นภาพระดับหนึ่งถึงความรุนแรงในอัฟกานิสถาน ที่กำลังปะทุขึ้นในหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วทั้งประเทศ ที่เราไม่รู้ได้เลยว่าใครจะชนะ และจะมีความสูญเสียมากมายขนาดไหน
ยังไงก็ขอให้เดินทางกลับประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยนะครับ
อ้างอิง
"Taliban sweep through Herat province as Afghan advance continues" by the Guardian
"In Herat, ex-Mujahideen commander leads efforts to resist Taliban" by Aljazeera
"China repeats warning to citizens to leave Afghanistan days after welcoming Taliban for talks" by South China Morning Post
- 68
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
