1 ส.ค. 2021 เวลา 06:19 • ปรัชญา
เรื่องที่ว่าเมื่อก่อนตายนั้น ส่วนมากไม่สามารถ จะทำจิตทำใจได้หรอก เพราะตอนที่มีชีวิตอยู่ไม่ เคยฝึกหัด เรื่องสติ เรื่องความอดทนขันติ ต่ออารมณ์ ความเจ็บปวดก็เป็นอารมณ์ ขันติต่อเวทนาอารมณ์
ชีวิตปกติ สติของเรามันทำตามอารมณ์ ไม่ใช่สติที่ช่วยจิตยับยั้งอารมณ์ พอเจ็บปวดใกล้ตาย สติจิตก็ถูกอารมณ์กดเป็นทาสเหมือนเดิมแหละ เพราะเป็นทาสเค้ามาทั้งชีวิต จะเป็นได้ก็ คนละเมอ เพ้อไป ไม่สามารถระลึกประคองจิตได้ บางคนปุ๊บปี๊บตายก็มี ยังไม่รู้ตัวว่าตายด้วยซ้ำ เพราะความตายเราไม่รู้กำหนดเวลา ว่าจะไปวันไหน
ถ้าเป็นการตายตามปกติ นิสัยที่ใช้ชีวิตอยู่ไม่เคย นึกถึงพระ ไม่เคยสวดมนต์ ไหว้พระ บุญกุศลก็ไม่สร้างไม่สะสม ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติ ไม่ได้ลดละเรื่องราวของความโลภโกรธหลง อารมณ์กรรมและกรรมที่สะสมไว้กับแม่ทั้งสี่ ก็ไหลออกมาทับถมเหมือนของหนักที่มาทับจิตให้ทุกขเวทนา เวลานั้น ธาตุทั้งสี่ก็จะถ่ายทอดเรื่องราว ที่ตนกระทำมาทั้งชีวิต ตอนที่ถ่ายทอดให้จิตใกล้ตายดู เค้าปิดหูปิดปาก หมดโอกาสพูดหมดโอกาสฟังแล้ว ได้แต่นอนน้ำตาไหล ที่โบราณเรียกว่า น้ำตาหางช้าง ได้เห็นเรื่องราวที่เค้าถ่ายทอดให้ดู ก็เสียใจเสียดาย ไม่มีโอกาสแก้ไขแล้ว แล้วทุกข์เวทนาก็มากมาย เหมือนเรือนที่อาศัยลุกเป็นไฟ แล้วจะเอาสติที่ไหน เอาแรงที่ไหน ให้มาระลึกอะไรได้
โฆษณา