#โอลิมปิกสัมพันธ์
โดย มิสมาต้า
ยอดมนุษย์ลมกรด
นับตั้งแต่เอเธนส์เกมส์ , ปักกิ่งเกมส์ , ลอนดอนเกมส์ จนถึงริโอเกมส์ ไม่มีครั้งใดที่ ยูเซน โบลต์ ลมกรดที่เร็วที่สุดในโลกพลาดที่จะร่วมการแข่งขัน
แม้ว่าที่เอเธนส์เมื่อปี 2004 อันเป็นโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของยูเซนในวัย 18 ปีที่ไม่น่าจดจำสักเท่าใดนัก เพราะเขาได้เกิดอาการบาดเจ็บจากรอบคัดเลือกในการวิ่งระยะ 200 เมตร จนตกรอบคัดเลือกในรอบแรกไป
แต่สำหรับโอลิมปิกอีก 3 ครั้งถัดมา ยูเซน โบลต์ ไม่เคยแพ้ใครเลย จนกวาด 3 เหรียญทอง 100 เมตร , 3 เหรียญทอง 200 เมตร และ 2 เหรียญทองจาก 4 คูณ 100 เมตรทีมชาย
ซึ่งนอกจากเขาจะเป็นเจ้าของสถิติโลก 100 เมตร และ 200 เมตรแล้ว ยูเซนยังเป็นเจ้าของสถิติโอลิมปิกทั้ง 2 รายการอีกด้วย
การที่โอลิมปิก 2020 ไม่มีลมกรดจากต่างดาวคนนี้ร่วมแข่ง มองบางมุมอาจจะเห็นว่าขาดสีสันระดับแม่เหล็กที่ผู้ชมตั้งตารอ
แต่ในอีกมุมนึงนั้นคนทั้งโลกจะได้เห็นกันว่าลมกรดที่เป็นมนุษย์แท้ๆ รายใดจะได้เหรียญทองโอลิมปิกการวิ่งระยะสั้นที่น่าดูที่สุดเป็นคนแรกในรอบ 5 ปี
ซึ่งในรอบเซมิไฟนอลที่เพิ่งจบลงไปนั้น 8 ลมกรด 100 เมตร ที่ได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้แก่
อคานี ซิมบิเน จากแอฟริกาใต้ ที่เข้าชิงด้วยเวลา 9.90 วินาที
มาร์เซล เจคอปส์ จากอิตาลี ที่เข้าชิงด้วยเวลา 9.84 วินาที จนกลายเป็นสถิติใหม่ของยุโรป
ซาร์เนล ฮิวจ์ส จากสหราชอาณาจักร ที่เข้าชิงด้วยเวลา 9.90 วินาที อันเป็นสถิติที่ดีที่สุดในปีนี้ของตนเอง
เฟร็ด เคอร์ลี จากสหรัฐอเมริกา ที่เข้าชิงด้วยเวลา 9.96 วินาที
ซู บิงเทียน จากจีน ที่เข้าชิงด้วยเวลา 9.83 วินาที จนกลายเป็นสถิติเอเชีย
รอนนี เบเกอร์ จากสหรัฐอเมริกา ที่เข้าชิงด้วยเวลา 9.83 วินาที จนกลายเป็นสถิติที่ดีที่สุดของตัวเอง
อเอ็นน็อก อเดโกเบ จากไนจีเรีย ที่เข้าชิงด้วยเวลา 10.00 วินาที
อังเดร เดอ กราสเซ จากแคนาดา ที่เข้าชิงด้วยเวลา 9.98 วินาที
ปล่อยให้ลมกรดตัวเต็งอย่าง เทรย์วอน โบรเมลล์ ตัวแทนอีกหนึ่งคนจากสหรัฐอเมริกาที่เคยวิ่งได้ดีที่สุดด้วยเวลา 9.80 วินาที ในการคัดเลือกตัวแทนมาวิ่งที่โอลิมปิกต้องตกรอบไปก่อนใคร
ซึ่งเวลาที่นักวิ่งวัย 26 ปีทำได้ก่อนมาโอลิมปิกนั้น จัดว่าเร็วกว่าเวลาที่ ยูเซน โบลต์ ชนะในการวิ่งรอบชิงเหรียญทองที่ริโอเกมส์ เมื่อ 5 ปีที่แล้วถึง 0.01 วินาที จึงไม่แปลกที่กูรูจะมองเขาเป็นตัวเต็ง
แต่การที่เทรย์วอนกลายเป็น "ตัวร่วง" ที่รอบเซมิไฟนอลด้วยเวลา 10.00 วินาที อันเป็นการวิ่งที่ผิดฟอร์มมาตั้งแต่รอบแรกๆ แล้ว ซึ่งนักวิจารณ์ต่างเข้าใจกันว่าเขาออมแรงเอาไส่ไปใส่เต็มพิกัดในรอบชิง จึงทำให้สีสันในนัดชิง 100 เมตรปีนี้มีความน่าสนใจมากๆ
นั่นก็เพราะว่าทุกคนสามารถหยิบเหรียญทองได้ด้วยโอกาสที่เทียบเท่ากัน
แล้วก็เป็น มาร์เซล เจคอปส์ ลมกรดสลาตันจากอิตาลี ที่สับตีนแตกด้วยความเร็วที่จับเวลาได้ 9.80 วินาที เข้าเส้นชัยมาเป็นคนแรก และเป็นสถิติใหม่ของยุโรป รวมทั้งเป็นนักวิ่งจากยุโรปคนแรกในรอบ 29 ปีที่คว้าเหรียญทองนี้ไปครอง
แล้วจากสถิติที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน เขายังไม่เคยวิ่งได้ต่ำกว่า 10 วินาทีก่อนที่จะเข้าปฏิทินการแข่งในปี 2021
นั่นก็หมายความว่าถ้าโควิดไม่ทำให้โอลิมปิกเลื่อนการแข่งขัน ลมกรด 100 เมตรอาจจะไม่ใช่เขาที่ได้เป็นผู้ครอบครองเหรียญทอง
นี่จึงเป็นมนุษย์ที่วิ่งไวที่สุดในโลก และเป็นมนุษย์รายแรกที่รับช่วงความยิ่งใหญ่ต่อจาก Lighting man จากต่างดาวที่ทิ้งสถิติทุกรายการเอาไว้ให้ลมกรดในร่างมนุษย์ทุกคนได้วิ่งไล่ตาม
ส่วนในประเภทหญิง สถิติโอลิมปิกที่ยืนยงคงกระพันมานาน 33 ปีของ ฟลอเรนซ์ กริฟฟิธ จอยเออร์ ที่เคยสร้างไว้เมื่อปี 1988 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
เพิ่งจะถูก เอเลน ธอมพ์สัน-เฮราห์ ลมกรดหญิงจากจาไมก้าทำลายลงไปด้วยเวลา 10.61 วินาที เฉือนเวลาเดิมของโฟลโจไปแค่ 0.01 วินาทีเท่านั้น
จนทำให้เธอแซงมนุษย์หญิงอย่างโฟลโจขึ้นมาเป็นสิ่งมีชีวิตเพศหญิงที่วิ่ง 100 เมตรได้เร็วที่สุดในโอลิมปิก
แต่ยังตามหลังต่างดาวหญิงที่ชื่อโฟลโจที่ยึดครองอันดับที่หนึ่งมานาน 33 ปี อยู่อีกไกลถึง 0.12 วินาที
เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ช่วยทำให้สรรพสิ่งก้าวหน้า จนทำให้ขีดความสามารถของมนุษย์เจริญรุดหน้าได้ต่อไปเรื่อยๆ
หากแต่ว่าการกีฬาอาจไม่สามารถยกระดับจิตใจคนได้ครบ 100% แม้โลกนี้จะมีการณรงค์ผ่านการแข่งขันกีฬามานานแล้วก็ตาม
สำหรับพวกเราในฐานะแฟนกีฬาที่ดี ก็จงอย่าเพิ่งถอดใจจนหยุดร้องเพลงกราวกีฬาเพื่อส่งเสริมนักกีฬาของพวกเรากันต่อไป
#PlayNowThailand #khelnow #OlympicGames2020
- 4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
