กุมารดำ ของคุณไสย ที่ห้ามใครไปขวางไปทัก
ประสบการณ์ตรงที่ผู้เขียนโดนมากับตัว
คนเรามักจะมีช่วงชีวิตที่ดวงตก ถึงขีดสุดอยู่ทุกคน
อยู่ที่ว่า แต่ละคนจะรับมือกับช่วงเวลานั้นได้มากน้อยแค่ไหน
มีบุญกรรมมารองรับแค่ไหน
ผู้เขียนก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนนึงที่ถึงคราวเคราะห์ และเป็นจุดพลิกเปลี่ยนชีวิต ในครั้งเมื่อ ดวงตกเคราะห์
ในช่วงชีวิตหนึ่งของผู้เขียน ถึงแม้ว่าจะถูกให้บวชโยคีหรือชีพราหมณ์ตั้งแต่เด็กๆ แต่เมื่อถึงเวลาเข้าสู่วัยรุ่น ก็ออกจากการอยู่ในกรอบกำหนดแบบคนอยู่วัดแทบจะทั้งปวง กินเหล้า เข้าผับบาร์ เหมือนวัยรุ่นทั่วไป
จนมาถึง ช่วงพลิกผันในชีวิต อยู่ดีๆ วันหนึ่ง ผู้เขียนไปบ้านเพื่อนชายคนนึง เพื่อจะไปช่วยจัดบ้านให้ใหม่ ตอนที่กำลัง เดินดูพื้นที่ในบ้านอยู่นั้น ก็เกิดรู้สึกคล้ายๆจะหน้ามืด ก็จึงรีบนั่งลงตรงโซฟา
สิ่งที่เกิดความประหลาดขึ้นในตอนนั้นคือ จากที่ผู้เขียน ร้างราเรื่องการคุยกับผีไปนานมากๆแล้ว จู่ๆผู้เขียน ก็ได้ยินเสียง ผู้ชายและผู้หญิงคุยกัน พอหันไปมอง ด้านซ้าย จึงได้เห็นว่า ข้างโซฟาที่นั่งอยู่ เพื่อนได้มีการตั้งบูชาพระพิฆเนศไว้ และท่านกำลังพูดกับใครอีกคนหนึ่งด้านขวา เป็นเสียงผู้หญิง เมื่อหันไปมองก็เข้าใจว่า คนนั้นคงจะเป็นเจ้าที่
ความสับสนในใจตอนนั้น ก็ งงงวยเหลือเกิน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเสียงมันชัดเจนเหลือเกิน แต่เป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่ภาษาไทยปกติ
และในระหว่างนั้น อยู่ๆ ผู้เขียนก็รู้สึกโมโห และมองชี้ขึ้นไปบนฝ้าเพดาน ตรงจุดที่ไปยืนแล้ว เกิดหน้ามืดขึ้นมาเมื่อกี้นี้ แล้วพูดว่า
"ใครเอาอะไรมาไว้บนหัวกู"
เพื่อนคนอื่นๆ ก็ งง ว่า ผู้เขียนพูดอะไร โมโหอะไร และหมายถึงอะไร เพราะมองดูตามที่ชี้ก็เป็นแค่ฝ้าเพดานธรรมดา
คงมีแต่เพื่อนชายเจ้าของบ้านนั่นแหละ ที่พอจะรู้ในใจอยู่คนเดียว หลังจากที่ยืน งง อยู่สักพัก
จากนั้นผู้เขียนก็รู้สึกโมโห ใจสั่น วูบวาบ มากขึ้น จนรู้สึกว่า ตัวเอง อยู่ตรงนั้นต่อไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ต้องพาตัวเองออกจากจุดนั้นโดยเร็วที่สุด ... ว่าแล้วจึงผลุนผลันออกจากบ้านนั้นมาทันที
พอออกมาจากบ้าน ขับรถมาเรื่อยๆ อาการก็ค่อยๆเบาลง
เพื่อนทุกคนก็งงกันว่า เกิดอะไรขึ้นกับผู้เขียน
เมื่อเพื่อนๆโทรมาตาม และถามไถ่ว่าผู้เขียนเป็นอะไร ผู้เขียนจึงได้เล่าให้เพื่อนๆฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงตอนนั้นแหละ ที่ เพื่อนชายเจ้าของบ้านจึงได้ยอมเฉลยออกมา😮
เพื่อนชายเจ้าของบ้าน ได้ยอมปริปากพูดออกมาว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ2วันก่อน แฟนเก่าของเค้าที่เพิ่งเลิกกันไปได้ไม่กี่เดือน ได้เอา "หุ่นกุมาร" มาฝากเค้าไว้ที่บ้าน เพราะอ้างว่า กำลังจะย้ายหอพัก ซึ่งที่หอพักใหม่ ยังไม่มีที่จะเอากุมารนี้ไปวาง
ด้วยความซื่อ (ซื่อบื้อ) เขาจึงรับเอามา แล้วนำไปวางไว้บนหลังตู้ในห้องนอน ซึ่งอยู่ตรงกับบริเวณ เหนือจุดที่ผู้เขียนชี้ขึ้นไปนั่นเอง
เขาเอาของต่ำ ของไม่ดีเข้าบ้านให้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่า เป็นอันไม่พอใจแก่เจ้าที่และเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้าน
แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ จึงได้เกิดเรื่องขึ้นกับผู้เขียนแบบนั้น
พอเเพื่อนๆรู้แบบนั้น ทุกคนก็เลยรู้สึกกลัว และคิดจะไปนอนที่อื่นก่อ่นสักคืน ก็จึงขอให้ผู้เขียนเข้าไปรับ เพราะตอนนี้ แต่ละคนคือ ไม่กล้าลุกเดินไปไหนในบ้านเลย
เมื่อผู้เขียนไปถึง ในฐานะคนที่ใจกล้าที่สุด😆 ก็จึง พาเพื่อนไปตรงบันได เพื่อให้เค้าขึ้นไปเอาเสื้อผ้าบนห้องนอน (ผู้เขียนไม่เคยขึ้นไปบนชั้น2ของบ้านเพื่อน ซึ่งเป็นห้องนอน เพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัว)
ในระหว่างยืนรอตรงบันไดนั้น สิ่งที่ได้เห็นคือ ผู้เขียนเห็นกลุ่มเงาควันสีดำเป็นรู้เด็กชาย วิ่งสวนเพื่อนลงมาชั้นล่าง
😣เอาเข้าแล้วล่ะสิ ตกใจแต่ไม่วิ่ง ได้แต่คิดว่า มันจะมาไม้ไหนหว่า
พอเมื่อออกจากบ้านมา ผู้เขียนจึงไดด้บอกเพื่อนว่าเห็นอะไร เพื่อนจึงบอกว่า ใช่ กุมารที่เขารับมาจากแฟนเก่านั้น เป็นหุ่นกุมารสีดำ
เรื่องมันไม่จบอยู่แค่นั้น เพราะไม่รู้ด้วยเหตุใด หรือเกิดอพะไรขึ้นกับผู้เขียน ในตอนนั้น คือ หลังจากวันนั้น ผู้เขียนก็เกิดอาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับ คือ กินข้าวไม่ได้เลยยย มันอยากจะอ้วก แล้วก็นอนไม่หลับด้วย เป็นเรื่องน่าแปลกที่ กินข้าวกินน้ำไม่ได้อยู่ 2สัปดาห์ ไม่ตายแต่ผอมและอ่อนแรงมาก
เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเลย ซึ่งตอนนั้น ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจในการที่จะดูแลตัวเอง หรือจะแก้ไข ป้องกันตัวเองเลยแม้แต่น้อย เพราะก็ไม่ได้เอาครูบาอาจารย์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ พระก็ไม่แขวน เทพก็ไม่ไหว้
ร่างกายเริ่มจะไม่ไหว จนต้องไปนอนให้น้ำเกลืออยู่โรงพยาบาล คุณหมอหาสาเหตุทุกวิธีทั้งตรวจระบบประสาท ตรวจคลื่นสมอง ก็หาสาเหตุที่ชัดเจนไม่ได้ ระบุได้แค่เพียงว่า อาจจะเกิดจากความเครียด ซึ่งก็แปลกที่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นปุบปับ
ญาติๆก็จึงเริ่มหาวิธีอื่นๆ ที่เกี่ยวกับด้านพิธีกรรมเข้ามาช่วย
ใช่ค่ะ เรากำลังพูดถึง หมอผี นั่่นเอง 😅😆
ญาติเอาดวงไปสอบถาม จึงได้คำตอบมาว่า ผู้เขียนนั้น โดนของ เพราะไปทักของ ซึ่งเป็น ของที่เค้าจะเอามาทำใส่คนอื่น นั่นก็คือ แฟนเก่าของเพื่อนชายที่ส่งของกับกุมารดำ เพื่อจะมาทำร้ายเขานั่นเอง ด้วยความโกรธแค้นกันในเรื่องของการเลิกรากันไป
แต่ผู้เขียนเหมือนกับไปขวางทางการทำงานของเขานั่นเอง
จากนั้น ญาติๆก็จึงนำเอาสายสิญ มาทำพิธีลูบๆไปทั่วร่างกายของผู้เขียน ลูบที่ฝ่ามือ แล้ว นำไปโยนออกนอกห้องทางระเบียง
พร้อมกล่าวคำไล่ต่่างๆให้สิ่งที่ไม่ดีออกไปซะ
เรื่องแปลกที่พบก็คือ ในระหว่างที่ ญาติอีกคนทำพิธีเอาสายสิญลูบตามตัวพร้อมกล่าวคำไล่ต่างๆนั้น ญาติอีกคนที่กำลังจะมาเยี่ยม กำลังเดินข้ามสะพานเชื่อมต่อจากตึกหนึ่งมาอีกตึกหนึ่ง ตอนอยู่บนสะพานก็มองมาที่ห้องของผู้เขียนซึ่งอยู่ติดกับสะพานจึงจำได้ว่าว่าเป็นห้องใด
ญาติมองเห็น ลิงตัวใหญ่สีดำ กระโดดออกมาจากระเบียงห้อง แล้ว กระโจนไปตามต้นไม้ ที่เรียงรายกันออกไป เสียงต้นไม้เขย่าดังไปตามทางเรื่อยๆ
พอญาติคนนั้นเข้ามา โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่ ในห้องมีการทำพิธีอะไรกันในห้องนั้น ก็ได้เล่าเรื่องที่พบเห็นให้ทุกคนฟัง พร้อมกับข้อสงสัยที่ว่า ... สมัยนี้มันยังมีลิงอยู่ตามที่แบบนี้อยู่อีกเหรอ? (สมัยก่อนเมื่อหลายสิบปี จะมีลิงธรรมชาติอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ทั่วไปจริง เพราะโรงพยาบาลนี้สมัยก่อนจะอยู่ห่างออกจากตัวเมืองมา บรรยากาศก็คือ โรงพยาบาลเดียวกันกับที่จะเห็นในละครเรื่องกลิ่นกาสะลอง ที่อ้ายหมอทำงานอยู่นั่นแหละค่ะ😅 แต่นี่มันยุคปี2000แล้ว )
คนในห้อง เมื่อฟังคำเล่าจากญาติคนนี้แล้ว ก็เป็นอันเข้าในตรงกัน ว่า พิธีที่ได้ทำไปนั้น เป็นอันว่า น่าจะสำเร็จดี ไล่ของไม่ดีออกไปได้แล้ว หากแต่ มันจะถูกส่งกลับมาอีกหรือไม่นั่นแหละ คือข้อสำคัญในเรื่องต่อไป
หลังจากนั้น อาการของผู้เขียน ก็ค่อยๆดีขึ้นจริงๆ เริ่มที่จะกินอาหารได้บ้าง ทีละน้อย เพราะร่างกายที่คุ้นชินกับการไม่ได้รับอาหารมานาน .. จนกระทั่ง .. เรื่องมันก็ยังไม่จบ 😔
หากแต่ในตอนนี้ ต้องขอจบตอนไว้เท่านี้ก่อน
แล้วจะค่อยมาเล่าต่อในตอนต่อไปนะคะ
ว่าเรื่องมันไม่ได้จบลงง่ายๆ อย่างไร
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนกันด้วยนะคะ
กว่าจะมาถึงวันนี้ผู้เขียนก็ต้องผ่านด่านมามากมายเหลือเกิน
** บทความนี้ ไม่ได้ชเป็นการชวนเชื่อ ให้ไปหลงผิดในด้านคุณไสยมนต์ดำนะคะ หากแต่เป็นประสบการณืที่อยากจะบอกว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย ในทุกกด้าน ทุกทาง
หากใครอยากจะมีของดีของขลัง ก็มีของดีสายขาวอยู่มากมายค่ะ
ถ้าไม่แน่ใจก็อาจจะลองเอามาถามก่อนได้
**รูปเป็นเพียงรูปประกอบเรื่องเท่านั้น
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
