ความสะดวกสบายของเทคโนโลยีและการสื่อสาร ถ้ามองในมุมดีก็สามารถช่วยให้เราติดต่อกันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แต่อีกมุมหนึ่งในสังคมยุคปัจจุบันนั้น อาจส่งผลเสียให้คุณกลายเป็นคนใจร้อน ขี้เหวี่ยง และเสี่ยงเป็นโรคทนรอไม่ได้ หรือ Hurry Sickness เมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ได้ดั่งใจ และสามารถจุดประกายไฟให้คุณปรี๊ดแตกในทันที
😤โรคทนรอไม่ได้ Hurry Sickness คืออะไร?
ข้อมูลจาก สสส. ระบุว่า Hurry Sickness เป็นโรคที่เกิดขึ้นหลังจากที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจําวันของเรามากขึ้น แต่เมื่อบางอย่างนั้นไม่ได้ดั่งใจ ชักช้าเสียเวลา น่าเบื่อ ส่งผลให้ผู้ใช้หงุดหงิด กระวนกระวาย ใจร้อน แม้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เช่น อินเทอร์เน็ตอืดดดดด เพื่อน response แชตช้าเพียงไม่กี่วิ หรือไม่ชอบรออะไรนาน ๆ เท่านี้ก็สามารถทำให้คุณเปลี่ยนเป็นคนละคนจากนางฟ้าลุคคุณหนู กลายเป็นนางร้ายสายวีนได้ในทันที และถ้าปล่อยไว้นานเข้าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพและโรคต่าง ๆ ตามมา
😤เช็กอาการเสี่ยง โรคทนรอไม่ได้
เมื่อใจของเรานั้นเร็วกว่าทุกอย่าง สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ และหากปล่อยให้อาการเหล่านี้อยู่กับเรานานเข้าก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งบอกได้เลยว่าคุณกำลังเข้าข่ายเสี่ยงเป็นโรคทนรอไม่ได้ หรือ Hurry Sickness Syndrome
● ทุกอย่างคือการแข่งขัน : ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น กินข้าวก็ต้องเร็ว ชอปปิงเร็ว เดินเร็ว ขับรถเร็ว หรือแม้แต่รถติดไฟแดงนานหน่อยก็สามารถสร้างความหงุดหงิดได้
● ทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน : เรียกว่าเป็นอาการประจำตัวของโรคทนรอไม่ได้ ที่มักจะทำงาน หรือทำอะไรหลายอย่างพร้อมในเวลาเดียวกัน เพราะคิดว่าถ้าทำไปพร้อม ๆ กันจะไม่เสียเวลานั่นเอง
● หงุดหงิดเมื่อพบกับความล่าช้า : ลิฟท์มาช้า คนเข้าประชุมสาย เดินชักช้า หรือรอคิวทำธุรกรรมนาน ก็ชวนให้หัวเสีย หงุดหงิดได้ในทันที
● ชอบขัดจังหวะผู้อื่นบ่อย ๆ : ด้วยนิสัยที่รอไม่ได้ อาจทำให้เกิดการตัดบทสนทนาและพูดแทรกขึ้นมา และจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคุณและผู้ที่สื่อสารด้วยกัน
● รู้สึกว่าตัวเองช้าตลอดเวลา : จึงอยากทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์รวดเร็ว ตามเวลาที่ต้องการหรือเสร็จก่อน ไม่ว่าจะเป็นงาน การเดินทาง และหากทำได้ไม่ตามเป้า ก็จะส่งผลให้หัวเสีย อารมณ์บูด
😤ปรับตัวอย่างไร? เพื่อให้รอดพ้นโรคทนรอไม่ได้
ความใจร้อน อดทนรอไม่ได้ อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและกลายเป็นคนไม่รอบคอบ ไม่ใช้เวลาคิดตัดสินอะไรให้ละเอียดก่อน หรือร้ายกว่านั้นก็อาจถึงขั้นเลิกรา หรือการทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นในที่สุด ฉะนั้นควรปรับตัวเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
● จัดลำดับความสำคัญของงาน : ค่อย ๆ ทำทีละงาน จัดลำดับความสำคัญให้ดี ก็จะช่วยให้เราใจเย็นและเป็นคนมีระบบมากขึ้น
● ชวนให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย : บางเวลา อาจเว้นว่างทุกสิ่งทุกอย่างให้ร่างกายได้พักผ่อน เดินเล่นสวนสาธารณะ นอนเล่นนิ่ง ๆ หรือนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ
● ขจัดความเครียดก่อนนอน : วางมือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปอาบน้ำผ่อนคลายตัวเองด้วยน้ำอุ่น อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงชิลล์ ๆ ปรับสมดุลก่อนนอนหลับ
● ยอมรับการช่วยเหลือจากผู้อื่น : อย่าหมกมุ่นกับการทำงาน หรือต่อสู้เพียงคนเดียว ยอมรับการช่วยเหลือจากคนรอบข้างไม่ใช่เรื่องเสียหาย แถมคุณยังได้มิตรภาพดี ๆ กลับคืนมาอีกด้วย
การรู้ตัวและมีสติอยู่เสมอก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ อย่าให้ความใจร้อนและเทคโนโลยีที่ใช้งานเข้ามาทำลายพฤติกรรมของเรา เพราะถ้าให้ความหงุดหงิด อารมณ์ร้อน หรืออารมณ์แปรปรวน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและเพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคได้ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต หรือโรคประสาทได้
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 20/07/64
🔖 The Standard
bit.ly/3eBLwDI (ข้อมูล ณ วันที่ 18/05/64)
🔖 BrandThink
bit.ly/36OaStO (ข้อมูล ณ วันที่ 30/05/64)
🔖 สสส.
https://bit.ly/2Tsg0Ri (ข้อมูล ณ วันที่ 20/10/52)
🔖 Sanook
bit.ly/3ir2x4w (ข้อมูล ณ วันที่ 20/05/64)
ติดตามสาระดีๆ และข่าวสารน่ารู้จากเมืองไทยประกันชีวิต ได้ที่
- Facebook: @muangthailife
- Twitter: @MuangThaiLife
- IG: @muangthailife
- Blockdit: muangthailife
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
