2 ส.ค. 2021 เวลา 14:16 • นิยาย เรื่องสั้น
สวัสดีวันจันทร์ แรม ๙ค่ำ เดือน ๘/๒ ครับ
ในความเป็นมนุษย์นั้น มีหน้าที่ สำคัญที่ต้องรับ
ผิดชอบ หลักใหญ่อยู่เพียงสามอย่างเท่านั้น
คือ หนึ่งหน้าที่ ต้องรับผิดชอบต่อตนเอง
สอง หน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้อื่น
สาม หน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อธรรมะหรือธรรมชาติ
หัวโขนถ้าสวมมากไปอาจทำให้หลงได้.
การสวมหน้ากากอนามัยในยุคนี้ถือว่าเป็นความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นอย่างหนึ่ง สำหรับยุคนี้
เรื่องเล่าจากมหากาพย์ มหาภารตะ
เล่าต่อจากตอนที่แล้วเลยนะ
หลังจากโทรณาจารย์ สอบถาม กับยุธิฐีระ บุคคล
ที่น่าเชื่อถือที่สุดในสมรภูมิ และได้ยินว่า อัศวถามา ตายแล้ว ครับอาการของแกแทนที่จะวางอาวุธเลิกทำศึก แกกับทำเหมือน สัมปชัญญะขาดไป คือแกยิ่งมุ่งฆ่าฟันต่อไป อย่างที่ผมเปรียบ
กับตะขาบหรืองู ที่ถูกตัดครึ่งตัว มันยังไม่ตายทันที ใครอยู่ในระยะ มันจัดการหมด
ธฤตทยุม ก็หมายจะทำตามคำสาบานที่ว่า ตน
จะเป็นผู้สังหารโทรณาจารย์ จึงมุ่งเข้าโจมตี
รับมือ อีกคำรบหนึ่ง แต่ฝีมือห่างชั้นกันมาก
ในเวลาไม่นาน ทั้งสารถี และรถม้าศึก ก็ย่อยยับ
ต้องลงมาอยู่บนพื้น มีเพียงดาบเล่มเดียว
เหมือนหนังม้วนเก่า แม้แต่ดาบที่ถืออยู่ยังถูกยิง
จนหักสะบั้น
ภีมะ เห็นไม่ได้การ จึงฝ่าวงล้อม มาช่วย ก่อนที่
ธฤตทยุม จะถูกสังหารโดยอาจรย์เฒ่า
เมื่อช่วยสำเร็จ จึงมุ่งไปหาโทรณาจารย์ แล้วกล่าวว่า
อาจารย์เฒ่า ข้าเลิกนับถือในตัวท่าน ท่านรู้ตัวหรือเปล่าว่าท่านเป็นใคร มีฐานะอะไร ท่านเป็น
พราหมณ์ มีหน้าที่สาธยายมนต์ สอนธรรม แก่ผู้คน มีหน้าที่เสียสละสิ่งที่ท่านรับมาให้แก่ผู้อื่น
และดูสิ่งที่ท่านกำลังทำสิท่านไม่ต่างกับฆาตกร
ที่ฆ่าผู้คนไม่เลือกหน้า สิ่งที่ท่านทำมาตลอดก็
ด้วยความละโมบ ในความมั่งคั่งเพื่อลูกและเมีย
ท่านเท่านั้น เคยทำหน้าที่ของคนที่ประเสริฐใน
วรรณะพราหมณ์ ของท่านไหม ไม่เลยท่านก็แค่
คนหลงลืมหน้าที่ของตน ดูเหล่านักรบที่ท่านฆ่าตายเป็นเบือสิ เขาซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของเขา แม้สู้
ไม่ได้เขาก็รบจนตัวตาย แต่ท่านสิเป็นพราหมณ์
แต่ไม่ต่างจากฆาตกร และอัศวถามาก็ตายแล้ว
ท่านจะหลง ไปถึงไหน.
ได้ผล คำพูดของคนอย่างภีมะ ที่ไม่เคยพูด
เละแทะ มากความ แต่ต้องมาย้ำกับโทรณาจารย์
อีกครั้งด้วยคำพูดที่เชือดเฉือน
โทรณาจารย์ แกวางอาวุธทั้งหมดเลยครับ
เหมือนดึงสติ แกกลับคืนมา พร้อมสัมปชัญญะ
แกสั่งเสีย กับ ทุรโยธน์ ราธียะ และ กฤปาจารย์
ว่า แกขอวางมือแล้ว ต่อไปพวกเจ้ารบ กันเองนะ
ว่าแล้ว แกก็ลงนั่ง ทำโยคะ เพื่อปลิดชีพตนเอง
มาอีหรอบเดิมครับ งานนี้ หลังจากที่ โทรณาจารย์ ทำโยคะละสังขาร
ธฤตทยุม คว้ามีด เดินดุ่มเข้าไปเลยครับ
แม้อรชุน จะร้องห้าม แต่แกไม่ฟัง
ธฤตทยุม ตรงเจ้าตัดหัวโทรณาจรย์ จนขาดกระเด็น ตามคำสาบานที่ว่าจะเป็นคนฆ่าโทรณาจารย์ ภะระกิจ สำเร็จ อย่างไม่น่าภาคภูมิใจนัก
วิญญานของโทรณาจารย์ พวยพุ่งขึ้นสู่สวรรค์
ผู้ที่เห็น มีไม่กี่คนในสมรภูมิ เช่นพระกฤษณะ
กฤปาจารย์ และยุธิฐีระ เท่านั้น
แต่ขอบอกก่อนนะครับ ตามคติของอินเดียยุคยุค
นั้น มีสาธยาย ตามมาครับ อยู่กับจิตและคติตอนตาย อย่างโทรณาจารย์ แกทำโยคะ คือแกมีสติก่อนตาย พอตายแกก็ได้ขึ้นสวรรค์ก่อน พอหมด
บุญ ก็มาตกนรกรับกรรมที่แกทำต่อครับ หนีไม่พ้นครับ
 
โทรณาจารย์ ผู้บัญชา การรบ คนที่สองของฝ่าย
เการพ ก็สิ้นชีวิต ไปด้วยประการฉะนี้
แล้วอัศวถามา ที่ยังไม่ตายจริง แต่แกรบอยู่อีกมุม
หนึ่งของสมรภูมิ เมื่อรู้ความจริง จะมีปฏิกิริยาเช่นไร ไว้ในตอนต่อไปนะขอรับ
โทรณาจารย์ แกลืมหน้าที่ ที่แท้จริงของแก
แกสวมหัวโขน หลายหัว เป็นทั้งอาจารย์ เป็น
พราหมณ์ เป็นนักรบ หน้าที่ บางอย่างมันขัดแย้ง
กัน จนแกลืมหน้าที่ ของตนเอง ที่แท้จริง แต่ทั้งหลายทั้งปวง ก็ด้วย ความละโมบในยศและและ
ทรัพย์สินศริงคาร เท่านั้นแหละครับ ที่ครอบงำ
จนแกมาถึงจุดนี้ แกคงมีแปดหมื่นสี่พันเซลล์
เท่าใครบางคน
 
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านและติดตามขอรับ
ขอบคุณ แหล่งข้อมูล
เรื่องเล่าจากมหากาพย์ มหาภารตะ
ของอาจารย์ วีระ ธีรภัทร ครับ
โฆษณา