2 ส.ค. 2021 เวลา 16:41 • ธุรกิจ
Pomelo ยืนหนึ่งโลกแฟชั่นและเทคโนโลยี มุ่งสู่ผู้นำแพลตฟอร์มแบรนด์ดิจิทัลแฟชั่น
พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจากมาตรการล็อกดาวน์ เพราะวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กินเวลาลากยาวมามากกว่า 1 ปี ส่งผลให้ผู้ประกอบการและเจ้าของกิจการในหลายธุรกิจต่างคิดหาหนทางและวิธีการปรับตัวเพื่อประคับประคองให้อยู่รอด โดยหนึ่งในแนวทางสำคัญที่หลายบริษัทนำมาปรับใช้ก็คือการพึ่งพาเทคโนโลยีและหันหน้าเข้าหาโลกออนไลน์ ส่งผลให้หลายเดือนที่ผ่านมา ตลาดอีคอมเมิร์ซ กลายเป็นสมรภูมิการแข่งขันสุดร้อนแรง
ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Pomelo แบรนด์สินค้าแฟชั่นชั้นนำ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์แฟชั่นดิจิทัลแรกในวงการแฟชั่นออนไลน์ เดวิด จู กล่าวว่า การสร้างแบรนด์และขายผลิตภัณฑ์บนโลกออนไลน์ไม่ได้เป็นเพียงแต่การนำสินค้าไปปรากฏบนหน้าเว็บไซต์หรือช่องทางต่าง ๆ โลกออน์ไลน์เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของการวางแผน การวางกลยุทธ์ การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย การเลือกเครื่องมือ การให้บริการ การพัฒนาบุคลากร และการบริหารจัดการ ตั้งแต่หน้าบ้านยันหลังบ้าน ซึ่งทั้งหมด Pomelo ใช้เวลาสั่งสมมานับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทยมาได้เกือบ 8 ปีแล้ว
ดังนั้น เดวิด จู จึงตระหนักดีว่า การทำแบรนด์และขายสินค้าบนโลกออนไลน์ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใคร ๆ จะสามารถทำได้ ขณะเดียวกัน แม้ว่า Pomelo จะไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในแง่ของยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น กระนั้นปัญหาของผู้ประกอบการแบรนด์สินค้าและบริการอื่น ๆ โดยเฉพาะสินค้าในตลาดแฟชั่น ทำให้ เดวิด จู มองเห็นช่องทางในการนำประสบการณ์และความสามารถของ Pomelo มาขมวดรวมเป็น “ผลิตภัณฑ์” ที่จะช่วยสนับสนุนแบรนด์สินค้าและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้สามารถยืนอยู่ในวงการแฟชั่นออนไลน์ได้อย่างดีและมั่นคง
“ผมคิดว่า สิ่งที่ไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อวงการ คือ ทำให้ทุกคนมองเห็นภาพความสำคัญของ “ดิจิทัล ดิสรัปชัน” ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และเริ่มคิดถึงการคงอยู่อย่างดีของธุรกิจในอนาคต สิ่งที่ Pomelo ต้องการจะทำคือการนำเครื่องมือ ความสามารถ เทคโนโลยี และบุคลากรที่ Pomelo สร้างขึ้น ให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ (อีคอมเมิร์ซ) ซึ่งผมมองว่านี่คือ การปฏิวัติธุรกิจครั้งใหญ่ของ Pomelo”
ทั้งนี้ ในปี 2020 ที่ผ่านมา แบรนด์ธุรกิจ Pomelo นับได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในแง่ของรายได้ แม้ปริมาณของยอดขายจะชะลอลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ท่ามกลางห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่ที่ต้องปิดให้บริการชั่วคราวนานหลายเดือน บวกกับที่คนต้องทำงานอยู่ที่บ้าน ทำให้ Pomelo สามารถขยายฐานผู้ใช้งานได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เรียกได้ว่า ยอดขายสินค้าแฟชั่นออนไลน์ของ Pomelo สามารถชดเชยทดแทนยอดขายสินค้าออฟไลน์ที่ลดลงไปได้
“ปี 2020 มีผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์และแอปของ POMELO กว่า 40 ล้านคน รวมถึงมีแบรนด์นอกที่เข้าร่วมกับ POMELO มากกว่า 200 แบรนด์ ซึ่งแน่นอนว่าทางเรามีแผนที่จะเพิ่มจำนวนแบรนด์ให้มากขึ้นกว่าที่มีอยู่”
จำนวนของแบรนด์ที่มากขึ้น ทำให้ Pomelo มองเห็นโอกาสที่จะมุ่งพัฒนาด้านเทคโนโลยีของตน เปลี่ยนเครื่องมือและทักษะความสามารถที่มีให้เป็นสินค้าและบริการ เพื่อให้ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ สามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองบนโลกออนไลน์ได้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้ Pomelo สามารถขยายแพลตฟอร์ม และขยายฐานผู้ใช้งาน ในตลาดอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตได้อย่างรวดเร็วอยู่ในเวลานี้
“สำหรับปีนี้ เราคาดหวังที่จะเพิ่มแบรนด์สินค้าและบริการ รวมถึงจำนวนผู้ใช้งานให้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าที่จะรักษาระดับการเติบโตให้เทียบเท่าปีที่ผ่าน โดยตอนนี้ยังเป็นเรื่องยากที่จะระบุเป้าตัวเลขการเติบโตที่ชัดเจน เพราะสถานการณ์ขณะนี้ยังค่อนข้างที่จะไม่แน่นอน แต่โดยรวมเราถือได้ว่ามีการเติบโตที่ค่อนข้างดี”
ขณะที่ สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดอีกระลอก เดวิด จู ยอมรับว่า ยอดขายที่เติบโตได้ช้าลง คือ สิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กระนั้น ก็ยังเชื่อมั่นว่า ภาพรวมของตลาดแฟชั่นออนไลน์ยังสามารถเดินหน้าไปต่อได้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2021 นี้ ที่น่าจะสามารถคลายมาตรการล็อกดาวน์ เปิดให้ผู้คนและสังคมกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง ซึ่งซีอีโอของ Pomelo เชื่อว่า สถานการณ์หลังคลายล็อกดาวน์น่าจะคล้ายคลึงกับปี 2020 ที่ผ่านมา ที่ยอดขายสินค้าและบริการสามารถฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
“ในความคิดของผม สินค้าแฟชั่นขึ้นอยู่กับความต้องการเป็นหลัก ดังนั้น หลังจากต้องติดอยู่ในบ้านมากกว่า 2 เดือน เมื่อทุกอย่างเปิดอีกครั้ง คุณก็ย่อมอยากออกไปพบเพื่อนและครอบครัว ก็มารอดูกันว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะสามารถฟื้นรีบาวด์กลับขึ้นมาได้แข็งแกร่ง เหมือนกับที่คุณได้เห็นในสหรัฐฯและประเทศอื่น ๆ ที่มีการปูพรมฉีดวัคซีนแล้ว”
ปรับกลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์ม
ในแง่การเดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการของ Pomelo ให้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานในตลาดได้เป็นอย่างดีแล้ว เดวิด จู เปิดเผยว่า ทาง Pomelo ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หลักที่จะเป็นตัวเร่งให้บริษัทกลายเป็นแพลตฟอร์ตที่แข็งแกร่งบนโลกออนไลน์ ที่ผู้ประกอบการแฟชั่นทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กสามารถเข้ามาใช้งานเพื่อสร้างแบรนด์ของตนเองได้
“เรามีแบรนด์จากบริษัทข้ามชาติ แบรนด์ SMEs แบรนด์จากอินสตาแกรม และแบรนด์ท้องถิ่นอีกมากกว่า 200 แบรนด์ ซึ่งเมื่อโควิดเกิดขึ้น ทุกคนต่างคิดตรงกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อดี และทำให้หลายแบรนด์เริ่มคิดค้นหานวัตกรรมที่จะใช้สินค้า การขาย บุคลากร และร้านค้ามาขายบนโลกออนไลน์ กลายเป็นว่าหลายแบรนด์เริ่มมองหาแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้พวกเขาเข้าถึงผู้ใช้งาน แพลตฟอร์มที่จะช่วยให้พวกเขาสร้างแบรนด์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์”
ความต้องการดังกล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่ทาง Pomelo กำลังดำเนินการช่วงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ Pomelo ต้องทำ คือ การเร่งให้แบรนด์เหล่านี้มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่แพลตฟอร์มให้เร็วขึ้น เปิดให้บริการแก่แบรนด์อื่นให้มากขึ้น
ขณะนี้ Pomelo มีบริการที่เข้าไปช่วยจัดการแบรนด์นอกที่เข้ามาขายสินค้าบนแพลตฟอร์มของ Pomelo ทั้งการจัดการเรื่องของคลังสินค้าและการจัดส่งสินค้า เรียกได้ว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของแบรนด์แฟชั่น โดยในอนาคต Pomelo มีแผนที่จะวางระบบให้แบรนด์นอกของ Pomelo ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่สร้างตัวมาจากสื่อสังคมออนไลน์ เช่น อินสตาแกรม สามารถบริหารจัดการสร้างคลังสินค้าและบริการจัดส่งของตนเอง
เดวิด จู เปิดเผยอีกว่า ปัจจุบัน Pomelo มีทั้งแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ และแบรนด์ขนาดเล็ก โดยแบรนด์ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมและมีการเติบโตได้ดีที่สุด คือ “อินสตาแกรม แบรนด์” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ผู้ประกอบการผลิตสินค้า ทำการตลาดและช่องทางการขายผ่านอินสตราแกรมของตนเอง พูดให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็คือ เป็นแบรนด์แฟชั่นที่แจ้งเกิดเข้าสู่วงการจนเป็นที่รู้จักและยอมรับของตลาดอุตสาหกรรมแฟชั่นในระดับประเทศ ระดับภูมิภาคและระดับโลกได้ด้วยการใช้อินสตาแกรมเป็นตัวสร้างเรื่องราว และส่งเสริมการขาย
ตั้งเป้าเป็น Amazon แห่งโลกแฟชั่นออนไลน์
ทั้งนี้ จุดขายสำคัญของ Pomelo คือ ความสำเร็จที่ผ่านมาของแบรนด์เอง ซึ่ง เดวิด จู มองว่า ความสำเร็จดังกล่าวก็คือ ตัวการันตีความเชื่อมั่น เหมือนกับที่ทาง Amazon ได้ทำไว้กับตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยเมื่อพูดถึงกลยุทธ์ของ Amazon ที่สามารถสร้างสินค้าและบริการต่าง ๆ ขึ้นมาตอบสนองตลาดอีคอมเมิร์ซได้อย่างดี ทำให้หลายฝ่ายเกิดความเชื่อมั่นไว้วางใจ ดังนั้น พอ Amazon ประกาศที่จะให้บริการคลังสินค้า หรือให้บริการเว็บ (AWS หรือ Amazon Web Services) ผู้ประกอบการหลายแบรนด์จึงเทใจให้อย่างไม่ลังเล
“สำหรับเราก็เป็นกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกัน (กับ AMAZON) เราเริ่มต้นด้วยการเป็นแบรนด์ และสร้างแบรนด์ขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง ดังนั้นขณะนี้จึงเป็นเรื่องของการแบ่งปันสิ่งที่เราได้เรียนรู้และประสิทธิผลของเราให้กับคนอื่นได้รับรู้”
​ด้าน อริยะ พนมยงค์ คณะกรรมการบริษัท Pomelo ในฐานะผู้ที่จะมาเสริมทัพให้สินค้าและบริการของแบรนด์ Pomelo ยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งบนโลกออนไลน์มากขึ้น กล่าวเสริมว่า เมื่อเอ่ยถึงตลาดออนไลน์ ต้องยอมรับว่า ไม่มีธุรกิจไหนที่เกิดขึ้นแล้วจะเป็นแพลตฟอร์มเลย มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเรียนรู้ ปรับตัวและหาแนวทางที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับบริษัทองค์กร ซึ่งต้องยอมรับว่า สถานการณ์ในปัจจุบันเป็นสถานการณ์ที่ประจวบเหมาะและเหมาะสมสำหรับ Pomelo ในการสร้างแพลตฟอร์มของตนเอง และนำเสนอแพลตฟอร์มนั้นออกไป
“มันเป็นงานที่ต้องใช้ความพยายาม ใคร ๆ ต่างก็พูดถึงอีคอมเมิร์ซ ถ้ามันง่ายจริง ไม่ว่าใครก็ต้องทำมันได้ดีแล้ว ดังนั้นการที่ Pomelo สามารถสร้างแบรนด์แฟชั่นออนไลน์ขึ้นมาได้และก้าวเข้าสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งจึงเป็นความน่าเชื่อถือที่ดึงดูดให้ทุกคนวางใจที่จะเข้ามา”
ขณะเดียวกัน เดวิด จู เสริมว่า การทำธุรกิจเพื่อขายสินค้าแฟชั่นออนไลน์โดยพื้นฐานแล้วมีความแตกต่างจากอีคอมเมิร์ซทั่วไปอยู่มาก เพราะขณะที่อีคอมเมิร์ซทั่วไปใช้กลยุทธ์แข่งขันด้านราคา และความหลากหลายของประเภทสินค้าที่นำเสนอบนแพลตฟอร์มเป็นตัวดึงดูดผู้บริโภค หัวใจของแพลตฟอร์มแห่งโลกแฟชั่น คือ “คอนเทนต์” หรือ ข้อมูล ซึ่งผสานรวมกับการเก็บรักษา ความเข้ากันอย่างลงตัว การได้ทดลองใส่ ความสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีแพลตฟอร์มที่เข้าใจวงการแฟชั่นอย่างแท้จริงขึ้นมาโดยเฉพาะ
จุดบรรจบระหว่าง แฟชั่นกับเทคโนโลยี
แม้ว่า Pomelo จะปรับกลยุทธ์ในปีนี้ ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างแพลต์ฟอร์มออนไลน์ แต่ซีอีโอของ Pomelo ก็ย้ำชัดว่า อัตลักษณ์ของแฟชั่น ยังเป็นสิ่งที่ Pomelo ให้ความสำคัญและใส่ใจในฐานะแบรนด์ธุรกิจแฟชั่น
“ตอนนี้ เรามีหน่วยธุรกิจอยู่ 2 หน่วยหลัก คือ ‘แบรนด์’ และ ‘แพลตฟอร์ม’ Pomeloในฐานะแบรนด์จะยังคงยืนหยัดในสิ่งที่ยึดมั่นตั้งแต่ต้น นั่นคือ การเป็นแบรนด์สินค้าแฟชั่นที่ทันสมัยและเข้าถึงสำหรับคนทุกคน เป็นชุมชนแฟชั่นของ Pomelo ขณะเดียวกันก็ได้มีการขยายฐานของแบรนด์ออกไปในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น การเปิดตัวแบรนด์ในฟิลิปปินส์เมื่อต้นปี และมีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์ในเวียดนามหลังจากนี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเปิดร้านในสิงคโปร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย และกรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซีย”
ทั้งนี้ เมื่อแบรนด์เดินหน้าเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและรวดเร็ว สิ่งที่ต้องทำต่อ ก็คือ นำองค์ความรู้ที่ได้ทั้งหมดไปวางกลยุทธ์ในการสร้างแพลตฟอร์ม ซึ่งจะเป็นพื้นที่ออนไลน์แห่งโลกแฟชั่นอีกทางหนึ่ง
“แน่นอนว่า ทุกวันนี้ แพลตฟอร์มของ Pomelo ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ดังนั้น ธุรกิจในส่วนนี้จึงยังเล็กกว่าแบรนด์ แต่แพลตฟอร์มก็มีการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราคาดหวังว่าหน่วยธุรกิจแบรนด์กับแพลตฟอร์มจะมีสัดส่วนเท่า ๆ กันที่ 50-50 เราให้ความสำคัญกับทั้งสองส่วน เราจะยังคงผลักดันการเติบโตของแบรนด์ ลงทุนในแบรนด์ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ยอดเยี่ยมออกมา ขณะเดียวกัน เราก็จะหาหนทางนำเอาทักษะความสามารถด้านเทคโนโลยีที่เรามี มาช่วยทำให้แบรนด์แฟชั่นก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีตรงนี้ ในการก้าวสู่บทต่อไปของการเติบโต เราต้องการช่วยเหลือแบรนด์อื่น ๆ ในวงการแฟชั่น”
ด้านอริยะ ชี้ให้เห็นว่าในความเป็นจริงของแพลตฟอร์มของอีคอมเมิร์ซที่มีอยู่ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ยังไม่ตอบโจทย์สำหรับแบรนด์แฟชั่นสักเท่าไรนัก ซึ่งสิ่งที่ Pomela สร้างขึ้นมา คือ การมีแพลตฟอร์มที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสำหรับสายแฟชั่นอย่างชัดเจน โดยสำหรับ Pomelo กลุ่มเป้าหมายหลักก็คือ ผู้หญิงขาช้อป ผู้รักในและสนุกกับแฟชั่น การแต่งตัว
“สิ่งที่ Pomelo ทำไม่ใช่เพียงแค่การสร้างแพลตฟอร์ม แต่เป็นตลาดชุมชนแฟชั่น ที่ต้องการสินค้าแบรนด์คุณภาพราคาเข้าถึงได้ ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เราพยายามก้าวเข้าไปยังโลกออนไลน์ก่อนที่จะเข้าใจในที่สุดว่า การเข้าไปไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ใช่ว่าทุกแพลตฟอร์ม ทุกตลาดออนไลน์จะเข้ากับแบรนด์แฟชั่นนั้น ๆ ดังนั้น สิ่งสำคัญของการเข้าไปอยู่บนโลกออนไลน์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การมีแพลตฟอร์มเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณอยู่ในนั้นแล้วนะเท่านั้น แต่คุณยังต้องการสถานที่สักแห่งที่เหมาะกับแบรนด์ของคุณจริง ๆ ทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีทีมงานที่มีพื้นฐานความเข้าใจเรื่องของแฟชั่นและแบรนด์เป็นอย่างดี” อริยะ กล่าว
สำหรับในปีที่ผ่านมา 90% ของการซื้อขายของ Pomelo เกิดขึ้นบน แอปพลิเคชันของบริษัท ขณะเดียวกันมีการเพิ่มประเภทสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่ตอบโจทย์และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คนที่ต้องอยู่ติดกับบ้านมากขึ้น เช่น เสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกาย อุปกรณ์เสริม รองเท้า และของตกแต่งหรือใช้งานภายในบ้าน
นอกจากนี้ ด้วยกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความใส่ใจเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ทำให้ Pomelo ยังเดินหน้าสนับสนุนผลิตภัณฑ์และแบรนด์พันธมิตรที่ใช้วัสดุรีไซเคิล หรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสินค้าแบรนด์มือสอง เพื่อส่งเสริมเรื่องการลดปริมาณขยะและการปล่อยก๊าซคาร์บอนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
เดวิด จูมองว่า การระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนเริ่มตั้งคำถามว่าอะไร คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งลำดับต้น ๆ คือ ครอบครัว เพื่อน สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน โดย Pomelo เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น เห็นได้จากหลายแบรนด์ที่เข้ามาในช่วงหลัง ๆ มานี้ ล้วนเป็นแบรนด์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อ่านบทความต่อได้ที่ https://www.thestorythailand.com/19/06/2021/31016/
1
ติดสตอรี่ดี ๆ จาก The Story Thailand ได้ตามช่องทางเหล่านี้
#TheStoryThailand #เดอะสตอรี่ไทยแลนด์ #สตอรี่ดีๆ
โฆษณา