23 ก.ย. 2021 เวลา 10:30 • ท่องเที่ยว
มารู้จักสวนสนุกแห่งความฝัน "Disneyland" ทั้ง 6 แห่ง กันเถอะ !
สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวหลังจากที่เห็นชื่อหัวข้อและภาพอินโฟกราฟิกด้านล่าง
คงจะเป็นคำถามว่า “เมื่อไรกันนะ ? เมื่อไรที่เราจะได้เที่ยวอีกนะ…?”
ตัวพวกเราเอง ก็คงตอบไม่ได้เช่นกัน สถานการณ์ตอนนี้ก็พาหดหู่อยู่ไม่น้อย...
ตอนนี้ทำได้แค่นั่งนึกถึงประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ผ่านมา ดูรูปถ่าย ดูคลิปวิดีโอที่ถ่ายเอาไว้ ให้พอชื่นใจ
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเราลองทำได้ ก็คือการหาข้อมูลและเรื่องราวชองสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่บางทีก็ทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนว่ากำลังเที่ยวทิพย์อยู่
งั้นวันนี้ ในซีรีส์ของ “BrandStory” ตอนที่ 2
พวกเรา InfoStory ขอนำเสนอ เรื่องราวของสวนสนุก “Disneyland” ทั้ง 6 แห่งของโลก
ว่าแต่..มีที่ไหนกันบ้าง ?
แล้วเพื่อน ๆ เก็บมากันได้กี่ที่แล้วเอ่ย ?
(พวกเราเคยไปแค่ 3 ที่เท่านั้นเอง และ ถ้าไม่ติดโควิด ก็คงจะได้ตามไปเก็บสาขาต้นกำเนิด...)
ไม่เสียเวลา ไปรับชมกันได้เลย !
สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากอ่านเรื่องราวต่อ ก็เชิญด้านล่างได้เลย
พวกเราขอเล่าเรื่องราวสั้น ๆ เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของ Disneyland ละกันนะ
สวนสนุก Disneyland เริ่มต้นครั้งแรกที่ไหนกันนะ ?
คำตอบนี้ เพื่อน ๆ คงสามารถเห็นได้จากภาพอินโฟกราฟิกกันแล้วว่า คือ “Disneyland Resort” สวนสนุกแห่งแรกที่ก่อตั้งโดยผู้ก่อตั้ง "วอลท์ ดิสนีย์" ตั้งอยู่ที่เมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955
Disneyland Resort เมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
แล้ว...ทำไมจู่ ๆ คุณวอลท์ ดิสนีย์ ถึงได้ขยายกิจการมาสร้างสวนสนุกได้ละ ?
คุณวอลท์ ดิสนีย์ ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่อยากให้มีสถานที่ที่เขาสามารถพาลูก ๆ มาเล่นกิจกรรมสนุก ๆ ได้
ที่สำคัญคือ ต้องเป็นกิจกรรมที่ผู้ใหญ่ก็สามารถมีส่วนร่วมในการสร้างความสุขนี้ได้อีกเช่นกัน
และสวนสนุกแห่งนี้จะต้องมีรถไฟขบวนเล็ก ๆ ที่ทำให้ผู้ใหญ่สามารถนั่งเล่นกับเด็ก ๆ ได้
คุณวอลท์ ดิสนีย์ จึงได้เริ่มทำตามความฝันด้วยการซื้อที่ 160 เอเคอร์ และได้ร่วมกันกับศิลปินนักออกแบบที่มีชื่อเสียงอย่าง คุณเฮิร์บ ไรแมน
และแน่นอนว่า เจ้าของเงินทุนสำคัญในการสร้างอาณาจักรสวนสนุกแห่งความฝันนี่ ก็คือ บริษัทผลิตรายการสถานีโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง “ABC Television Group”
และแล้วในปี ค.ศ. 1955 สวนสนุก Disneyland ก็ได้เปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรก ด้วยจำนวนสถานีเครื่องเล่น 18 ชนิด
ซึ่งหลังจากเปิดได้ไปเพียงแค่ 1 ปี คุณวอลท์ ดิสนีย์ ก็ได้บทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ ในเรื่องของความเสื่อมโทรมของอุปกรณ์เครื่องเล่น ความสกปรกของสวนสนุก รวมไปถึงจำนวนการก่ออาชญากรรมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้สวนสนุกแห่งนี้ อาจไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก…
แต่ก็ไม่แปลกนะ เพราะถ้าเรามาดูจำนวนผู้เข้าชม ที่มีจำนวนมากถึง 5 ล้านคนในปี ค.ศ. 1956 และด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยของผู้ก่อตั้งเอง ก็คงจะทำให้การบริหารสวนสนุกออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก
นั่นจึงทำให้ คุณวอลท์ ดิสนีย์ ได้ทำการขยายครั้งใหญ่ให้กับสวนสนุกแห่งนี้ ให้มีความกว้าง 486 เอเคอร์ และประกอบไปด้วยธีมปาร์ก 2 แห่ง โรงแรม 3 แห่ง และ ศูนย์การค้า ก็คือ ครบวงจรแห่งการพักผ่อนเลยทีเดียว
แล้วเพื่อน ๆ ทราบไหมว่า ?
เดิมทีสวนสนุกแห่งแรกแห่งนี้ คุณวอลท์ ดิสนีย์ มีความตั้งใจว่าจะใช้ชื่อ “Mickey Mouse Park” ตามชื่อตัวการ์ตูนดิสนีย์ตัวแรกที่ตัวเขาผูกพัน
จนต่อก็มา ก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อให้พ้องเสียงกับชื่อของบริษัทเป็น “Disneylandia” จนสุดท้าย ก็มาจบที่ชื่อ “Disneyland”
โดยนอกจากจุดเด่นในเรื่องของธีมที่แบ่งเป็น 5 ดินแดน รวมไปถึงการเนรมิตตัวการ์ตูนดิสนีย์ให้ออกมามีชีวิตชีวาแล้ว
อีกหนึ่งจุดเด่นที่เป็นสัญลักษณ์ของสวนสนุก Disneyland ก็คือ “ปราสาทดิสนีย์” ที่มักจะอยู่ในส่วนแรกสุดทางเข้า หรือ ตั้งอร่ามอยู่ใจกลางของสวนสนุก
1
โดยปราสาทดิสนีย์แห่งแรก ก็คือ “ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา” ที่เป็นสัญลักษณ์ของดิสนีย์ ซึ่งว่ากันว่ามีต้นแบบมาจากปราสาท Neuschwanstein ในแคว้นบาวาเรียของเยอรมนี
จากประสบการณ์ที่ได้ไปสัมผัสสวนสนุกแห่งนี้มา เจ้าปราสาทตรงกลางนี้ ก็จะคล้าย ๆ กับ Townhall ของสวนสนุกดิสนีย์ทั้ง 6 แห่ง ที่เขาจะมีการแสดงขบวนพาเหรดตัวการ์ตูน การแสดงเล่นไฟหรือจุดพลุ จนเป็นจุดถ่ายรูป ถ่ายคลิปให้เราเห็นกันจนชื่นใจ
หลังจากเปิดสวนสนุกดิสนีย์แห่งแรกได้เพียงแค่ 10 ปี คุณวอลท์ ดิสนีย์ ก็ได้จากโลกนี้ไป ด้วยโรคมะเร็งปอด ในวัยเพียง 65 ปี เท่านั้น
แต่เรื่องราวความตั้งใจการสร้างสวนสนุก ก็ไม่ได้จบแค่นั้น
อย่างที่เราทราบกันก็คือ สวนสนุกแห่งที่ 2 ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกอย่าง “Walt Disney World” ในรัฐฟลอริดาประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีขนาดใหญ่มากถึง 63,200 ไร่ หรือมีขนาดเท่ากับเมืองซานฟรานซิสโกทั้งเมืองเลยทีเดียว !
จริง ๆ ก็ต้องบอกว่า สวนสนุกดิสนีย์แห่งที่ 2 นี้ ก็เกิดมาจากความตั้งใจของคุณวอลท์ ดิสนีย์ ที่อยากนำข้อผิดพลาดจากดิสนีย์แลนด์ที่เมืองอนาไฮม์ มาปรับปรุงให้กลายเป็นสวนสนุกแห่งความฝันที่ไร้ที่ติและเขาเองก็ต้องการทำให้ Disneyland เป็นมากกว่าสวนสนุก แต่เป็นแหล่งให้ความบันเทิงสำหรับครอบครัวที่ครบวงจร
แน่นอนว่าโปรเจกต์นี้ ก็ได้ถูกสานต่อโดยหนึ่งในผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทดิสนีย์ อย่างคุณรอย ดิสนีย์
จนเนรมิตให้ “Walt Disney World” เป็นมากกว่าแค่สวนสนุก โดยมีธีมปาร์กมากถึง 4 แห่ง โรงแรมอีก 27 แห่ง, สนามกอล์ฟ 4 แห่ง, ศูนย์การค้า, สนามกีฬาเบ็ดเตล็ด, ศูนย์การประชุม, ที่ตั้งแคมป์ และ สวนน้ำ
จนมาถึงปัจจุบันเนี่ย ดิสนีย์แลนด์ก็มีมากถึง 6 แห่ง กระจายจนมาถึงฝั่งเอเชีย อย่าง Tokyo Disneyland ก็เป็นแห่งแรกของการในทวีปเอเชีย
ส่วนโปรเจกต์ล่าสุดที่ดิสนีย์เพิ่งเปิดตัวไป ก็คือ Shanghai Disneyland เมื่อปี 2016 ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
ซึ่งจุดเด่นที่สุด ก็คงจะเป็นตัวขนาดความใหญ่ของปราสาท “The Enchanted Storybook Castle” ที่มีความสูงกว่า 60 เมตร หรือ ประมาณตึกเกือบ 20 ชั้น เลยทีเดียว
ซึ่งความสูงใหญ่นี้ นับว่าเป็นปราสาทดิสนีย์ที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ดิสนีย์สร้างสวนสนุกมาอีกด้วย
Tokyo Disneyland
Shanghai Disneyland
อีกจุดที่น่าสนใจคือ ขนาดของสวนสนุกดิสนีย์ที่มีขนาดใหญ่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองอีกหนึ่งเมือง
มันจะสร้างมลพิษขนาดไหนกันนะ ?
ถ้าเป็นแบบนั้น...ดิสนีย์ก็ยังคงจะสร้างสวนสนุกขนาดยักษ์ ต่อไปเหรอ ?
ข้อสงสัยนี้ (ซึ่งเราอาจจะนั่งคิดไปเองคนเดียวก็ได้ แห่ะ ๆ )
เราก็ได้ไปหาคำตอบมาสั้น ๆ แบบนี้
คือ บริษัทดิสนีย์ เขาก็รู้ตัวแหละว่า การจัดสร้างสวนสนุกขนาดใหญ่เท่าเมือง 1 เมืองแบบนี้ ส่งผลลบให้กับสภาพแวดล้อมจากการดำเนินกิจกรรมเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมาเนี่ย ดิสนีย์แลนด์ก็ได้พุ่งความสนใจไปยังการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมใน 3 ประเด็นหลัก ๆ คือ พลังงาน น้ำ และขยะ
ขอยกตัวอย่างเช่น เรื่องของพลังงาน พวกเขาก็ตั้งใจว่า จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ลดลง 50%
ซึ่งเรื่องนี้พวกเขาก็สามารถทำลดการปล่อยก๊าซออกมาได้มากถึง 41% ในปี 2020 (กับสวนสนุกทุกแห่ง)
โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเข้ามาจัดการในเรื่องของพลังงานความร้อนที่เหลือใช้ และ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์
ในเรื่องของน้ำ ก็มีการพัฒนาแผนอนุรักษ์น้ำและการบำบัดน้ำเสียอย่างเป็นระบบ รวมถึงการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่
และเรื่องของขยะ หลัก ๆ ก็คงเป็นการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องใช้อุปโภค เช่นการลดการใช้พลาสติก ที่เป็นต้นเหตุของมลพิษในข้อนี้ (เพราะพฤติกรรมมนุษย์ก็จะเป็นปลายเหตุแล้ว)
อะพอก่อน...อ่านถึงตรงนี้ เราคิดว่าถ้าเราเล่าต่อเนี่ย เพื่อน ๆ ก็น่าจะง่วงอย่างแน่นอน ฮ่า ๆ
เอาเป็นว่าดิสนีย์เขาตั้งใจจะขยายการก่อสร้างสวนสนุกให้เพิ่มขึ้นอีก โดยที่เขาก็มีแผนการจัดการและควบคุมมลพิษสิ่งแวดล้อม เป็นอย่างดีละกันนะ 🙂
ก็พอหอมปากหอมคอตามสไตล์สบายสมองกับพวกเรา
วันนี้ก็คงจะขอจบเรื่องราวไว้แต่เพียงเท่านี้
โฆษณา