3 ส.ค. 2021 เวลา 09:22 • ปรัชญา
ชีวิตคืออะไร ?
คำถามนี้ถูกลบ
กว่าจะได้เป็นมนุษย์ไม่ใช่ของง่าย
หากเราเข้าใจสักนิดกับคำว่าสัตว์โลก ที่ตาเรามองเห็น คำว่ารูปของสัตว์ ในรูปของสัตว์ก็มีจิตแต่ละดวงอาศัยอยู่ ที่เรียกว่าสังขารสัตว์ ในโลกนี้นี้มีกี่ดวงจิต เมื่อจิตมาอาศัยในรูปของสัตว์สังขารสัตว์ เคลื่อนไหวมีชีวิตหากินหล่อเลี้ยงสังขารตนอยู่ในโลก มีสัญชาตญานยึดรูปรักรูปที่จิตนั้นอาศัย ให้จิตต้องรับทุกข์ ในสภาพที่เรียกว่า สุขที่กรรมหล่อเลี้ยง ให้หลงว่าเป็นสุข มีชีวิตหล่อเลี้ยงด้วยกรรมในความเป็นสัตว์ ให้มีอารมณ์สัญชาตรักชีวิต ใครมาเบียดเบียน รบกวนรูปที่อาศัย ก็แสดงอาการณ์หงุดหงิด รำคาญ ไม่ชอบ ต้องหลีกหนี ถ้าเป็นตัวดุๆ มันก็กัดเอา ข่วนเอา เพราะรูปสัตว์นั้นหยิบจับอาวุธอะไรไม่ได้ ใช้ได้แค่เขี้ยวเล็บ บางประเภทก็มีพิษเป็นอาวุธ โอ้..สัตว์รูปอื่น สังขารชั่งไม่อำนวยตามที่อยากทำให้ได้ดังใจ
มีแต่สังขารมนุษย์ ที่มีอาการครบสามสิบสอง สังขารมนุษย์มีความพร้อมทีจะนำมาทำอะไรต่างได้ ทำชั่วก็ทำได้ดังใจ ทำดีก็ทำได้ แต่จิตที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ ที่มาจากอบาย อยู่กับอุบายมานาน กินนอนอยู่ในอบายมานาน บางพวกที่อยู่ในอบายก็ต้องกินสังขารสัตว์ในอบายมาเลี้ยงชีวิตตน ยิ่งเกิดเป็นปลา ปลาเล็กกินปลาใหญ่ เป็นสัตว์บกบางพวกก็อาศัยกินผู้ที่อ่อนแอกว่า กินพวกโคควายเก้งกวาง หันมาดูสัตว์ปีก บางพวกก็มีแต่ปีก บินไม่ได้ ไม่รู้ว่ากรรมอะไร มีปีกแต่ก็บินไม่ได้ พวกที่บินได้ ก็ต้องทำบ้านทำรังอาศัยต้นไม้ อยู่บนต้นไม้ พวกไร้แขนขา งูเงี้ยวก็ตามรังขวาง ชีวิตของสัตว์มันหาความสุขไม่ได้เลย
มนุษย์ก็มีตา สัตว์ก็มีตาเหมือนกัน เป็นตากรรม เห็นสังขารมนุษย์ น่าเป็นที่อยฟู่อาศัย พอมาเกิดเป็นมนุษย์ มีพ่อมีแม่คอยเลี้ยงดูตั้งแต่เกิด คอยสอน ให้กินให้นอน คอยดูแล ตอนยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อแม่ก็คอยดูแล หยอดน้ำหยอดนมให้ ให้ความอบอุ่น ยุงลิ้นไรไม่ให้มาตอม สังขารน้อยๆโตมาหัดคลานหัดพูด หัดเรียกพ่อแม่ แต่ก็ก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ คืออะไร เพราะไม่เคยใช้ปากเรียกคำว่าพ่อแม่มาเสียนาน
พ่อโตขึ้นมา ชักสงสัย ว่าตนเองเกิดมาจากไหน ต้องถามพ่อกับแม่อีก ว่าหนูเกิดจากไหน โตขึ้นมาก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ที่เป็นพ่อเป็นแม่ จนกว่าตนเองจะมีครอบครัวมีลูกบ้าง ถึงจะเริ่มมองย้อนมาดูพ่อแม่ตัวเองว่าเป็นแบบนี้เอง
พอรู้ว่าตั้งท้อง ก็เริ่มมีความวิตก มีความห่วงว่าลูกในท้อง จะคลอดออกมาสมบูรณ์เป็นปกติมั้ย ต้องเดินเหินด้วยความระมัด กลัวจะกระเทือนถึงลูกในท้อง ต้องหาหมอไปฝากครรภ์ ระมัดระวังอาหารการกิน ระวังของแสลง แพ้ท้องคลื่นไส้อาเจียน เดินไกลนาน ยืนนานก็ไม่ไหว พอลูกในท้องโตหน่อย นำ้หนักลูกในท้อง ก็ไปกดกระเพาะปัสสาวะ ยิ่งยืนนาน เดินนาน ก็ปวดปัสสวะ ตอนท้องแก่จะนอนหงายก็ไม่ค่อยได้ ต้องนอนตะแคง พอใกล้คลอด ได้เวลาคลอด ก็เหมือนต้องมีทุกขเวทนา เบ่งลมคลอดไม่รู้กี่หน กว่าจะลูกจะออกมาได้ ได้เห็นหน้าลูกครั้งแรก มันมีมีความสุขที่บอกไม่ถูก ดีใจที่ลูกออกมาปกติครอบอาการสิบสอง นึกถึงแม่ตัวเองก็คงมีความผู้สึกเหมือนตัวเอง ดีใจที่เห็นหน้าลูกครั้งแรก ขอให้เจริญเทอดพ่อคุณทูลหัวของแม่
พอมีลูกเริ่มโตก็ชักวิตกกังวล ว่าลูกจะเป็นแบบเตัวเองมั้ย มันจะเกเรมั้ย มันจะทำในสิ่งที่ดีไหม ลูกจะรอดพ้นสื่อสิ่งยั่วยุต่างนานาไหม จะถูกใครรังแกไหม แข็งแรง เป็นผู้มีเหตุผลไหม จิตใจปกติไหม อะไรต่างๆนานา เพราะก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่ากรรมกุศลอกุศลที่ลูกถือมาจะพาไปทางใด ได้แต่คาดหวัง ภาวนาให้เกิดสิ่งที่ดีงามกับชีวิตลูกขอให้พบคนดี แต่ไม่รู้ว่าจะสมหวังไหม
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ใช้ปากเรีอกคำว่าพ่อว่าแม่ได้ หากเกิดเป็นสัตว์ก็เรีอกพ่อแม่ไม่เป็น เกิดมาเป็นมนุษย์สามารถเรีอนรู้พระคุณพ่อแม่ได้ ยิ่งผู้ที่อยู่สูงๆหูทิพย์ ตาทิพย์ได้ยินได้ฟังคำกล่าว ขอนำกายบิดามารดามาสร้างกุศล ก็ร่วมยินดีปราโมทนาด้วย เพราะว่าผู้ทีอยู่สูงๆก็ต้องลงมาเกิดใช้เศษของกรรมในโลกกมนุษย์เหมือนกัน แล้วก็อยากมีพ่อแม่เเป็นคนดีสร้างบุญกุศล เพราะการเกิดแต่ละครั้งเหมือนเสี่ยงทาย ว่าตัวเองจะมาประพฤติปฏิบัติธรรม สะสมบุญบารมีต่อได้หรือไม่ ถ้าพลาดก็ไปอบายหรือนรก
รูปสัตว์ต่างๆในโลกไม่สามารถใช้สังขารมาสร้างคุณงามความดี ไม่สามารถมาสร้างสรรค์วัตถุสิ่งของ สร้างสรรค์ประเพณีดีๆ วัฒนธรรมดีๆ อริยธรรมดีๆ ไม่สามารถทำอะไรต่างได้ ไม่สามารถเรียนรู้เรื่องราวของศาสนา ไม่มีความเข้าใจเรื่องศาสนา รูปสัตว์สังขารสัตว์มันทำไม่ได้เลย
อาหารการกินของมนุษย์ทั่วทั้งโลก ที่มาจากรูปสัตว์สังขาร วันๆหนึ่ง สังขารสัตว์เหล่านั้นต้องมาถูกสังเวย มาเป็นเนื้อ เป็นโปรตีน เป็นวัตถุสารพัดรูปแบบ นำมาจำหน่ายซื้อขาย เพื่อให้เศรฐกิจรุ่งเรือง เจริญร่ำรวย กินสบายอยู่สบาย คนหัวดีก็ทำเป็นฟาร์มเลี้ยง เลี้ยงให้โต เพื่อจะเอามาฆ่า แล้วขายเนื้อหนังกระดูก ให้คนเอาไปแช่แข็งบ้าง เป็นอาหารกระป๋องบ้าง เป็นอาหารให้แมวให้หมาบ้าง เป็นอาหารกระป๋องสำเร็จรูปพร้อมให้คนเปิดเอามากิน ให้คนทำกินบ้าง ให้คนเพื่อเอาไปทำเป็นธุรกิจอุตสาหกรรม หากเรานับรูปสัตว์ที่มีอยู่ในโลก มันกี่รูป ดูชีวิตเกิดเป็นคนมันชั่งสบาย จิตที่มาอาศัยกายมนุษย์ ที่มีสุขอยู่ในกรรม ทุกข์อยู่กรรม
สังขารมนุษย์มันทำได้ สัตว์ที่มาอาศัยในร่างมนุษย์อยู่ในโลก มีความสามารถล่าสัตว์อื่น ล่าเบียดเบียนพวกรูปมนุษย์ด้วยกันเองเพราะก็ยังมีความเป็นสัตว์อยู่ ข่มเหงกันเอง แบ่งพวกตีกัน ทำลายกันเอง ประโยชน์ของฉัน ประโยชน์ของเธอ รักพวกฉัน รังเกียจกันเอง แล้วมนุษย์ผู้เจริญวัตถุสิ่ง มีเทคโน มีนวัตกรรม ส่งเสริมให้ลุ่มหลงให้ใหญ่โต ก็มีความสามารถล่าสัตว์ต่างๆมาทำอาหารได้แทบทั้งโลก สัตว์ทะเลปลาทะเล อยู่ในทะเลลึก ในมหาสมุทรยิ่งใหญ่ คนก็จับมาได้ มีเรือ มีโรงงาน มีห้องเย็น แช่แข็ง เก็บปลาแช่แข็งได้นาน จับทีหนึ่งก็ไม่รู้เท่าไหร่ เพราะอวนยาวเป็นสิบกิโล จับปลามาแล้ว ห้องเย็นมีปัญหา ทำอุณหภูมิที่ต้องการไม่ได้ ก็ต้องทิ้งปลาทีละเป็นร้อยตัน
สัตว์ทั่วโลก วันๆ สังเวยชีวิตให้คน วันละเท่าไหร่ แล้วจิตที่อาศัยสังขารสัตว์นั้นไปไหน มีจิตดวงไหนบ้างที่จะเกิดมาอาศัยกายมนุษย์ จะได้มีโอกาสมาแก้ไขกรรมของตนบ้าง จะได้พ้นคำว่าอยู่กับอบาย ไปสู่ที่ที่มีความสุข พ้นทุกข์เสียที
สัตว์บกสัตว์ทะเลก็มีจิตอาศัยอยู่ จิตอาศัยอยู่ในรูปนั้น ต้องรับกรรมอยู่กับรูปนั้นๆ อยู่กับคำว่าไม่รู้ ไม่รู้จักคำว่าทำดี ไม่สามารถนำรูปมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สร้างบุญกุศลบารมีได้ เพราะอยู่ในสถานะเป็นผู้รับกรรม ต้องเดินไปตามกรรมอย่างเดียว
เหมือนคำว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม มีสุขมีทุกข์อยู่กับรูปนั่นๆ แล้วรูปไหนที่มีความสมบูรณ์พร้อมจะนำสร้างในสิ่งที่ดีงามให้กับตน เห็นจะมีก็แต่รูปมนุษย์ ที่ครบอาการสามสิบสอง มีสติ มีจิตที่ดี มีเหตุผลดีๆ. ที่สมารถกระทำความดีได้ มีจิตที่ล่องลอยที่รอคอยการเกิดเป็นมนุษย์มากมาย ทั้งรอเวลาที่จะรับกรรมดีกรรมชั่วในภพภูมิที่สมควรแก่ที่ตนได้ก่อไว้ในการมีชีวิตเป็นมนุษย์ จิตของผู้ที่เกิดมาอาศัยกายมนุษย์ ก็ต้องถูกจำแนกไปตามสถานที่ต่างๆ ตามวาระกรรมของตน บ้างก็ไปเกิดในป่า เกิดในเมือง เกิดในที่กันดารทะเลทราย บ้างก็ไปในดินแดนที่มีแต่การเข่นฆ่า ทำลายกัน บ้างก็เกิดในสถานที่มีสิ่งบำเรอให้หลงวัตถุสิ่งของที่มี ด้วยทุกคนที่เกิดมาในโลก ล้วนมีกรรมกันไปคนละแบบ สะสมนิสัยมากันคนละแบบ มีบุญมาไม่เหมือนกัน
เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นนักเรียน นักวิทยาศาสตร์ นักคิดนักเขียน นักปรัชญา นักดาราศาสตร์ นักการเมือง นักสิทธิมนุษย์อะไรนี่ นักประชา..นักเลง นักอันธพาล นักการพนัน นักมวย นักบวช มากมายพูดถึงไม่ไหว เป็นกันได้ ด้วยอาศัยคำว่า ตัณหาภวตัณหา วิภวตัณหา คือความอยาก ความทะเยอะทะยาน ได้แล้วก็ทะเยอทะยานไม่สิ้นสุด เป็นตัวกระทำให้มนุษย์ในโลก เข้าไปอยู่ในตัวกระทำ ของนักอะไรทั้งหลายที่โลกมีให้
เมื่อชอบใจอันไหน ตัวละครตัวไหน โลกจะส่งให้ด้วยกรรมอุปโลกน์ให้ มีการถ่ายทอดความรู้ให้กัน ส่งเสริมกันไป ให้หลงใหลภาพรสกลิ่นแสงสีเสียงเป็นอารมณ์ทุกข์สุข ชั่วขณะ เพลิดเพลินชั่วขณะ แล้วโลกก็ให้เพลินให้ยึดไปกับลาภยศสรรเสริญสุข เสื่อมลาภเสื่อมยศนินทาทุกข์ หลงสุขทุกข์ของโลก ชั่วขณะที่มีลมเข้าออกหล่อเลี้ยงสังขาร แล้วก็จากโลกนี้ไป ทิ้งเรื่องของนักอะไรทั้งหลายไว้ในโลกให้มนุษย์รุ่นต่อไปเดินตามรอยตัวกระทำตัวละครต่างๆ เลือกทำไปตามกรรมทีชอบกระทำ เมื่อจากรูปไปมีก็รูปกรรมเป็นภาคบังคับ กรรมบังคับให้ไปอยู่กับ รูปกรรมรูปธรรมของสัตว์ต่างๆมีนานาชนิดมากมายในโลกที่รอคอยอยู่ ให้จิตเดินทางไปตามกรรม อาศัยตามรูปต่างๆในโลก เป็นไปตามคำว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
โฆษณา