3 ส.ค. 2021 เวลา 21:18 • กีฬา
[วันนี้อยากเล่าเรื่อง...] โอลิมปิกเคยจัดแข่งขันศิลปะควบคู่กับกีฬา
มหกรรมกีฬาโอลิมปิกดำเนินมาเกือบถึงโค้งสุดท้าย
นักกีฬาหลายคนคว้าเหรียญกลับบ้านอย่างภาคภูมิ บางคนเก่งกาจขนาดคว้าได้มากกว่าสองเหรียญจากการแข่งขันมากกว่าหนึ่งรายการ
แต่คุณรู้หรือไม่ ในอดีตสามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกจากการแข่งขันกีฬาและจากการแข่งขันศิลปะได้ถ้ามีความสามารถด้านกีฬาเป็นเลิศและมีหัวศิลป์มากพอ
วันนี้ผู้เขียนอยากเล่าถึงการแข่งขันศิลปะที่เคยมีอยู่ในโอลิมปิกเมื่อนานมาแล้วให้ได้อ่านกันโดยสรุปค่ะ ไปอ่านกันเลยๆ 😊👉
(ขอบคุณภาพจาก media.mutualart.com)
📍จุดเริ่มต้นของการแข่งขันศิลปะในโอลิมปิก📍
การแข่งขันศิลปะเกิดขึ้นจากความตั้งใจของ 'ปีแยร์ เฟรดี บารง เดอ กูแบร์แต็ง' ขุนนางชั้นบารอนของฝรั่งเศสผู้ก่อตั้งกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่และเป็นผู้ก่อตั้งคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) นอกจากความเชื่อที่ว่ากีฬาจะช่วยพัฒนาศักยภาพของคนรุ่นใหม่ได้ เขายังมีความตั้งใจที่จะผสมผสานกีฬาและศิลปะเข้าด้วยกัน ในปี ค.ศ.1906จึงได้จัดประชุมและตกลงให้มีการจัดแข่งขันศิลปะในงานแข่งขันกีฬา
ปีแยร์ เฟรดี บารง เดอ กูแบร์แต็ง (ขอบคุณภาพจาก en.wikipedia.org)
โดยตั้งใจจะจัดการแข่งขันศิลปะครั้งแรกที่งานโอลิมปิกครั้งที่ 4 ปี ค.ศ. 1908 ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี แต่เพราะเจ้าภาพมีปัญหาทางการเงินจึงถูกเปลี่ยนมือเจ้าภาพเป็นกรุงลอนดอนในปี ค.ศ.1907 แต่เพราะเวลาในการเตรียมการที่น้อยนิดเกินไปทั้งสำหรับเจ้าภาพและศิลปิน การแข่งขันศิลปะจึงถูกเลื่อนออกไปอีก และถูกจัดขึ้นครั้งแรกในโอลิมปิกครั้งถัดมา(ค.ศ.1912) ที่สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
📍ประเภทการแข่งขัน📍
คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และองค์กรศิลปินในสมัยนั้นมีมติในที่ประชุมให้จัดการแข่งขันศิลปะทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ สถาปัตยกรรม วรรณกรรม ดนตรี ภาพวาด และประติมากรรม
โดยมีเงื่อนไขการรแข่งขันคือ งานศิลปะที่เข้าร่วมการประกวดต้องมีความเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนหรือได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬาโอลิมปิก ระยะเวลาการสร้างผลงานคือภายใน 4 ปีก่อนมีการแข่งขันในแต่ละครั้ง ในสาขาวรรณกรรมกำหนดให้มีตัวอักษรไม่เกิน 20,000 คำ สำหรับสาขาดนตรีมีเวลาในการแสดงไม่เกิน 1 ชั่วโมง และผู้เข้าแข่งขันต้องเป็นมือสมัครเล่นเท่านั้น❕❔
ผลการแข่งขันจะถูกตัดสินโดยคณะกรรมการและจัดมอบรางวัลเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดงเช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬา ❕ แต่ที่ต่างคือหากผลงานไม่ผ่านมาตรฐานของคณะกรรมการอาจมอบรางวัลสูงสุดแค่เงินหรือทองแดงหรืออาจไม่มีการมอบเหรียญรางวัลเลย ดูจากชิ้นงานเป็นหลัก
นิทรรศการงานศิลปะโอลิมปิก ปี ค.ศ.1932 (ขอบคุณภาพจาก artclasscurator.com)
📍ผู้ชนะการแข่งขัน📍
การแข่งขันศิลปะในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก แม้ในปีแรกที่จัดจะมีศิลปินเข้าร่วมเพียง 35 คนแต่ก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นเช่นกัน แต่ก็ยังไม่ได้เป็นที่พูดถึงเทียบเท่ากับการแข่งขันกีฬา อย่างเช่นในปี ค.ศ. 1928 การแข่งขันโอลิมปิกถูกจัดขึ้นที่อัมสเตอร์ดัม ในปีนั้นมีผลงานส่งเข้าประกวดเป็นพันชิ้นโดยไม่รวมผลงานสาขาดนตรีและวรรณกรรม และมีผู้เข้าชมนิทรรศการทจัดแสดงผลงานที่เข้าแข่งขันเป็นจำนวนมาก
1
(ขอบคุณภาพจาก wikiwand.com และ chisholmgallery.com)
ผู้ชนะที่มีชื่อเสียงจากการแข่งขันศิลปะในงานโอลิมปิก ได้แก่ ชาร์ลส์ ดาวนิง เลย์ สถาปนิกชาวอเมริกัน และโจเซฟ เว็บสเตอร์ โกลิงคิน ศิลปินผู้ออกแบบแสตมป์ของอเมริกา
ผู้เข้าแข่งขันไม่ได้มีเพียงเหล่าศิลปินเท่านั้น มีบันทึกว่านักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาในโอลิมปิกสามารถคว้าเหรียญจากการแข่งขันทั้งจากกีฬาและศิลปะกลับบ้านด้วยเช่นกัน นั่นคือ
👉 วอลเตอร์ วินานส์ หลังจากได้เหรียญทองในการแข่งขันยิงกวางในปี ค.ศ. 1908 ครั้งต่อมาในปีค.ศ. 1912 เขาได้รับเหรียญเงินในการแข่งขันยิงกวางประเภททีม และเหรียญทองจากงานศิลปะสาขาประติมากรรมที่มีชื่อว่า 'An American Trotter'
👉 อัลเฟรด ฮาญอส แชมป์ว่ายน้ำโอลิมปิกสองสมัยซ้อนในปีค.ศ. 1896 เข้าร่วมแข่งขันศิลปะกับเพื่อนร่วมชาติชื่อเดสโซ เลาแบร์ ได้เหรียญทองในสาขาสถาปัตยกรรมจากการออกแบบสนามกีฬา ในปี ค.ศ.1924 ที่กรุงปารีส
An American Trotter (ขอบคุณภาพจาก travelblog.org)
📍สาเหตุการหายไปของการแข่งขันศิลปะ📍
สาเหตุหลักมาจากกฎที่ให้ผู้เข้าแข่งขันเป็นมือสมัครเล่นเท่านั้น มืออาชีพไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งผลงานทำให้มาตรฐานของงานไม่เป็นไปในทิศทางที่แวดวงศิลปะต้องการ นอกจากนี้ผลงานต้องเกี่ยวข้องกับกีฬาซึ่งเป็นการตีกรอบทางศิลปะ ทำให้ศิลปินมือสมัครเล่นที่มีฝีมือโดดเด่นตัดสินใจไม่เข้าร่วมการแข่งขัน
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ความเห็นเรื่องการจัดการแข่งขันศิลปะในงานโอลิมปิกเริ่มแตกต่าง เพราะประธาน IOC ชาวอเมริกันชื่อว่า Avery Brundage มีความเห็นต่างว่าโอลิมปิกควรเป็นการแข่งขันอย่างบริสุทธิ์ใจและไม่ได้รับอิทธิพลใดๆจากเม็ดเงิน โดยเฉพาะเหล่าศิลปินที่อาจใช้ชื่อเสียงของเขาจากการได้เหรียญการแข่งขันศิลปะในโอลิมปิกเพื่อโฆษณาตนเองและใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อการสร้างรายได้
หลังมีการถกเถียงถึงประเด็นดังกล่าว ในที่สุดก็มีมติจากที่ประชุมยกเลิกการแข่งขันศิลปะในกีฬาโอลิมปิก(ในปีค.ศ.1948) และจัดเป็นนิทรรศการที่ไม่มีการแข่งขันเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Cultural Olympiad
สรุปเหรียญรางวัลทั้งหมดของการแข่งขันศิลปะในโอลิมปิก ปีค.ศ.1912-1948 (ขอบคุณภาพจาก wikipang.com)
แต่การแข่งขันศิลปะในงานโอลิมปิกก็ไม่ได้ถือว่าสาบสูญไปเลยซะทีเดียว แต่ยังคงถูกจัดเป็นหนึ่งในกิจกรรมอย่างเช่น โอลิมปิกปี 2004 ที่ลอนดอน มีการจัดแข่งผลงานประติมากรรมและงานกราฟิกในหัวข้อ “Sport and the Olympic values of excellence, friendship and respect.” แม้จะไม่ได้มอบเหรียญรางวัลแบบในอดีตแต่ผู้ชนะได้รับรางวัลเป็นเงินสดและผลงานได้ถูกจัดแสดงตลอดการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนั้น
💬 อ่านจบแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง สามารถพูดแลกเปลี่ยนกันได้เสมอเลยนะคะ
สำหรับผู้เขียนเองอยากให้มีการจัดแข่งขันแบบนี้นะ แบบที่ไม่ใช่การแข่งออกแบบโลโก้หรือสิ่งต่างๆที่ใช้ในงาน แต่เป็นชิ้นงานที่ได้แรงบันดาลใจจากโอลิมปิก อยากให้จัดแสดงแบบระยะยาวกันไปเลยยิ่งดีค่ะ
ขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ..ขอให้วันนี้และทุกวันเป็นวันที่ดี สุขขีตลอดวันค่ะ 😊🙏🏼
โฆษณา