หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ความเห็นเรื่องการจัดการแข่งขันศิลปะในงานโอลิมปิกเริ่มแตกต่าง เพราะประธาน IOC ชาวอเมริกันชื่อว่า Avery Brundage มีความเห็นต่างว่าโอลิมปิกควรเป็นการแข่งขันอย่างบริสุทธิ์ใจและไม่ได้รับอิทธิพลใดๆจากเม็ดเงิน โดยเฉพาะเหล่าศิลปินที่อาจใช้ชื่อเสียงของเขาจากการได้เหรียญการแข่งขันศิลปะในโอลิมปิกเพื่อโฆษณาตนเองและใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อการสร้างรายได้
หลังมีการถกเถียงถึงประเด็นดังกล่าว ในที่สุดก็มีมติจากที่ประชุมยกเลิกการแข่งขันศิลปะในกีฬาโอลิมปิก(ในปีค.ศ.1948) และจัดเป็นนิทรรศการที่ไม่มีการแข่งขันเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Cultural Olympiad
แต่การแข่งขันศิลปะในงานโอลิมปิกก็ไม่ได้ถือว่าสาบสูญไปเลยซะทีเดียว แต่ยังคงถูกจัดเป็นหนึ่งในกิจกรรมอย่างเช่น โอลิมปิกปี 2004 ที่ลอนดอน มีการจัดแข่งผลงานประติมากรรมและงานกราฟิกในหัวข้อ “Sport and the Olympic values of excellence, friendship and respect.” แม้จะไม่ได้มอบเหรียญรางวัลแบบในอดีตแต่ผู้ชนะได้รับรางวัลเป็นเงินสดและผลงานได้ถูกจัดแสดงตลอดการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนั้น