Journey 10 : พาไปชิม...ร้านอาหารสุดหรูในพนมเปญ 😋 เพราะแตกต่างจึงอยู่รอด
Journey ที่แล้ว พาไปทัวร์กินแมลงกันแล้ว มา Journey นี้ ของเปลี่ยนโหมด..มาชิมอาหารสุดแสนแพง...มื้อละ 10,000 บาท กันบ้างดีกว่าค่ะ 😁
จริงๆ ที่พนมเปญ มีอาหารอร่อยๆ ให้เลือกทานเยอะมาก...อร่อยมากด้วยค่ะ ที่สำคัญเป็นแบบ original เลย โดยเฉพาะอาหารฝรั่งเศส อาหารเม็กซิกัน อิตาเลียน อินเดีย และแน่นอนที่เรากินบ่อยที่สุด...นั่น คือ อาหารญี่ปุ่น ค่ะ 😍
ว่าแล้วก็มาลุยกันเลย...จะไปร้านญี่ปุ่นทั่วๆไปก็ไม่ตื่นเต้น...เลยเลือกมาร้านนี้เลยค่ะ Kýo Omakase ..แล้วร้านนี้มีอะไรน่าสนใจละเนี๊ยะ...ตามมาค่ะ 😍
🍣 Kýo Omakase เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Omakase...ก็คือ แนวตามใจ chef เค้าทำอะไรให้ก็ต้องกินค่ะ ฮ่าๆๆ ตอนแรกที่คิดไว้...จะอิ่มไหมนิ กินเป็นคำๆ ต้องไม่อิ่มแน่นอน ( คิดในใจก่อนได้กินของจริง ) แต่แล้วเมื่อกินจริงๆ แทบจะยกให้เพื่อนข้างๆ เลยค่ะ ...ไม่ไหว อิ่มจนเกี่ยงกันกิน เจอเข้าไป 17 อย่าง โอ๊ย...อิ่มไปถึงเช้าอีกวันเลย
⛩ ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ เข้าไปในร้านมีห้องเดียว รับลูกค้าเฉพาะช่วงเย็นแค่วันละ 2 รอบ รอบละ 18 คน เท่านั้น ไม่สามารถ walk in เข้ามาทานได้นะคะ ต้องจองคิวล่วงเท่านั้นจ้า บางคนบอกว่าจองมา 3 รอบแล้ว ยังไม่เคยได้คิวเลย...โอ้ว..อะไรจะขนาดนั้น
ร้านเล็กๆ ดูธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา ถ้าไม่รู้จักก็จะนึกว่าตึกแถวธรรมดา
บรรยากาศข้างในร้าน เข้าไปมีแค่ห้องเดียว 18 ที่ เท่านั้นค่ะ
เริ่มด้วยออเดิฟ 3 อย่างค่ะ ไข่หอยเม่น~อสุจิปลา~และเนื้อปูสอดไส้ชีส 😋
🍙🍱🍣วัตถุดิบทุกอย่างบินตรงจากญี่ปุ่นทุกอาทิตย์ สดมาก เชฟก็อิมพอตตรงมาเลยค่ะ เมนูอาหารเชฟจะคิดและ design เปลี่ยนไปทุกเดือน เรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง...อร่อยมากค่ะ..มาถึงเรื่องราคาก็มีตั้งแต่หัวละ 180$ - 400 $ กันเลย
ตามด้วยอาหารหลักอีก 13 จาน และของหวานอีก 1 😋
รายการอาหารของเราก็ตามนี้ค่า...ราคาก็เบาๆ จัดไปที่ 278 $ ต่อหัว😆
รสชาติบอกเลยค่ะว่าอร่อยเริด คุณภาพระดับ 6 ดาวไปเลย..
วัตถุดิบระดับ premium ส่งตรงจากญี่ปุ่น...
จริงๆ ถ้าเป็นเมืองไทยไปกิน Omakase หัวละหมื่นคงไม่แปลก เพราะมีให้เลือกมากมายตามโรงแรมหรูๆ แต่ที่นี่พนมเปญ ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่กว่า 70% ยังมีรายได้ไม่สูงนัก หรือประมาณ 400-500$ ต่อเดือนเท่านั้น แล้วร้านอาหารราคาแพงขนาดนี้ เค้าอยู่รอดได้ยังไงกันน้า ❓❓🤔
👉 เราไม่ได้ไปลองชิมอาหารอย่างเดียว...อยากไปสืบประวัติความเป็นมาซะหน่อยว่า...เป็นมายังไง มองเห็นโอกาสอะไรถึงได้มาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นราคาแสนแพงแบบนี้ในกัมพูชา ❓
✏ จะเปิดร้านอาหารยังไงให้อยู่รอดดีนะ 🤔
🎯 เจ้าของร้านเป็นเด็กรุ่นใหม่จบจากเมืองไทยนี่แหละค่ะ กลับมาอยากจะเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแต่...ร้านอาหารญี่ปุ่นในพนมเปญมีเยอะมาก และส่วนใหญ่เป็นญี่ปุ่นแบบ original แท้ๆ มีตั้งแต่ร้านพวกราเมงอุด้ง ร้านปิ้งย่าง ร้านซูชิ ร้านชาบู และโอมากาเสะ.. ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มคนรายได้ปานกลางขึ้นไป และ กลุ่ม expat (👬คนใน level นี้ คิดเป็นประมาณ 15-20% ของประชาการทั้งหมดในกัมพูชา)
🎯 แน่นอนถ้าเลือกที่จะเปิดร้านแบบธรรมดาทั่วไป นั่นคือการลงแข่งใน blue ocean market เลย คู่แข่งเยอะ การแข่งขันก็สูงมาก ทั้งด้านราคา รสชาติ และ โปรโมชั่นต่างๆ นี่แค่คู่แข่งที่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นนะคะ ยังไม่รวมคู่แข่งที่เป็นร้านอาหารจากชาติอื่นๆ เลย อืมมม...ถ้าเราไม่เจ๋งจริงนี่น่าจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่นอน...เราต้องแตกต่าง‼️
✏ Customer Journey ทำให้เรารู้ว่าลูกค้าอยากได้อะไร...และเราก็ทำสิ่งที่ลูกค้าต้องการ...🤔
ดังนั้น ต้องแหวกแนวออกมา...มามองตลาดที่เป็น red ocean ดีกว่า จึงตัดสินใจเปิดเป็นแนว Omakase แบบไฮโซ up level ขึ้นมาจากคู่แข่ง ต้องมีความต่าง ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพ รสชาติ และราคา...และกลุ่มลูกค้า..ที่เน้นเจาะเฉพาะกลุ่มคนรวยรายได้สูงเท่านั้น ( 👬กลุ่มนี้มีสัดส่วนประมาณ 5% ของประชากรทั้งหมด แต่รายได้รวมของกลุ่มนี้น่าจะมีสัดส่วนเกิน 60% ของรายได้รวมในประเทศ ค่ะ 😁) เพราะฉนั้น เรื่องราคาไม่มีปัญหาสำหรับคนกลุ่มนี้
👬 เมื่อเลือกแล้วว่าจะเจาะลูกค้ากลุ่มนี้...ต้องดูว่าเค้าต้องการอะไร...ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ชอบความธรรมดา แต่ชอบอะไรที่ดู VIP ดังนั้น ร้านที่เลือกต้องไม่เหมือนใคร...ที่ Kyo การจะเข้ามาทานก็ไม่ใช่ง่ายๆต้อง booking ล่วงหน้าเท่านั้น ร้านจะมีความ private และด้วยความที่ร้านนี้เจาะกลุ่มลูกค้าระดับรายได้สูง จึงรู้ว่าสิ่งที่ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการคืออะไร...แน่นอนนั่นคือ ความเป็นส่วนตัว ความหรูหราไฮโซมีระดับที่แตกต่าง สินค้าที่ premium ที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าระดับนี้ได้...
ห้องแบบ private รับได้ครั้งละ 18 คนเท่านั้น
ร้านนี้จึงกลายเป็นที่นัดหมายพบปะของกลุ่มคนรวย ดารา นักการเมือง และนักธุรกิจ ในกัมพูชา ซึ่งจะมากันเป็นกลุ่มปิดร้านทานกันเลย มื้อนึงก็หลายพันเหรียญ(หรือหลายแสนบาท)...บอกแล้วว่าราคาไม่มีผล ถ้ากลุ่มลูกค้าเราคือ คนรวยมาก 😆 เมนูก็จะปรับเปลี่ยนไปทุกเดือน ตามเทศกาลและโอกาสพิเศษ
Set Menu ที่ปรับทุกเดือนตามโอกาสต่างๆ
🎯 ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูก เลือกตลาดที่เป็น niche market คู่แข่งน้อย ผลตอบแทนคุ้มค่า ถ้าสามารถตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด
✏ ถ้าถามว่าเข้ามาทำธุรกิจร้านอาหารในกัมพูชายากไหม ❓
ที่นี่เข้ามาง่ายค่ะ แต่จะอยู่รอดได้ไหม อันนี้ตอบเลยว่ายาก เพราะ
👉 ที่นี่เป็น free market ทุกคนทุกประเทศสามารถเข้ามาลงทุนได้หมด
👉 พฤติกรรมคนที่นี่ชอบลองของใหม่ไปเรื่อยๆ
👉 มีร้านอาหารใหม่ๆ ผลัดเปลี่ยนกันเปิดปิดตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นร้านเฟรนไชน์ชื่อดังจากทุกมุมโลก หรือร้านที่เจ้าของทำเอง
👉 ผู้บริโภคมีจำนวนจำกัด (20% ของประชากรทั้งประเทศเท่านั้นที่มีความสามารถในการเข้าร้านอาหาร)
👉 choice ร้านอาหารมีให้เลือกมาก
ดังนั้น ธุรกิจร้านอาหารในกัมพูชาจึงถือว่าการแข่งขันคอนข้างสูง ถ้าทีมงานไม่พร้อม สินค้า ราคาไม่แตกต่าง ไม่มีจุดเด่น ก็จะไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดได้ และต้องปิดตัวลงในที่สุดค่ะ
👉 แล้วในช่วง Covid ที่ร้านอาหารโดน lockdown...เค้ามีการปรับตัวยังไง❓
ช่วง covid ทุกร้านต้องปรับกลยุทธ์ Kyo ก็เช่นกัน...เมื่อลูกค้าไม่สามารถออกมานั่งทานได้...ร้านก็ต้องปรับตัว ยกหน้าร้านขึ้นบนช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะ facebook ปรับรูปแบบเป็น Benti Box set ระดับ premium และให้บริการแบบ Home catering จัดเชฟไปทำ Omakase ให้ถึงบ้านกันเลย เพราะลูกค้าของ Kyo คือ คนมีสตางค์ แม้ได้รับผลกระทบจาก covid แต่ไม่กระทบต่อกำลังซื้อสักเท่าไรนัก ไม่เหมือนกลุ่มลูกค้าระดับกลาง...จึงทำให้ Kyo ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้...ท่ามกลางร้านอาหารอื่นๆ ที่ทยอยปิดตัวลง
🤔 เพราะความต่าง...กล้าออกนอกกรอบ...และปรับตัวจึงอยู่รอด...
จาก Omakase ปรับตัวเป็น Bento box และ Home Catering
เอาไว้จะมาเจาะลึกธุรกิจร้านอาหารในกัมพูชาและร้านอาหารไทยต้องมีกลยุทธ์อย่างไรถึงจะอยู่รอดในกัมพูชาให้อีกครั้งใน Journey ถัดไปนะคะ 🥰
ฝากติดตามด้วยนะคะ 🥰
เรื่อง & ภาพ : วิลาสินี แจ่มอุลิตรัตน์
📌 บทความนี้มาจากประสบการณ์และความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัดแต่อย่างใด หากต้องการคัดลอกหรือทำซ้ำ รบกวนติดต่อผู้เขียนก่อนนะคะ 🥰
📚ข้อมูลอ้างอิง : facebook/ Kyo omakase
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
