4 ส.ค. 2021 เวลา 07:22 • หนังสือ
#มหัศจรรย์ห้องสมุดเที่ยงคืน จากสำนักพิมพ์ใหม่ Beat ที่เปิดตัวไปได้อย่างสวยงาม ส่วนตัวคือเราสนใจหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่เห็นออกมาในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ ก็ได้แต่รอว่าจะมีใครเอามาตีพิมพ์ในฉบับภาษาไทยไหมนะ และแล้ว Beat ก็เปิดตัวขึ้นมาพร้อมกับลิสต์หนังสือน่าสนใจเต็มไปหมด 1 ในนั้นก็มีเล่มนี้อยู่ด้วย!!! กรี๊ดบ้านแตกเลยค่ะ ดีใจมากที่สนพ.เลือกเล่มนี้มาเป็นเล่มเปิดตัว หนังสือสีสวยมากๆเลย
กลับมาที่เนื้อหา The Midnight Library เล่าถึงชีวิตอับโชคของหญิงสาวที่ชื่อ "นอรา ซีด" เธอต้องรับมือโรคซึมเศร้าอยู่นานหลายปีจนตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงในที่สุด ทว่าหลังจากสติหลุดลอยไป เธอกลับตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ซึ่งเป็นสถานที่ที่อยู่ระหว่างชีวิตกับความตาย เวลาของที่นั่นไม่เดินหน้าแต่กลับหยุดค้างไว้ที่ 00.00 น. และนอรายังได้พบกับ "มิสซิสเอล์ม" อดีตบรรณารักษ์ห้องสมุดที่โรงเรียนมัธยมของเธอ มิสซิสเอล์มบอกนอราว่าเธอสามารถทดลองใช้ชีวิตอื่นได้อีกครั้งเพื่อแก้ไขสิ่งที่เธอเคยเสียใจ เธอต้องหาชีวิตแสนสุขแบบที่ตนเองต้องการให้เจอ แต่ถ้านอรารู้สึกผิดหวังกับชีวิตนั้น เธอจะต้องกลับมาที่ห้องสมุดเที่ยงคืนอีกครั้ง
(มีสปอยล์นิดหน่อย!!)
เปิดเรื่องมาเราก็แอบตั้งธงไว้ในใจละว่าเดี๋ยวนอราก็ต้องกลับไปเลือกชีวิตเดิมของตัวเองแน่ๆ (นิสัยไม่ดีเลยนะตัวเรา 😅) แต่ที่เราอยากรู้คือนอราค้นพบอะไรในชีวิตที่เธอได้ไปลองใช้ เธอจะไม่ประทับใจอะไรสักอย่างเลยจริงๆเหรอ จะไม่เจอชีวิตที่ถูกใจกว่าจริงๆเหรอ ในเมื่อชีวิตเก่าของเธอมันแย่ขนาดนั้น แต่พออ่านไปสักพักก็เริ่มสงสัยว่าแล้วเธอจะหาทางกลับไปอยู่ในชีวิตเก่าของตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อเธอกำลังจะตาย อ่านไปก็แอบเอาใจช่วยนอราไปตลอดทั้งเรื่อง
ซึ่งหลังจากอ่านไปเรื่อยๆก็พบว่าหนังสือนี้เจ๋งกว่าที่คิดไว้เยอะเลย หนังสือจะชวนให้เราคิดว่าความเสียใจที่เกิดขึ้นในชีวิตนั้นเป็นความเสียใจ "ของเรา" จริงๆหรือไม่ หากลองตั้งสติแล้วคิดย้อนกลับไป หลายๆคนอาจจะพบว่าความเสียใจเหล่านั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นความเสียใจของคนอื่นที่เราเอามาแบกรับไว้ มันอาจจะมาจากความคาดหวังหรือความฝันของที่เรารัก และเมื่อเราทำมันไม่ได้ เราก็จะเสียใจ แต่มันไม่ใช่ความเสียใจของตัวเราเองเสียหน่อย
"นอราตระหนักได้แล้วว่าเธอไม่ได้พยายามจบชีวิตตัวเองเพราะเธอมีความทุกข์ แต่เพราะเธอเกลี้ยกล่อมตัวเองให้เชื่อว่าไม่มีวิธีหลุดพ้นจากความทุกข์ของเธอได้"
เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่กับที่มากเกินไป วนเวียนซ้ำๆมากเกินไป เราจะเริ่มหลงทางอยู่ในความจำเจนั้นโดยไม่รู้ตัว และเมื่อประสบพบกับความผิดหวัง ความโศกเศร้าเสียใจ ก็จะรู้สึกไร้ทางออก หวาดกลัว และสับสน นั่นเพราะเราหลงลืมศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองไปแล้ว หลงลืมความฝันและความต้องการของตัวเอง มุมมองที่เรามีต่อตัวเองและต่อโลกนี้ก็แคบลงกว่าที่เป็นจริง บางครั้งการได้ออกไปทำอะไรใหม่ๆ ได้เรียนรู้ชีวิตในรูปแบบใหม่ๆ ก็เป็นการเพิ่มสีสัน เติมความท้าทาย ปรับมุมมองความคิดที่เรามีต่อตัวเอง และบางครั้งถ้าโชคดีมากพอ เราอาจจะพบเป้าหมายในชีวิตของตนเองอีกครั้งก็ได้ 🎯
จากการติดตามชีวิตของนอรา ทำให้เรารู้ว่าไม่ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน ความเสียใจก็จะยังคงอยู่เสมอ ไม่ต่างกับความสุขและความรู้สึกอื่นๆอีกมากมาย ไม่มีชีวิตไหนปราศจากความเศร้า และไม่มีชีวิตไหนไร้ซึ่งความปีติยินดีเช่นกัน อยู่ที่ตัวเราซึ่งเป็นเจ้าของชีวิตจะมองเห็นมันหรือไม่ คนทุกคนบนโลกนี้ สิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์ล้วนมีปัญหาเป็นของตัวเองทั้งสิ้น ทุกชีวิตล้วนมีเส้นทางการดิ้นรนต่อสู้ที่แตกต่างกันไป แต่ไม่มีชีวิตไหนที่จะดีได้เท่าชีวิตที่เป็นของเรา เป็นตัวเราในแบบที่เราเป็น
"ลองคิดถึงปลายสุดของแต่ละแขนง พวกมันล้วนอยู่ในที่ต่างๆกัน แต่พวกมันเริ่มต้นมาจากจุดเดียวกัน"
ถ้าจักรวาลคู่ขนานมีจริง สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราในเวอร์ชันนั้นๆก็ย่อมเกิดขึ้นกับตัวเราในเวอร์ชันนี้ได้เช่นกัน เพราะทุกๆเวอร์ชันต่างก็เป็นกิ่งก้านที่แตกแขนงออกมาจากลำต้นเดียวกัน ลำต้นที่เป็นต้นไม้แห่งชีวิตเรา 🌳 ทุกกิ่งก้านคือความเป็นไปได้ คือชีวิตในรูปแบบที่เราสามารถเป็นได้ และด้วยศักยภาพของเราแล้ว เราสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น นั่นคือสิทธิประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของการมีชีวิตอยู่ 🥰
ปล. สำนักพิมพ์นี้ยังมีหนังสือดีๆอีกเพียบที่กำลังจะออกมา อย่าลืมไปติดตามกันนะทุกคน เราชอบทุกเล่มเลย 😁
โฆษณา