4 ส.ค. 2021 เวลา 08:26 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Difference between risk & uncertainty
ความเสี่ยงและความไม่แน่นอน เป็นสองคำที่ฟังเผิน ๆ มีความหมายเหมือน ๆ กัน แต่จริง ๆ แล้วมันไม่เหมือนกัน
จากหนังสือ The Art of Thinking Clearly ของ Rolf Dobelli ได้เล่าถึงการทดลองหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ
มีกล่องใส่ลูกบอลอยู่ 2 กล่อง โดยที่
กล่องแรกนั้น มีลูกบอลอยู่ 100 ลูก เป็นสีแดง 50 ลูก และสีดำ 50 ลูก
กล่องที่สอง มีลูกบอลอยู่ 100 ลูกเช่นกัน แต่ไม่บอกอัตราส่วนว่า มีสีแดงกี่ลูก และสีดำกี่ลูก
กติกาคือ ถ้าคุณล้วงมือลงไปในกล่องแล้วหยิบลูกบอลขึ้นมา 1 ลูก ถ้าได้ลูกบอลสีแดง จะได้เงินรางวัล 2000 บาท คุณจะเลือกหยิบลูกบอลจากกล่องที่ 1 หรือ กล่องที่ 2 ?
คนส่วนใหญ่ เลือกที่จะหยิบลูกบอลจากกล่องที่ 1 ครับ
คราวนี้ การทดลองได้ทำการเปลี่ยนกติกา จากถ้าหยิบได้ลูกบอลสีแดง จะได้รางวัล มาเป็น ถ้าหยิบได้ลูกบอลสีดำ จะได้รางวัลแทน คุณจะเลือกหยิบลูกบอลจากกล่องที่ 1 หรือ กล่องที่ 2 ?
คนส่วนใหญ่ ก็ยังคงเลือกที่จะหยิบลูกบอลจากกล่องที่ 1 อยู่เหมือนเดิมครับ ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นความย้อนแย้งของลอจิคที่เกิดขึ้น
ในเกมส์แรก คนเลือกที่จะไม่หยิบลูกบอลจากกล่องที่ 2 เพราะคิดว่า สัดส่วนลูกบอลสีแดง อาจจะน้อยกว่าลูกบอลสีดำก็ได้ จึงเลือกหยิบลูกบอลจากกล่องที่ 1 ที่รู้ความน่าจะเป็นแน่นอนว่า โอกาสที่จะได้ลูกบอลสีแดงคือ 50%
พอมาเกมส์ที่สอง เปลี่ยนกติกาว่า จะได้รับรางวัลเมื่อหยิบได้ลูกบอลสีดำ คนก็ควรจะเลือกกล่องที่ 2 ถ้าใช้ลอจิคจากเกมส์แรก แต่กลุ่มผู้ทดลองก็ยังคงหยิบลูกบอลจากกล่องที่ 1 เหมือนเดิม
การทดลองนี้ Dobelli อ้างอิงถึงทฤษฎี Ellsberg Paradox หรือ paradox of choice
ถ้าหากต้องเลือก คนเรามักจะตัดสินใจเลือกความเสี่ยงที่เราระบุได้ (Risk) มากกว่า ความไม่แน่นอนที่เราระบุไม่ได้ (Uncertainty)
กลับมาที่เรื่องการลงทุนของเรา จากนี้เราควรจะต้องแยกให้ออกว่า ความเสี่ยงคืออะไร และความไม่แน่นอน คืออะไร
ความเสี่ยงคือเรื่องที่เราระบุได้ และเราสามารถที่จะควบคุมและจัดการมันได้
เช่น ถ้าเข้าหุ้นที่ราคา 10 บาท เรามีจุด stop loss ที่ 9 บาท เรามีความเสี่ยงที่จะขาดทุน = 10%
แต่ถ้ามีคนมาบอกคุณว่า ถ้าเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ มีโอกาส 20% ที่หุ้นจะลง แล้วคุณก็สรุปว่า คุณมีความเสี่ยง 20% ที่จะขาดทุน อันนี้ไม่ถูกต้อง
พอมีคำว่า โอกาส 20% เข้ามา เป็นการโน้มน้าวให้ผู้ฟัง คิดว่า มันคือ risk ซึ่งจะทำให้ผู้ฟังตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว การขึ้นลงของราคาหุ้นมันเกิดจากปัจจัยเยอะมาก จนไม่อาจจะคำนวณออกมาเป็นความน่าจะเป็นได้ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันคือ uncertainty หรือ ความไม่แน่นอน นั่นเอง
โฆษณา