[Zero Covid Thailand] ## Saveคนไทย ด้วยชุดตรวจโควิด 30 บาท ราคาที่ทุกคนควรเข้าถึงได้! ## สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทวีความรุนแรงมากขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นถึงหลักหมื่นในทุกๆวันที่ผ่านมา การตรวจเชิงรุกแบบ

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

4 ส.ค. 2021 เวลา 08:43 • สุขภาพ

## Saveคนไทย ด้วยชุดตรวจโควิด 30 บาท ราคาที่ทุกคนควรเข้าถึงได้! ##

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทวีความรุนแรงมากขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นถึงหลักหมื่นในทุกๆวันที่ผ่านมา การตรวจเชิงรุกแบบปูพรมเชื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญ แม้ว่าประเทศไทยจะเปิดไฟเขียวให้คนไทยเลือกซื้อ “ชุดตรวจแอนติเจนแบบรวดเร็ว” หรือ Rapid Antigen Test ไว้ตรวจคัดกรองโควิดได้เองที่บ้านแล้ว แต่ทว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็เข้าถึงชุดตรวจแอนติเจนนี้ได้ยากอยู่ดี

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

╔═══════════╗

ZERO COVID THAILAND เพจสำหรับแชร์ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อช่วยยุติการแพร่กระจายของโควิด-19ในไทย

เพื่อรับแนวทางป้องกันโควิด-19 อย่างทันท่วงที งานวิจัย และ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์แบบเข้มข้น

╚═══════════╝

นั่นก็เพราะ ‘ราคา’ ของชุดตรวจแอนติเจนที่จำหน่ายเฉลี่ยชุดละ 300-400 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากเมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำของบ้านเรา โดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์ขณะนี้ที่หลายคนไม่สามารถทำงานได้และขาดรายได้ที่จะมาล่อเลี้ยงครอบครัว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมีกำลังซื้อชุดตรวจแอนติเจนราคาแพงนี้ แม้สงสัยว่าตนหรือสมาชิกในครอบครัวติดเชื้อโควิด-19 ก็ตาม

แต่รู้หรือไม่ว่าในขณะเดียวกัน มีอีกหลายประเทศที่แจกชุดตรวจแอนติเจนให้พลเมืองตนทั่วประเทศได้ใช้ฟรี ‘โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ’ เช่น อังกฤษ แคนนาดา และสวิสเซอร์แลนด์ เป็นต้น ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยแบ่งเบาความกังวลให้กับครอบครัวมีรายได้น้อยไปได้มากเลยทีเดียว

ในประเทศอินเดียเอง แม้ว่ารัฐบาลอินเดียจะไม่ได้แจกชุดตรวจแอนติเจนให้ประชาชนฟรีก็ตาม แต่พวกเขาเล็งเห็นความสำคัญและวางจำหน่ายให้ประชาชนได้ซื้อในราคาเพียง 22 บาท (50 รูปี) เท่านั้น ความหวังสำหรับคนไทยที่จะได้ซื้อชุดตรวจแอนติเจนมาใช้ในราคาที่ ‘จับต้องได้’ ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมเช่นกัน

ชุดตรวจแอนติเจนคืออะไร? ทำไมเราทุกคนควรมี?

ชุดตรวจแอนติเจน เป็นอุปกรณ์ตรวจโควิดได้โดยใช้ตัวอย่างน้ำลายทดสอบ สะดวก ใช้งานง่าย และสามารถตรวจโควิดได้ “ทุกสายพันธุ์” โดยเราสามารถทำได้เองที่บ้านก็ทราบผลภายใน 5-10 นาที ข้อดีคือ ช่วยลดความเสี่ยงที่เราต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเชื้อแบบ RT-PCR และใช้เวลาน้อยกว่า อีกทั้งยังแบ่งเบาภาระให้แก่บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าและการรักษาในโรงพยาบาลที่มีเตียงจำนวนจำกัดในเวลานี้อีกด้วย

จริงๆแล้ว การใช้ชุดตรวจแอนติเจนนี้ ไม่ใช่การตรวจหาการติดเชื้อ (Infections) แต่คือ การตรวจหา “ความสามารถในการแพร่เชื้อให้คนอื่น” (Infectiousness) และถูกออกแบบมาให้แสดงผลเป็น “บวก” ต่อเมื่อปริมาณไวรัส (Viral load) มีสูงมากพอที่จะเกิดการแพร่เชื้อได้

นั่นหมายความว่า ถ้าผลตรวจของเราเป็น “ลบ” ในตอนเช้า เราก็จะไม่แพร่เชื้อให้ใครในวันนั้น แต่เป็นไปได้ว่า เราจะแพร่เชื้อได้ในวันต่อมา ถ้าผลตรวจออกมาเป็น "บวก" และมีปริมาณไวรัสเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ชุดตรวจแอนติเจนนี้บอกความเสี่ยงที่เราจะไปแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นโดยที่ไม่รู้ตัวได้ ซึ่งเราสามารถตรวจได้บ่อยๆสัปดาห์ละครั้ง ทุก 3 วัน หรือตรวจทุกวัน เพื่อประสิทธิภาพการป้องกันสูงสุด

Akiko Iwasaki นักภูมิภูมิคุ้มกันวิทยาจาก Yale University พบว่าระดับไวรัสในน้ำลายสะท้อนให้เห็นปริมาณไวรัสที่ซ่อนอยู่ในปอดของผู้ป่วยที่มีอาการร้ายแรงได้ และต่อมน้ำลายอาจเป็นเป้าหมายที่ไวรัสอยู่อีกแห่งในร่างกาย ซึ่งทำให้ชุดตรวจแอนติเจนนี้เหมาะสำหรับการตรวจคัดกรองไวรัสใน “ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ” อย่างยิ่ง

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ออกมายืนยันว่า ผลการตรวจจากการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจแอนติเจน สามารถเทียบเท่าผลการตรวจด้วยวิธี RT-PCR โดยผู้ที่ผลเป็นบวกสามารถรับยา และรับการรักษาแบบ Home Isolation ได้เลยโดยไม่ต้องตรวจซ้ำ นับเป็นข่าวดีของคนไทย เพราะไม่ไปต้องไปเสี่ยงรับเชื้อที่โรงพยาบาลอีกด้วย

สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยควรทำควบคู่ไปกับมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อยุติการแพร่ระบาดทันที คือ การคุมเพดานราคา ชุดตรวจแอนติเจนให้ไม่เกินชุดละ 30 บาท หรือรัฐบาลแจกให้ประชาชนใช้ฟรี เพื่อให้ประชาชนทุกคน ‘เข้าถึงได้’ ยิ่งทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรมร่วมมือกันทำสิ่งนี้ให้เป็นจริงได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจและสาธารณสุข และรักษาชีวิตประชาชนได้มากเท่านั้น

นอกจากการตรวจด้วยชุดตรวจแอนติเจนแล้ว ทุกคนอย่าลืมนะคะว่า "โควิดแพร่ทางอากาศ" เพราะฉะนั้นการป้องกันตัวเอง และคนรอบข้างด้วยการใส่หน้ากากN95 หรือประสิทธิภาพสูงกว่า และอยู่ในสถานที่ที่มีการระบายอากาศดี ถือเป็น “เรื่องพื้นฐาน” ที่ควรทำ เพื่อให้สามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้และนำชีวิตเดิมกลับมาได้โดยเร็ว