5 ส.ค. 2021 เวลา 04:37 • ความคิดเห็น
เห็นด้วยมากค่ะ ระบบราชการที่ล้าหลังนำไปสู่การมีความคิดที่ทำให้ขรก.ไม่อยากพัฒนาศักยภาพของตัวเอง นำมาซึ่งการไม่ยอมเปิดรับความคิดใหม่ๆ ไม่ Think outside the box หากเจออะไรที่ไม่คุ้นเคย มักจะไม่คิดว่ามันคือเรื่องที่ท้าทาย มันเลยทำให้ขรก.ชั้นผู้น้อยต้องคอยทำตามคำสั่งคนใหญ่คนโตอย่างเสียไม่ได้ เมื่อทำแบบนี้กันมาเรื่อยๆ ก็กลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ฝังรากอยู่ในอุดมคติชุดความคิดของคน
อยากเล่าจากประสบการโดยตรงที่เคยประสบมาให้ฟังค่ะ เรื่องเพิ่งผ่านมาได้ไม่นานก่อนล็อคดาวน์รอบล่าสุด เราทำงานบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ IOT (Internet of Things) ได้มีโอกาสไปเสนอโปรเจ็คหนึ่งกับเทศบาลตำบลหนึ่งอยู่ในจังหวัดที่ชาวต่างชาติชอบไปเที่ยวกันมาก
หลังการนำเสนอ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งก็บอกเล่าถึงอุปสรรคและการมีบุคลากรไม่เพียงพอและอาจจะไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะ Handle งานในส่วนนี้ได้ เพราะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีล้วนๆ แม้ว่าเราจะบอกไปแล้วว่าเรามีการเทรนงานให้จนกว่าบุคลากรจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ยังไม่รวมที่บอกถึงว่าถูกตัดงบเพราะสถานการณ์โควิทด้วย อันนี้ก็พอเข้าใจได้
แต่เมื่อนั่งคิดและวิเคราะห์ดูแล้ว นี่คือสิ่งที่ออกจากปากของขรก.ชั้นผู้ใหญ่ คนที่มีอำนาจตัดสินใจได้ แต่ชุดความคิดของเขามันค่อนข้างจะล้าหลังและไม่มีการพัฒนาใดๆ เลย แบบนี้คนที่เดินตามที่ไม่สามารถแสดงความเห็นต่างได้เลยจะต้องเป็นยังไง?
มองกลับมาที่วัฒนธรรมองค์กรข้าราชการ ที่เป็นระบบที่ต้องเดินตามกันเหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด เวลาแสดงความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารย์ผู้อาวุโสกลายเป็นเรื่องต้องห้าม แบบ"คุณต้องอยู่ในกรอบที่เราตีไว้ให้" มันเลยทำให้พวกเขาไม่สามารถออกไปสู่อีกก้าวของการพัฒนาศักยภาพตัวเองได้เท่าที่มันควรจะเป็น
ขรก.หลายคนจำเป็นที่ต้องมาทำงานตรงนี้แม้จะไม่อยากทำ เพราะสวัสดิการที่มันมีเฉพาะในระบบราชการเท่านั้น เช่น ระบบบำนาญ ซึ่งขนาดสวัสดิการรัฐมันยังเหลื่อมล้ำได้ขนาดนี้ เอาจริงๆ ระบบแบบนี้มันควรถูกรื้อถอนและบูรณาการใหม่จากชุดความคิดใหม่ๆ ได้แล้วค่ะ หากมันเปลี่ยนแปลงได้ ประเทศไทยเราคงพัฒนาต่อไปได้อีกเยอะมากแน่ๆ และนี่คือความเห็นของเรา
โฆษณา