รู้จัก DELTA หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสุดร้อนแรงของประเทศไทย ในช่วงปี 2563
หากท่านใดที่ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับหุ้นมาบ้างในช่วงปีที่แล้ว ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหุ้นที่มีความร้อนแรงมากที่สุดในปี 2563 ที่ผ่านมา นั้นก็คงจะเป็นหุ้นอย่าง DELTA อย่างแน่นอน
แล้วหุ้น DELTA ทำธุรกิจอะไรบ้าง ? เราจะไปทำความเข้าใจข้อมูลบริษัทฯเบื้องต้น ไปพร้อมๆกัน
หุ้น DELTA หรือชื่อเต็มๆคือ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทฯในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ Delta Electronics Int’l (Singapore) Pte. Ltd. จำนวน 534,479,306 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 42% รองลงมาคือ Delta International Holding Limited จำนวน 191,984,450 หุ้น คิดเป็น 15%
โดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯนั้น มีสัดส่วนที่มาจากบริษัทในเครือ DELTA เองคิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่า 72% เลยทีเดียว ทำให้ Free Float ของหุ้นเองนั้น ค่อนข้างต่ำ
บริษัทสามารถแบ่งประเภทของธุรกิจออกเป็น 3 อย่างหลักๆ คือ
1.กลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น เพาเวอร์ซัปพลาย, พัดลมอิเล็กทรอนิกส์
2.กลุ่มผลิตภัณฑ์อัตโนมัติ เช่น เซ็นเซอร์อัจฉริยะ อุปกรณ์อัตโนมัติสำหรับอาคาร ระบบแสงสว่าง และระบบเฝ้าระวังอัตโนมัติสำหรับอาคาร
3.กลุ่มผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐาน เช่น เครื่องชาร์จสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ของบริษัทฯ
ปี 61 รายได้รวม 53,708 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,137 ล้านบาท
ปี 62 รายได้รวม 51,838 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,960 ล้านบาท
ปี 63 รายได้รวม 63,827 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,102 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าในปี 63 ที่ผ่านมา บริษัทฯนั้นมีรายได้และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งราคาหุ้นเองก็ได้ตอบรับขึ้นไปอย่างร้อนแรงด้วยเช่นเดียวกัน
ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆคือ ถ้าใครซื้อหุ้น DELTA ตอนต้นปี 63 ด้วยงบ ประมาณ 10,000 บาท และทนถือหุ้นจนถึงในช่วง ไตรมาสที่ 4/63 ก็จะมีเงินราว 1,000,000 บาทเลยทีเดียว ภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึงปีเท่านั้น
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของกำไรหลายสิบเท่าตัวในหุ้นตัวนี้
และล่าสุดจากผลการดำเนินงาน ในไตรมาส 2/64 บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 20,640 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,015 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายและกำไรสุทธิเติบโตจากในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ดังนี้
รายได้เติบโต คิดเป็น 41% และกำไรสุทธิเติบโต 14%
สาเหตุมาจากความต้องการในกลุ่มของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มมากขึ้น ที่มีฐานลูกค้าหลักๆมาจากต่างประเทศ เช่น จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยส่วนมากจะเป็นประเทศที่กำลังเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 แล้ว
และในปัจจุบัน หุ้น DELTA ถือเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap.) ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของหุ้นไทย โดยมีมูลค่าตลาดกว่า 7.50 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นรองแค่เพียง หุ้นอย่าง PTT และ AOT เท่านั้น (อ้างอิง ข้อมูล ณ วันที่ 5/08/64)
รวมไปถึงหุ้นของบริษัทฯเอง ยังได้เข้าจัดอันดับอยู่ในดัชนี MSCI Thailand Index อีกด้วย
โดยสรุป หุ้น DELTA นั้นถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจเลยทีเดียว ที่ตัวหุ้นมีการเติบโตของมูลค่าทางตลาด ภายในช่วงเวลาเพียงแค่ 2 ปี ได้หลายเท่าตัว
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องของ Free Float ของตัวหุ้นที่ต่ำเพราะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในส่วนของเจ้าของ ที่ครองสัดส่วนที่มากถึง 70% ซึ่งอาจจะทำให้ราคาผันผวน ขึ้น-ลง ได้ง่ายนั้นเอง
อีกทั้งในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิของ DELTA เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทฯแม่ที่ใต้หวันนั้น ถือว่ายังน้อยกว่าอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
ซึ่งพวกเราก็คงต้องดูกันต่อไปว่าบริษัท DELTA (ประเทศไทย) จะสามารถเติบโตไปได้อีกมากน้อยแค่ไหนกัน ในอนาคต ...
**หมายเหตุ** ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจ ก่อนลงทุนทุกครั้งเสมอ
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก deltathailand.com/en/ir, set.or.th
-กดติดตาม รู้ก่อนลงทุน-
อัพเดทบทความน่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนในทุกวัน
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
