9 ส.ค. 2021 เวลา 08:00 • กีฬา
Ep.09 Just Go! Review, Hoka One One Rincon 1, the fast feeling light weight training shoes
กลับมาพบกันอีกครั้งกับ Just Go! Review หลังจากที่ห่างหายกันไปนานมากกว่า 3 เดือน ซึ่งช่วงที่ผ่านมานั้นต้องบอกได้เลยว่าเกิดเหตุการณ์หลายอย่างมาก ๆ กับตัวแอดมินและสถานการณโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทางแอดมินเองก็ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและปลอดภัยจากโรคระบาดในครั้งนี้ด้วยนะครับ
รองเท้าที่จะนำมารีวิวในวันนี้ เป็นรองเท้าวิ่งแนว Lightweight Training ที่เน้นในเรื่องของความเบา เหมาะสำหรับใส่ซ้อมทำความเร็วแบบ Tempo / Intervals หรือบางคนก็ชอบนำมาใส่เป็น Daily Trainer สำหรับใส่ซ้อมเป็นประจำทุกวัน ซึ่งรองเท้าที่เราจะนำมารีวิวในวันนี้ก็คือ Hoka One One Rincon 1
Hoka One One Rincon 1
โดย Hoka One One Rincon นั้นถือว่าเป็นรองเท้าวิ่งไลน์อัพใหม่จากทางแบรนด์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ช่องว่างในตลาดในกลุ่มของรองเท้า Lightweight Trainer โดยก่อนหน้านี้ทางแบรนด์ได้มีรองเท้ารุ่น Hoka One One Tracer สำหรับการซ้อมทำความเร็วและลงแข่ง ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 215 กรัม (รุ่นนี้ไม่ได้เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ) หลังจากนั้นทางแบรนด์ได้ยุติสายการผลิตไว้เพียงแค่รุ่น Tracer 2 และได้ออกแบบรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่อย่าง Rincon ซึ่งชื่อและดีไซน์ของรองเท้ารุ่นนี้เป็นชื่อที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแหลม Rincon สถานที่สำหรับการเล่นเซิร์ฟและลวดลายบนรองเท้าก็ได้แรงบันดาลใจมาจากเกลียวคลื่นเช่นกัน
Hoka One One Tracer, รองเท้าสายทำความเร็วจากแบรนด์เมื่อช่วงปี 2016-2018
มาต่อกันด้วยสเปคของรองเท้าคู่นี้กันนะครับ น้ำหนักในไซส์ 9 US จะอยู่ที่ประมาณ 210-215 กรัม และ Stack Height จะอยู่ที่ หน้าเท้า 24 mm. - ส้นเท้า 29 mm. Drop 5 mm. โดยจะขอแยกส่วนประกอบของรองเท้าตามนี้
Upper: จะเป็นผ้า Mesh 1 ชั้นระบายอากาศค่อนข้างดี โอบรัดกระชับรูปเท้า มีขนาดไม่กว้างมาก โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าหน้าผ้าของรองเท้ารุ่นนี้มีความแข็งไปนิดนึง ไม่ค่อยให้ตัว (ถ้าใครหน้าเท้ากว้างอาจจะเพิ่มไซส์เข้าไปอีก 0.5- 1 ไซส์)
หน้าผ้าแบบ Mesh ที่ส่วนตัวรู้สึกว่ามีความกระด้างไปนิด แต่ก็แลกมาด้วยความกระชับเวลาสวมใส่
Midsole: ทางแบรนด์ใช้ Full Compression EVA และมาพร้อมกับ Early Stage Meta Rocker Shape อันเป็นเอกลักษณ์ประจำของแบรนด์ โดยส่วนตัวหลังจากได้ลองใช้ไปประมาณ 50 กิโลเมตรรู้สึกถึงความ แน่น เฟิร์ม ของเนื้อโฟม มีเพียงความนุ่มนิดเดียวเท่านั้น
Heel Pull Tab ที่ด้านหลังสำหรับดึงเพื่อช่วยให้สวมใส่ง่ายขึ้น
Outsole: พื้นยางเฉพาะจุด ที่ทางแบรนด์ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับเวลาลงเท้าซึ่งมีเพียงบริเวณหน้าเท้าและส้นเท้า ผลที่ได้ก็คือช่วยในการรีดน้ำหนักของรองเท้าให้เบาขึ้น แต่ก็แลกมากับความคงทนของ Midsole ที่เมื่อใส่ไปซักระยะจะเริ่มสังเกตถึงเนื้อโฟมที่เป็นขุยๆ
บริเวณ Outsole จะมีแผ่นยางรองรับเฉพาะ Contact Point เท่านั้น ในส่วนอื่นๆจะเป็น EVA Foam ล้วนๆ
Conclusion: หลังจากที่ได้ลองใช้รุ่นนี้เป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลแล้ว สิ่งแรกที่รู้สึกกับรองเท้ารุ่นนี้ก็คือน้ำหนักที่เบามากไม่เป็นภาระกับเท้าเมื่อสวมใส่ ยกเท้าง่ายให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับเท้า พื้นชั้นกลางให้ความรู้สึกแน่น เฟิร์ม จากที่ได้ทดลองวิ่งด้วยความเร็วทั้ง 3 รูปแบบคือ
1. ช้า (Pace 6.30-7.30) ส่วนตัวรู้สึกว่ารองเท้ามีความกระด้าง เพราะด้วยความที่รองเท้ามี stack height ที่ Drop 5 mm. ข้างหน้า 27 ข้างหลัง 32 จึงทำให้รู้สึกพื้นถนนมากขึ้น ตัว Midsole ให้ความรู้สึกทื่อๆ ไม่มีแรงตอบสนอง ไม่เด้ง มีแค่ความรู้สึกที่นุ่มเพียงเล็กน้อย
2.ความเร็วปานกลาง (Pace 6.00-5.30) ในช่วงความเร็วนี้ รองเท้าให้ความรู้สึก “ไหล” มากขึ้นจากพื้นของรองเท้าแบบ Early stage meta-rocker ที่ช่วยให้การควงขาทำได้ง่ายขึ้น และด้วยความที่พื้นมีความแน่นเฟิร์ม ทำให้ตัวเนื้อโฟมไม่เสียแรงเมื่อวิ่งในย่านความเร็วนี้
3.เร็ว (Pace 5.00-4.30) เมื่อวิ่งในช่วงความเร็วนี้ จึงได้รู้ถึงความเป็น Racing Flat ของรองเท้ารุ่นนี้ ด้วยความที่รองเท้านั้นเบามากจึงให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับเท้า จึงวิ่งด้วยความรู้สึกแบบยกแตะได้เลย แต่ถ้าใครที่ขายังไม่แข็งแรงมากก็จะรู้สึกสะเทือนถึงพื้นเหมือนกัน
Active Foot Frame เทคโนโลยีจากทาง Hoka ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเบาะ Bucket Seat จากรถแข่ง
โดยข้อสังเกตที่ควรระวังคือ รองเท้ารุ่นนี้อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นวิ่งเท่าไหร่นัก หลายๆคนอาจจะเห็นว่า Midsole ของรองเท้าดูหนา น่าจะซัพพอร์ทดี แต่จริงๆแล้วด้วยเทคโนโลยีของ Hoka ที่เรียกว่า Active Foot Frame มีลักษณะเป็นเหมือนแอ่งที่รองรับเท้าด้านใน เพื่อให้ความรู้สึกรองเท้าเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกับเท้า โดยความหนาของ Midsole จะอยู่ที่ 24 mm. สำหรับหน้าเท้า และ 29 mm.สำหรับส้นเท้า ซึ่งถือว่าไม่หนาเลยและด้วยเนื้อโฟมที่ให้ความรู้สึก แน่นและเฟิร์ม อาจจะไม่เหมาะกับนักวิ่งหน้าใหม่ที่ขายังไม่แข็งแรง
และอีกอย่างนึงก็คือ รองเท้าค่อนข้างมีหน้าเท้าที่แคบ ซึ่งเป็นในรองเท้าของแบรนด์ Hoka แทบจะทุกรุ่น ถ้าใครที่มีหน้าเท้ากว้าง อาจจะไม่เหมาะสำหรับรุ่นนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวแอดมินเองหน้าเท้าปกติก็ยังรู้สึกอึดอัด และเท้าเสียดสีกับหน้าผ้าทำให้เป็นแผลในช่วงแรกๆที่สวมใส่ (สำหรับรองเท้าในรุ่นหลังปี 2020 เป็นต้นมา ทางแบรนด์ได้ปรับหน้าเท้าให้มีขนาดกว้างขึ้นเล็กน้อย)
สรุป : รองเท้าถือว่าเป็นรองเท้าที่อาจจะไม่ได้มีเทคโนโลยีล้ำสมัยอะไรมากนัก เมือเทียบกับรองเท้ารุ่นอื่นๆ ในตลาด แต่ด้วยความธรรมดาของมันที่ถูกผสมและปรุงแต่งออกมาได้อย่างลงตัว ทำให้รองเท้ารุ่นนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก และด้วยราคาที่จับต้องได้ และยิ่งด้วยราคาที่ตอนนี้ลดลงไปเยอะมากแล้ว เพราะตอนนี้มี Rincon 3 ที่พึ่งออกมาเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2021 ทำให้ราคาของ Rincon 1 เหลือไม่เกิน 2,400 บาท (แต่อาจจะหายาก เพราะของเริ่มหมดแล้ว) แอดมินคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับคนที่กำลังมองหารองเท้าสำหรับใส่ซ้อม Daily Trainer หรือ Speed Work
สำหรับใน Ep. ถัดไปนั้น แอดมินจะมาพูดถึงมหกรรมกีฬาของเหล่ามวลมนุษยชาติที่พึ่งจบไปอย่าง Olympics 2020 ที่จัดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ส่วน Content ที่จะมานำเสนอจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ขอให้ทุกคนกดติดตามเพื่อที่จะได้ไม่พลาด Content ต่างๆจากทางเพจของเรา ขอบคุณครับ
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม :
#hokaoneone #hokaoneonerincon #timetofly #runningshoes #review
โฆษณา