7 ส.ค. 2021 เวลา 03:26 • ปรัชญา
เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา ในช่วงที่โควิดปล่อยให้เราร้องเล่นเต้นระบำกันได้ ผมได้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งสิ่งที่ชอบที่สุดในการไปที่นี่ ไม่ใช่การเสาะแสวงหาอาหารอร่อยร้านเด่นร้านดัง หรือการไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ หรือนั่งร้านฮิปๆโลคัลเพื่อเช็คอิน แต่เป็นการเดินเล่นลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ โดยเฉพาะย่านเมืองเก่าแถวตลาดใหญ่ริมแม่น้ำมูล
เมืองเก่าของที่นี่ไม่ได้เต็มไปด้วยอาคารเก่าหรือสถาปัตยกรรมสวยงามอย่างเมืองเก่าภูเก็ตหรือสงขลา แต่เป็นตึกแถวอาคารพาณิชย์ทั่วไปที่พบเห็นได้ในทุกเมืองนั่นแหละ อายุไม่น่าจะเกิน 40-50 ปี อาจจะมีตึกแถวหรืออาคารโคโลเนียลที่เก่าจริงๆแทรกตัวอยู่บ้างพอให้ตื่นเต้นเวลาที่เดินผ่านไปเจอ สิ่งที่สะกิดใจคือ ทำไมหลายสิ่งหลายอย่างเรากลับไม่เคยสังเกตเห็นอะไรเหล่านี้เลยในอดีตที่ผ่านมา และหลายอย่างทำให้คิดถึงชีวิตวัยเด็กสมัยใส่กางเกงขาสั้นนั่งรถเมล์ไปเรียนหนังสือ เราเคยนั่งรถเมล์ผ่านตรงนี้ ที่ตรงนี้เคยเป็นร้านขายหนังสือ ตรงนี้เป็นธนาคาร ตรงนั้นเป็นร้านสังฆภัณฑ์ หน้าบ้านนั้นจะมีคุณลุงคนนึงนั่งอยู่บนแคร่ทุกครั้ง เวลาที่รถวิ่งผ่าน และเราจะแอบส่องเข้าไปดูเวลาบนนาฬิกาแขวนในบ้านลุ้นว่ารถเมล์จะพาเราไปถึงโรงเรียนทันเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติไหมนะ ส่วนตึกหัวมุมตรงนั้นจะเป็นร้านขายกระเป๋า มีอาม่าผมดัดสั้นสีดอกเลานั่งเฝ้าตลอด
เมื่อก่อนย่านนี้ถือว่าเป็นย่านธุรกิจที่ใหญ่และคึกคักที่สุดของจังหวัด แต่ทุกวันนี้ดูเงียบเหงา ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนก่อน ตึกแถวหลายห้องถูกปิดตาย เดาว่าน่าจะปิดกิจการย้ายไปอยู่ที่อื่นกัน บางร้านยังขายของเหมือนเดิม หน้าร้านยังถูกจัดไว้เหมือนเดิมเปี้ยบ เหมือนหลุดเข้าไปในลูปเวลาของ 30 ปีที่แล้ว ร้านหนังสือร้านใหญ่ที่เคยมาหาซื้อนิตยสารและของกิฟต์ช้อปน่ารักไปให้เป็นของขวัญเพื่อนยังคงขายหนังสือเหมือนเดิม เพียงแต่แผงหนังสือหดเล็กลงไปเหลือเสี้ยวเดียวของเมื่อก่อน หนังสือค้างสต๊อก นิตยสารตกเดือนตกปี ดารานางแบบบนหน้าปกโชว์ยิ้มหราหน้าซีดไปตามกาลเวลาที่แดดฝนโลมเลียใบหน้าผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายซีซั่น พี่สาวร้านขายหนังสือใจดีในวันนั้นกลายเป็นเจ๊วัยกลางคนไปเสียแล้ว
ร้านรวงและธุรกิจที่ยังเปิดอยู่กลายเป็นความเคยชินของเจ้าของบ้านสูงวัยที่ยังไงก็ต้องเปิด ไม่ค่อยพบเห็นเด็กวัยรุ่นหรือคนทำงานอย่างเมื่อก่อน พวกเขาย้ายตามเมืองที่ขยายออกไปกันแล้ว เหลือไว้แต่คนเก่าคนแก่รุ่นพ่อแม่ที่ยังห่วงบ้านหวงกิจการอยู่เท่านั้น
ผมเดินเลยมาตรงหัวมุมของแยกถนนที่ถึงทุกวันนี้ก็ยังจำชื่อไม่ได้ (คนที่นี่เขาไม่ค่อยจำชื่อถนนกันหรอก ถ้าไม่ใช่ต้องกรอกข้อมูลเอกสารหรือจ่าหน้าซองจดหมายเป็นที่อยู่ตัวเอง) มองไปเห็นต้นไม้กอนึงบนฟุตบาทออกดอกสีขาวเล็กๆน่ารักดี เลยยกมือถือขึ้นมาจะถ่ายรูป ลมเย็นวูบหนึ่งพัดมาปะทะหน้า และพาให้ดอกไหวไหวระริก มือเลยเลื่อนเปลี่ยนโหมดกดเป็นวิดีโอสั้นๆ เออ…ดอกไม้บ้านๆข้างทางที่ขึ้นมาถูกที่ถูกเวลาก็ทำให้ใจเราชุ่มชื้นขึ้นมาได้ ในความเงียบความเหงา เราจะยังพบแง่งามในชีวิตได้เสมอ ถ้าเราเพียงใส่ใจกับรายละเอียดกับสิ่งรอบข้างรวมไปถึงจิตใจและอารมณ์ของตัวเอง
…ว่าแต่ไอ้เจ้าดอกไม้สีขาวนี่ชื่อดอกอะไร ใครรู้บอกที ขี้เกียจจะกูเกิ้ล
-Editor
โฆษณา