12 ส.ค. 2021 เวลา 12:20 • หุ้น & เศรษฐกิจ
แนวรับ-แนวต้าน บอกอะไรเราได้บ้าง
เชื่อว่าหลายท่านคงจะคุ้นเคยกับคำนี้กันมาพอสมควรแล้ว แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า แนวรับ แนวต้านนี้ มีความสำคัญอย่างไร ใช้ทำอะไร และช่วยบอกอะไรเราได้บ้าง ก่อนอื่นมาดูความหมายของแนวรับ แนวต้านกันก่อนนะคะ
⛳ แนวรับ (Support)
หรือ เส้นแนวรับ (Support) คือเส้นที่ลากไว้เพื่อแสดงว่าเป็นแนวต่ำสุดของราคาที่เป็นไปได้ หรือราคาที่จะไม่ตกลงต่ำกว่าเส้นนี้ เช่น หากมีแนวรับที่ 5.25 หมายถึงว่า ไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ กราฟราคาจะไม่ตกลงต่ำกว่า 5.25 นี้แน่นอน
1
ดังนั้น นักลงทุนจะใช้แนวรับนี้เพื่อทำนายว่าในกรณีที่ราคาตกลงเข้าใกล้แนวรับนี้ แสดงว่ามันใกล้ถึงเวลาที่ราคาจะดีดกลับแล้ว ทำให้นักลงทุนเตรียมเปิดออร์เดอร์ Buy นั่นเอง
1
⛳ แนวต้าน (Resistance)
หรือ เส้นแนวต้าน (Resistance) คือเส้นหรือแนวที่อยู่ตรงข้ามกับแนวรับ เป็นเส้นที่บ่งบอกถึงจุดสูงสุดของราคาที่สามารถขึ้นไปได้ หรือหมายถึง กราฟราคาจะไม่พุ่งสูงกว่าแนวนี้ (เทียบจากข้อมูลย้อน)
1
โดยการกำหนดเส้นแนวต้านนั้น คือการใช้พีคจุดสูงสุดของ Trend Line 3 พีค มาเป็นตัวกำหนด เช่น หากแนวต้านหรือราคาไม่เคยสูงเกิน 5.25 เลย และหากพบว่าราคานั้นกำลังเข้าใกล้แนวหรือจุดสูงสุดนี้ นั่นแสดงว่ามันกำลังมีแนวโน้มที่จะตีกลับ นักลงทุนก็เตรียมเปิดออร์เดอร์ Sell นั่นเอง
1
⛳ แนวรับ-แนวต้าน บอกอะไรกับเรา
📌 แนวรับ แนวต้าน ยิ่งทดสอบมาก ยิ่งมีความแข็งแรง
1
สำหรับนักเก็งกำไรที่ใช้กราฟเป็นหลัก จะเข้าใจหลักการนี้ (Price Pattern) ได้แก่
1
- Double Top = ทดสอบแนวต้าน 2 ครั้ง ไม่ผ่าน หุ้นมีแนวโน้มลงสูง
- Triple Top = ทดสอบแนวต้าน 3 ครั้ง ไม่ผ่าน หุ้นมีแนวโน้มลงสูงมากเพราะมีแรงขายมาก
1
- Double Bottom = ทดสอบแนวรับ 2 ครั้ง ไม่หลุด หุ้นมีแนวโน้มขึ้น
1
- Triple Bottom = ทดสอบแนวรับ 3 ครั้ง ไม่หลุด หุ้นมีแนวโน้มขึ้นสูงมากเพราะมีแรงซื้อมาก
1
📌 แนวรับ แนวต้าน ไม่ใช่เป้าของราคาหุ้น
นักลงทุนหลายท่านคิดว่าแนวรับ แนวต้าน เป็นเป้าราคาหุ้น แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น โดยเชื่อว่าโซนของราคาหุ้น จะมีโอกาสไปถึงแนวตรงนั้นมากที่สุด ซึ่งคนในตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่า เมื่อราคาลงถึงจุดนี้จะมีแรงซื้อเข้ามา หรือขึ้นถึงจุดนี้จะมีแรงขายออกไป
1
แต่ความเชื่อที่เกิดจากคนจำนวนมากที่เชื่อและทำเหมือนๆกัน ก็ทำให้แนวรับ แนวต้านนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้นั่นเอง
1
📌 แนวรับ แนวต้าน แยกออกเป็น 2 แบบ
- แบบ Major เกิดจากการทดสอบหลายครั้ง บ่งบอกว่ามีแรงขาย หรือแรงซื้อ ณ จุดๆ นี้มาก
- แบบ Minor เกิดจากการทดสอบเพียงครั้งเดียว เป็นแนวรับ แนวต้านย่อย ที่อาจจะหลุดหรือผ่านได้ง่ายๆ
นักเก็งกำไรอาจใช้กลยุทธ์ ซื้อที่แนวรับ และขายที่แนวต้าน ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดยใช้เครื่องมือชนิดอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น Volume, MACD หรือ RSI เป็นต้น
1
หรืออาจรอทดสอบก่อนค่อยส่งคำสั่ง เช่น ทดสอบแนวรับ ถ้าหลุดใช้กลยุทธ์ Short ซ้ำ หรือรอทดสอบแนวต้าน ถ้าสามารถทะลุผ่านได้ ค่อนซื้อเพิ่ม ขึ้นอยู่กับความถนัดและความเชื่อของแต่ละคน
1
💦.....โดยสรุปแล้ว แนวรับ แนวต้าน เป็นเครื่องมือของนักเก็งกำไรที่ใช้สำหรับหาโอกาสเก็งกำไร ไม่ได้เป็นเป้าหมายของราคา แต่บอกถึงความน่าจะเป็นที่หุ้นอาจจะมีแรงซื้อเข้าจนทำให้หุ้นขึ้น หรือแรงขายออกจนทำให้หุ้นลงได้
2
ทั้งนี้เราควรใช้ควบคู่กับเครื่องมือชนิดอื่นด้วย และกลยุทธ์ต้องมีความชัดเจน และทำตามระบบที่ได้วางไว้ด้วยค่ะ
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
สามารถเยี่ยมชมเราผ่านช่องทางอื่นตามลิ้งข้างล่างนี้ค่ะ :
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กันเสมอค่ะ
🌷🌷❤❤🙏🙏🙏🙏❤❤🌷🌷

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา