Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
10 ส.ค. 2021 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
“เกาะอีสเตอร์ (Easter Island)”
เมื่อพูดถึง “เกาะอีสเตอร์ (Easter Island)” หลายคนอาจจะนึกถึงรูปปั้นหน้าคน ซึ่งวางเรียงรายเป็นจำนวนมากบนเกาะ
แต่ความเป็นมาของเกาะนี้เป็นอย่างไร ลองมาดูกันครับ
“เกาะอีสเตอร์ (Easter Island)” คือเกาะที่ตั้งอยู่ทางใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก อยู่ห่างจากอ่าวทางตะวันออกของชิลี 3,700 กิโลเมตร และห่างจากตาฮิติเป็นระยะทาง 4,000 กิโลเมตร
1
เกาะนี้ แต่เดิมเป็นที่รู้จักในชื่อของ “ราปานุย (Rapa Nui)” ก่อนที่นักสำรวจชาวดัตช์จะตั้งชื่อว่า “เกาะอีสเตอร์ (Easter Island)” เพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่พวกตนเข้ามายังเกาะนี้เป็นครั้งแรกในปีค.ศ.1722 (พ.ศ.2265)
1
ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ชิลีได้เข้าครอบครองเกาะอีสเตอร์ และในทุกวันนี้ เศรษฐกิจสำคัญของเกาะอีสเตอร์ ก็มาจากภาคการท่องเที่ยว
1
สำหรับสิ่งสำคัญที่โดดเด่นบนเกาะอีสเตอร์ ก็คือรูปปั้นขนาดยักษ์เกือบ 900 ชิ้น ตั้งตระหง่าน โดดเด่นอยู่บนเกาะ โดยรูปปั้นเหล่านี้สะท้อนถึงฝีมือทางด้านการแกะสลัก และหลักวิศวกรรมของมนุษย์ในยุคก่อน
1
มีการคาดเดาไปต่างๆ นาๆ ถึงจุดประสงค์ของรูปปั้นเหล่านี้ รวมทั้งวิธีการปั้นและขนย้ายรูปปั้นเหล่านี้ไปวางตามจุดต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งและชวนให้ค้นหา
สำหรับมนุษย์กลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเกาะนี้ คาดว่าเป็นกลุ่มผู้อพยพมาจากดินแดนอื่น
มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีว่ามีมนุษย์เข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเกาะนี้เมื่อราวศตวรรษที่ 8 และศตวรรษที่ 9 ในขณะที่นักภาษาศาสตร์ คาดเดาว่ามนุษย์น่าจะเข้ามาตั้งถิ่นฐานเมื่อราวศตวรรษที่ 5
1
เชื่อกันว่ากษัตริย์องค์แรกแห่งเกาะอีสเตอร์ หรือ “ราปานุย (Rapa Nui)” คือชาวโปลินีเซีย พระนามว่า “Hoto-Matua” ซึ่งได้ล่องเรือมาขึ้นชายฝั่ง
สำหรับหลักฐานที่แสดงถึงความก้าวหน้าของกลุ่มคนกลุ่มแรกๆ บนเกาะราปานุย ก็คือเหล่ารูปปั้นเกือบ 900 ชิ้น ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ บนเกาะ
1
รูปปั้นแต่ละชิ้นมีความสูงราวๆ สี่เมตร หนักกว่า 13 ตัน โดยรูปปั้นเหล่านี้เรียกว่า “โมไอ (Moai)” ทำมาจากหินภูเขาไฟชนิดหนึ่ง ตั้งอยู่บนแท่งที่ทำจากหิน
1
ยังเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบันว่ารูปปั้นเหล่านี้มีเพื่ออะไร และทำไมจึงมีจำนวนมาก อีกทั้งการขนย้ายก็ไม่ใช่จะทำได้ง่าย
จากการสำรวจทางโบราณคดี พบว่าประวัติศาสตร์ของเกาะนี้ แบ่งออกเป็นสามยุค
1
1.ยุคต้น
2.ยุคกลาง
3.ยุคปลาย
ในระหว่างยุคต้นและยุคกลาง ได้มีหลักฐานว่ารูปปั้นหลายชิ้นได้ถูกทำลาย และมีการสร้างใหม่ให้ใหญ่และแข็งแรงกว่าเดิม
1
ในยุคกลาง แท่นที่วางรูปปั้นนั้น ยังบรรจุสุสานอีกด้วย ทำให้คาดว่ารูปปั้นนั้น อาจจะเป็นตัวแทนของบุคคลที่ได้รับการยกย่องและบูชาภายหลังจากเสียชีวิต
1
ในช่วงยุคปลาย ได้เกิดสงครามกลางเมืองบนเกาะ มีการเข่นฆ่าล้มตายเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ได้เกิดการก่อกบฏ และมีการสังหารหมู่
ชาวยุโรปกลุ่มแรกที่เข้ามาบนเกาะ คือนักสำรวจชาวดัทช์ในปีค.ศ.1722 (พ.ศ.2265) ก่อนที่ในปีค.ศ.1770 (พ.ศ.2313) ผู้สำเร็จราชการชาวสเปนแห่งเปรู จะส่งทีมสำรวจเข้ามาบนเกาะ และพบว่ามีประชากรบนเกาะราว 3,000 คน
2
อีกสี่ปีต่อมา อังกฤษก็ได้ขึ้นมาสำรวจบนเกาะนี้ และพบว่าประชากรจำนวนมากได้เสียชีวิตจากสงครามกลางเมือง เหลือประชากรชายราวๆ 600-700 คน ส่วนผู้หญิงมีไม่ถึง 30 คน
2
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ฝรั่งเศสได้เข้ามาสำรวจเกาะอีสเตอร์ ก่อนที่ปลายศตวรรษที่ 19 ชิลีจะครอบครองเกาะอีสเตอร์ และในศตวรรษที่ 20 ประชากรบนเกาะก็กลายเป็นคนสัญชาติชิลีอย่างเต็มตัว
ในปีค.ศ.1995 (พ.ศ.2538) ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเกาะอีสเตอร์เป็นมรดกโลก โดยในทุกวันนี้ บนเกาะนี้ก็มีประชากรหลายเชื้อชาติ โดยภาษาที่ใช้กันแพร่หลายบนเกาะคือภาษาสเปน และเศรษฐกิจสำคัญของเกาะ ก็คือการท่องเที่ยว
นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆ น่าสนใจ และคนรักประวัติศาสตร์ น่าจะต้องอยากลองไปซักครั้งหนึ่ง
References:
https://www.history.com/topics/south-america/easter-island
https://www.khanacademy.org/humanities/ap-art-history/pacific-apah/polynesia-apah/a/easter-island-moai
https://www.irishtimes.com/news/science/what-s-the-story-behind-the-mystery-of-easter-island-it-s-not-set-in-stone-1.4449246?mode=amp
https://www.lastfrontiers.com/articles/view/a-brief-history-of-easter-island-lizzy-september-2019
20 บันทึก
35
13
20
35
13
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย