10 ส.ค. 2021 เวลา 04:17 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เปิดตัว 10 บริษัทสัญชาติไทยตลุยธุรกิจอวกาศ Space Economy พร้อมเทียบชั้น 10 บริษัทอวกาศระดับโลก
วันนีเป็นการเปิดตัว 10 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือก จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ที่ได้จัดทำโครงการพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกด้านเศรษฐกิจอวกาศ หรือเรียกสั้นๆว่า “ Space Economy : Lifting Off ” ร่วมกับโครงการภาคีความร่วมมืออวกาศไทย (Thai Space Consortium)
เป้าประสงค์เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทย และพัฒนาบุคลากรของประเทศให้เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงผลักดันให้เกิดการนำประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศไปพัฒนาประเทศ โดยดำเนินการบ่มเพาะ Startup ที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกด้านเศรษฐกิจอวกาศ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของ Startup ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อนำออกสู่ตลาดและสามารถขยายผลธุรกิจในประเทศไทยระดับสากล
นับเป็นความท้าทายและการประกาศตัวเข้าสู่เวทีธุรกิจอวกาศของไทยที่มีหลักคิดว่าหากไม่เริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ ก็จะช้าไปเพราะโอกาสธุรกิจมีขนาดตลาดถึง 50,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีการมองว่าเศรษฐกิจอวกาศเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศและการนำเอาทรัพยากรในอุตสาหกรรมอวกาศไปใช้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อสร้างคุณค่าและประโยชน์ให้เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งครอบคลุมถึงการสำรวจค้นคว้า การทำความเข้าใจ การบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในห้วงอวกาศ ดังนั้นเศรษฐกิจอวกาศจึงเกี่ยวข้องกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนในการพัฒนา การจัดหา การใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ ซึ่งมีตั้งแต่
1.งานด้านการวิจัยและพัฒนา (Research and Development)
2. การผลิตและการใช้โครงสร้างพื้นฐานทางอวกาศ เช่น สถานีภาคพื้นดิน (Ground Stations)
3. การส่งจรวดและดาวเทียม (Launch vehicles & Satellites)
4. การใช้งานด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบนำทาง (Navigation Equipment) โทรศัพท์สัญญาณดาวเทียม (Satellites Phone) บริการด้านอุตุนิยมวิทยา (Meteorological services)
5. การสร้างองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์จากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ
เศรษฐกิจอวกาศมีขอบเขตเกินกว่าอุตสาหกรรมอวกาศ ด้วยประเด็นที่ว่า ผลิตภัณฑ์ บริการ และองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับอวกาศสามารถส่งผลกระทบและสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อภาคเศรษฐกิจและสังคมได้ในวงกว้าง
สอดคล้อง ครม.ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศแล้ว เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ในขั้นตอนต่อไปคือการพิจารณารายละเอียด ด้านข้อกฏหมาย โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และรัฐสภา ตามลำดับ
กฎหมายดังกล่าว จะช่วยให้ประเทศไทยมีความพร้อมและรองรับการสร้างเศรษฐกิจอวกาศ หรือ New Space Economy เป็นกฎหมายที่ให้การดูแลกิจการนิติบุคคลของไทย ส่งเสริมอำนวยความสะดวกในการดำเนินกิจกรรมอวกาศของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สร้างมาตรฐานของกิจการอวกาศประเทศไทย ตลอดจนดูเเลการประสานงานกับหน่วยงานอวกาศของต่างประเทศ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนานาชาติ เมื่อมีการทำธุรกิจกิจการใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับด้านอวกาศ รัฐจึงต้องดูแลและทำตามแนวทางของกิจการสากล จะทำให้พัฒนาเทคโนโลยีอวกาศที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย เพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกันทั้งประเทศ เกิดการลงทุน สร้างรายได้ และการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงภายในประเทศ
โดยทั้ง 10 บริษัท จะครอบคลุมกรอบธุรกิจดังนี้
UPSTREAM:
- Launch Systems/Services
- System Infrastructure
- Satellites Design & Manufacturing
- Ground Systems
- Space Explorations
DOWNSTREAM:
- Communication & Tracking
- Data & Satellites Services
OTHERS:
- R&D in Space
- Value-added Services
- Non-space Application e.g. energy, advanced material
โดย 10 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกได้แก่
EmOne
(Space debris management system) พัฒนาเทคโนโลยีควบคุมความเร็วและเปลี่ยนระดับวงโคจรวัตถุในอวกาศแบบไร้สัมผัสลดการใช้งานแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ลดปริมาณขยะอวกาศ ดูแลความหนาแน่นของวัตถุในแต่ละระดับชั้นวงโคจร และนํากลับมาสู่กระบวนการทําลายหรือรีไซเคิล
3
Halogen
(High Altitude Balloon Platform) พัฒนา High altitude ballooning platform เพื่อใช้ส่ง payload ต่างๆขึ้นสู่ชั้น stratosphere ที่มีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับอวกาศจริง ด้วย platform นี้จะทำให้ลูกค้าสามารถทำการทดลอง วิจัย พัฒนา หรือตรวจสอบประสิทธิภาพในการทำงานของดาวเทียมก่อนขึ้นสู่อวกาศ
iEmtek
สายอากาศและอุปกรณ์เชื่อมต่อสั่งงาน สำหรับระบบสื่อสารบนดาวเทียมขนาดเล็กการใช้สายอากาศแบบแถวลําดับ (Array Antenna) ติดตั้งบนดาวเทียมจะทําให้ระดับสัญญาณที่รับได้สูงขึ้นทําให้ไม่จําเป็นต้องใช้ Transponder ที่มีอัตราขยายสัญญาณ ของภาครับ (Uplink part) สูงและภาคส่ง (Downlink part) ก็เช่นเดียวกัน Power Amplifier ไม่จําเป็นต้องมีกําลังส่งสูง อัตราการสิ้นเปลืองกําลังงาน (Power consumption) ต่ำลง ลดภาระการทํางานของระบบ Electrical Power subsystem รวมทั้งแบตเตอรี่
Irissar
(Radar and space-related devices and systems) ออกแบบและผลิตเรดาร์เซ็นเซอร์ และชิ้นส่วนทางกลสำหรับจรวดขนส่งดาวเทียมที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยราคาที่เหมาะสม
Krypton
นวัตกรรม โปรเจค คริปโตไนท์ (Project Kryptonite) วิวัฒนาการการพัฒนาดาวเทียมในรูปแบบใหม่พัฒนาดาวเทียมคิวบ์แซท ที่จะถูกใช้ให้เป็นห้องปฏิบัติการขนาดนาโน หรือ NanoLab เพื่อทำการวิจัย การทดลอง และการนำเสนอสินค้าไปแสดงในอวกาศ (Space Experiment & Advertising Platform)
NBSPACE
Thai-Made Space System (ชิ้นส่วนระบบอวกาศที่ออกแบบและผลิตในประเทศไทย) บริการออกแบบและสร้างดาวเทียม โดยมี Platform ดาวเทียมพร้อมให้บริการรวมถึงสามารถออกแบบ Payload ตามความต้องการของลูกค้าได้
Plus IT Solution
ระบบวิเคราะห์พื้นที่จากภาพถ่ายดาวเทียม (Automated LULC analysis system) แพลตฟอร์ม Auto – LULC ที่ทางบริษัทพัฒนานั้นใช้เทคโนโลยี image segmentation โดย deep learning algorithm ที่ทางบริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อจำแนกลักษณะของพื้นที่ต่างๆ โดยสามารถแยกพื้นที่ออกเป็น 7 ประเภทได้ ได้แก่ Construction, Road, Bare soil, Agriculture, Forest, Water และ Cloud
Space Composites
เทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ขั้นสูงที่ใช้ออกแบบและผลิตชิ้นส่วน Composites materials นำเสนอเทคโนโลยี Composites Overwrap Pressure Vessel ใน 3 ด้านหลักตั้งแต่การออกแบบ ผลิตและทดสอบสำหรับอุปกรณ์และชิ้นส่วนที่จะต้องนำไปใช้กับธุรกิจอวกาศในอนาคต
Tripler Adhesive
การพัฒนาสูตรกาวและสารยึดเกาะ (glue & adhesive) เพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมสุดโต่ง (extreme environment) ซึ่งรวมไปถึงนอกชั้นบรรยากาศโลก เทคโนโลยีหลักคือการสร้าง programmable adhesive material จาก cellulose, protein และ inorganic materials ให้มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการในการใช้งานที่แตกต่างกันไป
10บริษัทสุดยอดนวัตกรรมอวกาศ ในปี 2564
1. SPACEX
เป็นบริษัทด้านการบินและอวกาศสัญชาติอเมริกา ให้บริการการขนส่งและการสื่อสารจากอวกาศ SpaceX ก่อตั้งโดย Elon Musk ในปีพ.ศ. 2545 มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนการขนส่งทางอวกาศและสนับสนุนการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร ปัจจุบัน SpaceX ได้ผลิตจรวดขนส่ง Falcon 9 Falcon Heavy เครื่องยนต์จรวด ยานขนส่ง Dragon Cargo และดาวเทียม Starlink เป็นต้น
เมื่อเดือนพฤษภาคม 64 SpaceX เป็นบริษัทเอกชนรายแรกที่ส่งนักบินอวกาศขึ้นไปปฎิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศนานาชาติได้สำเร็จ นอกจากนั้นในปี 2563 จรวดขนส่ง Falcon 9 ได้ทำสถิติขึ้นสู่อวกาศครบ 100 ครั้งเพื่อขนส่งดาวเทียม Starlink จำนวนเกือบพันดวงเติมเต็มระบบดาวเทียมอินเทอร์เน็ต และ Falcon 9 ยังประสบความสำเร็จกลับมาลงจอดบนพื้นโลกเพื่อการใช้ซ้ำ
2. LEOLABS
LeoLabs บริษัทให้บริการติดตามวัตถุอวกาศ ร่วมก่อตั้งโดยอดีตนักบินอวกาศของ NASA โดยใช้สัญญาณเรดาร์เพื่อการเฝ้าระวังและติดตามวัตถุในวงโคจรระดับต่ำซึ่งอยู่สูงจากพื้นผิวโลกประมาณ 100 ถึง 2,000 กิโลเมตร เนื่องจากในวงโคจรระดับนี้ปัจจุบันมีดาวเทียมโคจรอยู่ประมาณ 2,000 ดวง เพิ่มขึ้นประมาณ 400 ดวงจากเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าในอนาคตมีแผนจะปล่อยดาวเทียมสู่วงโคจรในระดับนี้อีกประมาณ 50,000 ดวง ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ในปี 2563 บริษัทได้เปิดตัว Collision Prevention Service ซึ่งเป็นการบริการแจ้งเตือนเมื่อดาวเทียมของลูกค้าตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดการชนกับขยะอวกาศหรือวัตถุอวกาศอื่นๆ
ล่าสุดทาง SpaceX ได้ลงนามกับบริษัทเพื่อให้ติดตามดาวเทียม Starlink นอกจากนั้นทาง LeoLabs ยังทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลกิจการอวกาศ บริษัทประกันภัย หรือแม้กระทั้งกระทรวงกลาโหม
ในปี 2564 บริษัทจะทำการติดตั้งระบบติดตามด้วยเรดาร์เพิ่มอีก ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถติดตามเศษชิ้นส่วนต่างๆ ได้มากกว่า 250,000 ชิ้น รวมถึงวัตถุที่มีขนาดเล็กเท่าน็อตและสลักเกลียว
3. GHGSAT
GHGSat บริษัทสตาร์ทอัพสัญญาชาติแคนนาดา ให้บริการตรวจสอบการรั่วไหลของก๊าซมีเทนด้วยดาวเทียมที่พัฒนาขึ้นมาเอง โดยอาศัยหลักการ Spectroscopy ซึ่งสามารถตรวจจับได้แม้จะเป็นการรั่วไหลเพียงเล็กน้อยจากน้ำมันและแก๊ส หรืออุตสาหกรรมอื่นๆได้ทุกมุมโลก
ในเดือนกันยายน 63 พวกเขาประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียมดวงที่สอง ซึ่งมีเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับการปล่อยแก๊สมีที่มีความไวกว่าเทคโนโลยีอื่นถึง 100 เท่า ทำให้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาค่าดัชนีความเสี่ยงอ้างอิงจาก GHGSat ที่จะช่วยคาดการณ์การรั่วไหลของน้ำมันและมีเทน ได้ผนวกรวมในฐานข้อมูลของบลูมเบิร์กเทอร์มินอลแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับนักลงทุน
4. ORBITAL INSIGHT
บริษัท Orbital Insight ตั้งอยู่ที่เมือง Palo Alto รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ให้บริการการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ด้วยข้อมูลตำแหน่งจากโทรศัพท์มือถือร่วมกับภาพถ่ายจากดาวเทียม โดรนและบอลลูน เพื่อให้ธุรกิจต่างๆได้เห็นภาพกิจกรรมของบริษัทในมุมมองจากอวกาศหรือเชิงพื้นที่
ในปี 2563 ทางบริษัทได้ขยายความร่วมมือกับบริษัทยูนิลีเวอร์เพื่อตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานโดยเฉพาะกับแหล่งวัตถุดิบปาล์มน้ำมันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ข้อมูลตำแหน่งมือถือจากรถบรรทุกส่งของ เพื่อให้มั่นใจว่าวัตถุดิบที่ได้รับจากฟาร์มสู่โรงกลั่นนั้นไม่ได้มาจากแหล่งที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อถางเป็นพื้นที่เพาะปลูก
5. SLINGSHOT AEROSPACE
Slingshot Aerospace เชี่ยวชาญด้านการจำลองสถานการณ์โดยเฉพาะในด้าน aerospace อาศัยข้อมูลจากทั้งระบบเรดาห์และเซนเซอร์ต่างที่ติดตั้งทั้งบนดาวเทียม เครื่องบิน และโดรน เพื่อความสมจริง โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ทำงานร่วมกับ NASA, กองทัพอากาศสหรัฐฯ, Northrop Grumman และ Boeing และล่าสุดได้สร้าง VR space simulator เพื่อใช้สำหรับการฝึกให้กับ U.S. Space Force
นอกจากนั้น ทาง Slingshot ได้เปิดปรับแต่งข้อมูลแผนที่ของบริษัทเพื่อช่วยผู้คนใน Los Angeles ในการค้นหาแหล่งบริการอาหารฟรีหรือแหล่งอาหารราคาถูกในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 นี้
6. ROCKET LAB
เป็นบริษัทให้บริการปล่อยดาวเทียมขนาดเล็ก ซึ่งนับตั้งแต่มีการทดสอบเที่ยวบินครั้งแรกใน พ.ศ.2560 ทางบริษัท Roclet Lab ก็ได้ทำการปล่อยดาวเทียมขนาดเล็กไปแล้วจำนวน 96 ดวงขึ้นสู่ห้วงอวกาศโดยจรวดนำส่ง Electron
บริษัทได้เริ่มดำเนินกิจการในชิงพาณิชย์แบบครบวงจรในปี 63 ตั้งแต่การออกแบบดาวเทียม ประกอบดาวเทียม ส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศ รวมถึงควบคุมการทำงานของดาวเทียม
ในปีนี้จรวดนำส่ง Electron และ Photon satellite launch platform มีภารกิจสำคัญภายใต้โครงการ Capstone ของนาซ่าเพื่อนำส่ง Lunar orbiter ขึ้นไปทำภารกิจที่ดวงจันทร์เตรียมพร้อมสำหรับ Lunar Gateway space station
7. PLANET
ผลงานเด่นคือสนับสนุนภารกิจของ Human Rights Watch องค์กรระหว่างหว่างประเทศที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนด้วยข้อมูลจากดาวเทียมรายละเอียดสูง จากดาวเทียมขนาดเล็กประมาณ 130 ดวงที่โคจรรอบโลก ทำให้ Planet สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็วด้วยข้อมูลจากดาวเทียมรายละเอียดสูงแบบรายวันที่ครอบคลุมพื้นที่ถ่ายภาพได้ทั่วโลก ล่าสุดทาง Planet ได้เปิดตัวบริการใหม่ล่าสุดนั้นก็คือ Rapid Revisit ด้วยรายละเอียดภาพ 50 เซนติเมตร อัพเดทวันละ 2 รอบ และยังมีฟังก์ชั่นตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงได้อัตโนมัติ
ทางบริษัทแจ้งว่ายอดจองปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเนื่องจากสถานะการณ์การระบาดของโรคติต่อโควิด-19 ทำให้ภาพถ่ายดาวเทียมเป็นที่ต้องการสูงขึ้นไปด้วยเพื่อสำรวจพื้นที่ต่างๆ ด้วยข้อจำกัดการเดินทางของลูกค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ และในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทาง Human Rights Watch ได้ใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมเพื่อตรวจสอบการยิงจรวดและขีปนาวุธที่ผิดกฎหมายโดยกองกำลังอาร์เมเนียที่ต่อต้านอาเซอร์ไบจาน
8. RELATIVITY SPACE
เป็นบริษัทที่ให้บริการเครื่องพิมพ์ 3 มิติโลหะสำหรับการผลิตจรวดและชิ้นส่วนจรวด ด้วยการผสมผสานระหว่างเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์อัตโนมัติ ซึ่งจรวด Terran 1 และ Terran R ผลงานของบริษัทที่ใช้เวลาผลิตเพียง 60 วัน
ในปี 2563 ทางบริษัทได้รายงานว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบถังเชื้อเพลิงและระบบจุดเชื้อเพลิงของจรวด Aeon 1 ที่ผลิตจากกระบวนการพิมพ์ 3 มิติของบริษัท และเมื่อเดือนมิถุนายน 63 ทางบริษัทได้เซ็นต์สัญญาร่วมกับ Iridium เพื่อผลิตจรวดนำส่งดาวเทียมสื่อสารจำนวน 6 ดวง ซึ่งวางแผนที่จะส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศปลายปี 64 ที่จะถึงนี้
9. CAPELLA SPACE
เป็นบริษัทพัฒนาดาวเทียมสำรวจโลกด้วยระบบเรดาร์ที่สามารถถ่ายภาพทะลุเมฆได้และทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยทาง Capella Space บริษัทสตาร์ทอัพในซานฟรานซิสโกได้เปิดตัวกลุ่มดาวเทียม SAR (Synthetic Aperture Radar) ในเดือนสิงหาคม 2563 นับว่าเป็นผู้ให้บริการภาพ SAR เชิงพาณิชย์เพียงรายเดียวในสหรัฐฯ
ข้อมูล SAR สามารถแสดงภาพที่ชัดเจนของพื้นผิวโลกได้ทั้งในกลางวันและกลางคืน หรือแม้ในสถานะการณ์ที่มีเมฆ หมอกหรือควันเป็นจำนวนมาก ในเดือนธันวาคม 63 บริษัทได้เริ่มการถ่ายภาพในโหมด Spot ด้วยความละเอียดภาพ 50 ซม. นับว่าเป็นภาพ SAR ที่มีความคมชัดอีกดวงหนึ่ง
Capella มีสัญญากับ the National Reconnaissance Office และกองทัพอากาศสหรัฐฯ และมีแผนจะปล่อยจรวดดาวเทียมอีก 6 ดวงในปีนี้
10. ASTROSCALE
บริษัทที่ให้บริการกำจัดขยะอวกาศสัญชาติญี่ปุ่น การทดสอบระบบกำจัดดาวเทียมที่หมดอายุและเศษซากอวกาศอื่นๆ ของบริษัท Astroscale เป็นครั้งแรกก็เมื่อตอนที่มีการปล่อยจรวดโซยุซในเดือนมีนาคม 2564
ในเดือนกันยายน 63 ทางบริษัทได้รับทุนสนับสนุนโครงการจาก UK Space Agency ร่วมกับพันธมิตร เช่น Fujitsu และ Amazon Web Services เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยเฉพาะสำหรับภารกิจการกำจัดวัตถุหลายชิ้น
Astroscale ระดมเงินทุนได้ 51 ล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคม 2563 รวมเป็นเงิน 191 ล้านดอลลาร์ ด้วยการเข้าซื้อกิจการของ บริษัทผู้ให้บริการดาวเทียมอย่าง Effective Space โดยหน่วยงานสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน 2563 และทางบริษัทฯก็กำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุงแผนงานเพื่อเข้าสู่ธุรกิจเกี่ยวกับการบำรุงรักษาเพื่อยืดอายุดาวเทียมอีกด้วย
มีการวิเคราะห์ความต้องการของตลาดธุรกิจอวกาศของโลก ที่กำลังเพิ่มและการขยายตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อุตสาหกรรมอวกาศจึงเป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับคนรุ่นใหม่ในอนาคต
โฆษณา