16 ส.ค. 2021 เวลา 23:00 • ธุรกิจ
เกิดอะไรขึ้นข้างในองค์กร Zoom กับปีทองของเขา
เกิดอะไรขึ้นข้างในองค์กร Zoom กับปีทองของเขา
Zoom เป็นบริษัทที่มาแรงอย่างมากในปี 2020 นี้แต่เรื่องที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับ Zoom คือ ตั้งแต่ช่วงก่อนเรามีวิกฤติแล้ว Zoom ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 2 จาก Glassdoor ให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยที่สุดในปี 2019 และหลาย ๆ เว็บไซต์ก็ยังคงจัดให้ Zoom เป็นอันดับต้น ๆ ในด้านของความสุขพนักงานในปี 2020 นี้โดยมี Staff Turnover rate อยู่ที่ 3% เท่านั้น
1
ตั้งแต่ก่อนปี 2020 Zoom มีพนักงานกว่า 3,800 คนตั้งแต่ที่ Headquarters ที่ New York และ London จนไปถึง Shanghai และ Tokyo และตั้งแต่มีโรคระบาดนี้ Zoom ก็แน่นอนว่าให้พนักงานทุกคน Work From Home ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และการปรับตัวของพนักงานในการ Work from home ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะพนักงานของ Zoom ส่วนใหญ่ก็แน่นอนว่าคุ้นเคยกับการใช้ Zoom อยู่แล้ว
และนี่ก็เป็นข้อได้เปรียบสำคัญของ Zoom เพราะเมื่อพนักงานเองก็ต้องใช้ Zoom กันเป็นกิจวัตร นั่นก็ทำให้พนักงานทุกคนเข้าใจความรู้สึกของลูกค้าอย่างแท้จริง แต่กระนั้น Zoom เองก็มีโจทย์ที่ต้องรับมือในปีนี้เช่นกัน
.
ความท้าทายใหญ่ของ Zoom ในปี 2020
แต่ด้วยความที่ในปีนี้บริษัทโตอย่างก้าวกระโดดนั่นทำให้ Zoom เองต้องรับมือกับการรับพนักงานจำนวนมากในช่วงแรกของวิกฤติ ซึ่งเป็นทางตรงกันข้ามกับบริษัทส่วนใหญ่ Zoom จึงมีความท้าทายที่พิเศษกว่าที่อื่น เพราะกว่า 1 ใน 3 ของพนักงาน Zoom เพิ่งถูกจ้างเมื่อเร็ว ๆ นี้นั่นแปลว่า 1 ใน 3 ของพนักงาน Zoom ทั้งหมดในปัจจุบันไม่เคยย่างเท้าเข้าออฟฟิศ Zoom มาก่อน ไม่เคยเจอหัวหน้า หรือเพื่อนร่วมงานตัวเป็น ๆ เลยสักครั้ง
1
ฝ่าวิกฤติด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง
สิ่งสำคัญที่ช่วยให้ Zoom รับมือกับปัญหานี้ได้คือการที่ Zoom นั้นให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรอย่างสูงมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งองค์กรแล้ว และเชื่อว่าวัฒนธรรมองค์กรคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้พนักงานมีความสุขได้ เพราะ Founder Eric Yuan เขาต้องการสร้างองค์กรที่พนักงานมีความสุข และส่งมอบความสุขต่อไปยังลูกค้านั่นเอง ดังนั้นวัฒนธรรมองค์กรของ Zoom ที่ให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงานจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Zoom สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางโอกาสนี้แม้จะมีคู่แข่งเป็นยักษ์ใหญ่อย่าง Team จาก Microsoft หรือ Meet ของ Google ก็ตาม
ดังนั้น แม้จะต้องเจอกับพนักงานใหม่จำนวนมากทำงานโดยไม่เคยเจอเพื่อนร่วมกันสักครั้งเดียว Zoom เองก็รับมือได้อย่างดี เพราะตั้งแต่ก่อนมีวิกฤติ Zoom ก็มีทีมงานที่เรียกว่า “Happiness Crew” อยู่ก่อนแล้ว
.
1
The Happiness Crew
โดย Happiness Crew คือทีมงานอาสาสมัครของ Zoom กว่า 100 คนที่มีหน้าที่รวมให้พนักงานทั้ง 3,800 คนของ Zoom ที่กระจายตัวอยู่ใน 8 ประเทศได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันโดยไร้พรมแดน ผ่านการจัดงานสังสรรค์ทางออนไลน์ทุก ๆ เดือน และช่วยให้พนักงานมีความคุ้นเคยกันได้ข้ามประเทศ และกิจกรรมแปลก ๆ สนุก ๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นประจำที่ Zoom ตั้งแต่ก่อนมีวิกฤติ 2020 นี้แล้ว
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมทีมงาน Happiness Crew ของ Zoom จึงรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างดีโดยระหว่างช่วงกักตัวทีม Happiness Crew ก็ได้รังสรรค์กิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถให้คนมาสนุกด้วยกันได้แม้จะเป็นการทำงานทางไกล โดยกิจกรรมที่ Happy Crew จัดก็เช่นชวนทุกคนชัดโต๊ะทำงาน การจัดปาร์ตี้แบบออนไลน์ และเกมส์ต่าง ๆ ที่สามารถเล่นออนไลน์ได้ และจากปกติที่ Zoom มีสวัสดิการเป็นค่าฟิตเนสก็เปลี่ยนเป็นเงินโควต้าให้พนักงานสั่งของออนไลน์ และนอกจากจะออกแบบมาสำหรับใช้เองแล้วก็ยังเอามาแชร์ให้ทุกคนสามารถเอาไปใช้ได้ในองค์กรของตัวเองได้บนเว็บไซต์ของ Zoom อีกด้วย ซึ่งก็มีหลายที่ที่ได้ไอเดียเหล่านี้ไปจาก Zoom เช่นกัน
นอกจากนั้น Zoom ยังให้ความสำคัญกับเวลาส่วนตัวของพนักงานอย่างมาก เพราะในสภาพแวดล้อมนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะรักษาขอบเขตของงานและเวลาส่วนตัว ดังนั้นบริษัทจึงต้องระวังเป็นพิเศษ Zoom จึงรับมือด้วยวิธีเดียวกันกับที่ Netflix ใช้คือการใช้มาตรการไม่ต้องมีการลาหยุดใด ๆ เป็น Work-life integration ไปเลย และให้ทุกคนบริหารจัดการเวลา และงานของตัวเองได้อย่างเต็มที่
นั่นก็เป็นวิธีการที่ Zoom ใช้รับมือกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดท่ามกลางวิกฤต เพราะการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงานมาโดยตลอดทำให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในสภาวะที่สภาพจิตใจของคนเป็นตัวแปรสำคัญนั่นเอง
A Cup of Culture
#วัฒนธรรมองค์กร
#corporateculture
#culture
===============================
🔸 อ่านบทความอื่นๆได้ที่​ https://www.brightsidepeople.com/blog/
===============================
ติดตาม Podcast ของเราในช่องทางอื่น ๆ:
โฆษณา