11 ส.ค. 2021 เวลา 05:20 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ยังมีหลายสิ่งที่เราไม่รู้!? เปิดแฟ้มห้าภาพถ่ายจากอวกาศกับเรื่องราวอันน่าฉงน!!
1. เมฆรูปหกเหลี่ยม (The Hex)
ในปี ค.ศ.2017 เมื่อยานสำรวจ Cassini ของ NASA ใกล้จะสิ้นสุดภารกิจสำรวจอวกาศ และได้เริ่มปฏิบัติการเสี่ยงภัยในการโคจรผ่านวงแหวนดาวเสาร์เป็นจำนวนถึง 22 ครั้ง ก่อนที่จะพุ่งตรงเข้าไปยังชั้นบรรยากาศของดาวเสาร์เพื่อยุติภารกิจในการสำรวจอวกาศของมัน
2
โดยก่อนหน้านี้ ยานสำรวจ Cassini ได้บันทึกภาพถ่ายเมฆที่ก่อตัวเป็นรูปหกเหลี่ยมที่แปลกประหลาด และไม่มีปรากฏบนดาวเคราะห์ดวงไหนในระบบสุริยะของเรา นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าส่วนประกอบของเมฆในชั้นบรรยากาศบนและล่างของดาวเสาร์ประกอบด้วยแอมโมเนียแช่แข็ง ส่วนรูปแบบที่มีลักษณะเป็นรูปหกเหลี่ยม คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนตัวของ ของเหลวบนดาวเสาร์
นอกจากนี้ กลุ่มเมฆรูปหกเหลี่ยมยังสามารถเปลี่ยนสีจากสีฟ้า เป็นสีเหลืองอีกด้วย จากปรากฎการณ์ดังกล่าว ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนชี้ชัดได้ว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าวบนดาวเสาร์เกิดขึ้นได้อย่างไร
2. จุดเย็นใหญ่บนดาวพฤหัสบดี (Cold Spot)
1
นับตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 17 นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการสำรวจจุดแดงใหญ่บนดาวพฤหัสบดี ซึ่งกล่าวได้ว่าพวกเขาได้เฝ้าดูความเป็นไปบนดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาลของเรามาเป็นเวลานานแล้ว ทว่าในปี ค.ศ.2017 ได้มีนักวิทยาศาสตร์นามว่า ทอม สตอลลาร์ด ได้ค้นพบแลนมาร์กใหม่ที่น่าสนใจบนดาวพฤหัสบดี ที่ภายหลังถูกเรียกว่า ‘จุดเย็นใหญ่’ (Great Cold Spot)
จากข้อมูลของ ทอม สตอลลาร์ด ได้กล่าวว่า ปรากฎการณ์จุดเย็นใหญ่บนดาวพฤหัสบดี มีเนื้อที่เป็นวงกว้างถึง 228 ล้านตารางกิโลเมตร เลยทีเดียว โดยเจ้าจุดเย็นที่ว่านี้ ในบางครั้งมันจะหยุดนิ่งและหายไป แต่หลังจากนั้นมันก็จะปรากฎอีกครั้งในตำแหน่งเดิม
1
ทอม สตอลลาร์ด ให้ความเห็นว่า บางทีมันอาจเป็นคลื่นแม่เหล็ก สภาพอากาศบนดาวพฤหัสบดี หรืออาจเป็นผลกระทบที่เกิดจากดาวเคราะห์บริวารของมัน แต่เชื่อกันว่า ปรากฎการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ อาจถูกขับเคลื่อนโดยแสงออโรร่าของดาวพฤหัสบดีก็เป็นได้
1
3. เมฆบนดาวพลูโต (Pluto’s Glare)
ตอนที่ยานอวกาศ New Horizon ของ NASA โคจรเข้ามาใกล้ดาวพลูโตเมื่อปี ค.ศ.2015 ได้ถ่ายภาพลึกลับดังกล่าว โดยปรากฎให้เห็นแสงแดดที่ส่องผ่านหมอกของดาวเคราะห์และส่องสว่างจุดเรืองแสงที่ไม่ทราบว่ามันคืออะไรกัน
นักวิทยาศาสตร์ในภารกิจดังกล่าวไม่แน่ใจว่าจุดดังกล่าวคืออะไร แต่เชื่อว่ามันอาจบ่งบอกถึงการมีอยู่ของชั้นบรรยากาศที่แปลกประหลาด ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะพบบนดาวเคราะห์ที่อยู่ขอบสุดของระบบสุริยะจักรวาลของเราได้
นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฎการณ์ดังกล่าวว่า ‘เมฆ’ ที่เชื่อว่ามันอาจปรากฎขึ้นในช่วงเวลาพลบค่ำและรุ่งสางเท่านั้น
4. เมฆหลุมดำหัวกระสุน (The Bullet)
บนห้วงอวกาศที่กว้างใหญ่นั้นเต็มไปด้วยปรากฎการณ์ลี้ลับมากมาย ที่ท้าทายให้นักวิทยาศาสตร์บนโลกของเราได้ค้นหาคำตอบ โดยหนึ่งในปรากฎการณ์ลี้ลับที่เกิดขึ้น คือปรากฎการณ์ ‘เมฆหัวกระสุน’ (The Bullet) ที่เคลื่อนตัวผ่านจักรวาลของเรา และนักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่าภายในเมฆหัวกระสุน ยังมีหลุมดำซ่อนอยู่ภายใน
เมฆหัวกระสุนเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 100 กม.ต่อวินาที ซึ่งมีความเร็วเทียบเท่ากับการหมุนรอบตัวเองของทางชางเผือก ที่กินระยะเวลาสองปีแสงอย่างน่าอัศจรรย์
ภาพจำลอง เมฆหัวกระสุน (The Bullet)
จากการสำรวจโดยกล้องโทรทรรศน์ นักดาราศาสตร์ยังค้นพบว่าส่วนปลายของเมฆหัวกระสุน กำลังขยายตัวด้วยความเร็วเป็นสองเท่าจากความเร็วเดิมของมัน บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการมีอยู่ของหลุมดำ และก่อให้เกิดสองทฤษฎีใหม่ที่น่าจะเป็นต้นกำเนิดของเมฆหัวกระสุน
2
คือหนึ่ง แบบจำลองการระเบิด (Explosion Model) คือก๊าซเร่งความเร็วที่เกิดจากการระเบิดของซุปเปอร์โนวา จนทำให้เกิดเป็นเมฆหัวกระสุน และสอง แบบจำลองการรบกวน (Irruption Model) ที่กล่าวว่าหลุมดำที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงนั้นเคลื่อนผ่านก๊าซที่มีความหนาแน่น ที่ถูกลากไปพร้อม ๆ กันจนก่อให้เกิดเป็นเมฆหัวกระสุน
1
5. กลุ่มเมฆปนเปื้อนรังสีแบบสุ่ม (Random Radiation)
หลายคนอาจไม่ทราบมาก่อนว่า การเดินทางโดยเครื่องบินหนึ่งครั้ง จะทำให้ร่างกายของมนุษย์ได้รับรังสีเทียบเท่ากับการเอ็กซ์เรย์ไม่เกินหนึ่งครั้ง แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา NASA ได้ค้นพบกลุ่มก้อนเมฆ ที่เกิดจากการแผ่รังสีแบบสุ่มขนาดใหญ่ที่ไม่ทราบแหล่งกำเนิด ซึ่งกลุ่มเมฆดังกล่าวสามารถบรรจุกัมมันตภาพรังสีทั่วไปได้ถึงสองเท่า
เข็มขัดกัมมันตรังสีแวนอัลเลน (Van Allen Radiation Belt)
นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่าเมฆเหล่านี้อาจเกิดขึ้นการการที่อิเล็กตอนถูกปลดปล่อยออกจากเข็มขัดกัมมันตรังสีแวนอัลเลน (Van Allen Radiation Belt) ที่เกิดจากพายุสนามแม่เหล็กโลก ชนกับอะตอมของไนโตรเจนและออกซิเจน จนทำให้เกิดละอองของรังสีขึ้นมา เช่นรังสีแกมมา (Gamma Ray)
จากการค้นพบดังกล่าว ทำให้เชื่อได้ว่าในอนาคตข้างหน้า สายการบินทุกแห่งจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงกลุ่มเมฆปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีเพื่อความปลอดภัยของลูกเรือและผู้โดยสาร
ข้อมูลจาก : YOUTUBE/DARK5, WIKIPEDIA
โฆษณา