1.Product Development System โมเดลการทำงานที่ญี่ปุ่นและในอีกหลายๆ ประเทศ รวมถึงไทย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ UNIQLO ตั้งแต่การเริ่มต้นคิดวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ R&D Centers ที่โตเกียว และนิวยอร์ก โดยพวกเขาจะพยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์ข่าวสารในแต่ละท้องถิ่น รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และวัสดุ เพื่อกำหนดออกมาเป็นคอนเซ็ปต์ในแต่ละคอลเลคชั่น ซึ่งระบบการพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ได้สร้างคุณค่าที่ใหม่และน่าตื่นเต้นให้กับแบรนด์ของ UNIQLO อีกด้วย
Product Development System ของ UNIQLO ที่เรียกว่า Global One เป็นระบบที่มองว่า สินค้าของทุกสาขา ไม่ว่าลูกค้าจะเข้าร้านสาขาไหนก็จะต้องมีของเหมือนกัน ซึ่งในแง่ของ Standard จะขึ้นอยู่กับไซส์ของร้านด้วย เป็นระบบที่ใช้ทั่วโลก เพื่อปรับตัวตามความแตกต่างของแต่ละประเทศ นี่คือหนึ่งใน Standard โดยตัวอย่างของการ Adapt to Local ก็มีเช่น เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ก็วางขายเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อนให้ตลอดทั้งปี
2.The Unique Backbone อีกส่วนที่มีความสำคัญและสร้างความแตกต่างให้กับ UNIQLO เป็นอย่างมากนั่นก็คือ กระบวนการผลิตและจัดหาวัตถุดิบ ซึ่งถือเป็น Killer Model ของหลายๆ ธุรกิจ อย่างเช่น IKEA หรือ ZARA เพราะการสร้างธุรกิจรีเทลในระดับโลกสมัยนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความได้เปรียบผ่านแนวความคิดเรื่อง Material Procurement & Production เพราะธุรกิจไม่สามารถล่อลวงลูกค้าด้วยป้ายราคาแบบลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ได้อีกต่อไป ในเมื่อราคาสินค้าอยู่ในระดับ Affordable อยู่แล้ว
3.Design & Mindset สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของฟาสต์แฟชั่นแบรนด์นี้ก็คือเรื่องของสี ซึ่งสีของเสื้อผ้าของ UNIQLO ค่อนข้างจะเป็น Outstanding Good Point ของ UNIQLO เพราะมีวาไรตี้ของสีให้เลือกเยอะมาก ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าเขาจะสนุกสนานกับสีหรือไม่ เช่น เสื้อโปโล หรือเสื้อสายเดี่ยว อาจจะมีสีเยอะหน่อย แต่ถ้าเสื้อ Jacket คนอาจจะไม่ได้ต้องการ Variety in Color ทั้งนี้สีของเราถือว่าเยอะเมื่อเทียบกับเสื้อผ้าที่เป็นแบบ Classic ในตลาด
จริงๆ แล้วมันยากที่จะแบ่งระหว่างดีไซน์ของเสื้อผ้าแบบ Basic กับ Fashion เพราะจริงๆ แล้ว UNIQLO ก็ไม่ใช่เสื้อผ้า Basic เสียทีเดียว นั่นทำให้แบรนด์สามารถแข่งขันได้กับเสื้อผ้าทั้งในเซ็กเม้นต์ Mass – Low End ไปจนถึงระดับ High End