14 ส.ค. 2021 เวลา 00:41 • ครอบครัว & เด็ก
#เพราะเด็กไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก
'โคทาโร่' เป็นเด็กชายอายุเพียง 5 ขวบ แต่มีเหตุจำเป็นบางอย่าง ทำให้เขาต้องอาศัยอยู่คนเดียวในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง
เพื่อนบ้านในอพาร์ทเมนท์สงสัยว่า พ่อแม่ของเขาไปไหน แต่โคทาโร่ก็ปฏิเสธที่จะเล่าเรื่องนี้
โคทาโร่พยายามดูแลจัดการ ทำอะไรด้วยตัวเอง พูดจาเหมือนผู้ใหญ่ ทำท่าทางเข้มแข็ง ไม่ยอมร้องไห้ให้ใครเห็น
เรื่องของโคทาโร่ มาจากซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Kotaro lives alone สร้างมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อเรื่องเดียวกัน
ในซีรีส์จะบอกเอาไว้ทุกตอนว่า เรื่องราวทั้งหมดถูกแต่งขึ้น ทำให้มีบางอย่างอยู่เกินความจริงไปสักหน่อย โดยเฉพาะการที่ให้เด็กอายุ 5 ขวบอาศัยอยู่ตัวคนเดียว
ถ้าไม่คิดถึงความเกินจริงตรงนั้น ซีรีส์เรื่องนี้สนุก น่าติดตาม ทุกตอนมีความอบอุ่นประทับใจ ให้ข้อคิดโดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับการดูแลและปฏิบัติต่อเด็ก จึงขอนำมาเล่าแบ่งปันในโอกาสนี้
(ข้อความต่อไปนี้เปิดเผยเนื้อหาของซีรีส์)
โคทาโร่มีเพื่อนบ้านที่อยู่อพาร์ตเมนท์เดียวกันหลายคน หนึ่งในนั้นคือ ‘คาริโนะ’ ชายหนุ่มวัยกลางคนที่อาศัยอยู่ห้องติดกัน
คาริโนะเองก็อยู่คนเดียว มีอาชีพเป็นคนวาดการ์ตูน แต่ว่าไม่มีงานเป็นชิ้นเป็นอันมาสักระยะ ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ค่อยรับผิดชอบทั้งตัวเองหรืองานที่ต้องทำ ทั้งที่เดิมเขาก็เคยประสบความสำเร็จได้รางวัลวาดการ์ตูนระดับประเทศ
เมื่อคาริโนะรู้ว่าโคทาโร่ย้ายมาอยู่ห้องติดกัน ตอนแรกก็ทำทีไม่สนใจ แต่ด้วยความรู้สึกเป็นห่วง และความมีมนุษยธรรมในใจ ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองควรจะดูแลโคทาโร่
จากวันแรกที่พบกัน เขาเดินไปโรงอาบน้ำสาธารณะเป็นเพื่อน ตามมาด้วยการพาไปโรงเรียนอนุบาล หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์มากมายที่ทำให้ทั้งคู่รู้จักและสนิทกันมากขึ้น
บางครั้งที่โคทาโร่นอนละเมอ เดินมาขอนอนในห้องของคาริโนะและบอกว่าไม่อยากอยู่คนเดียว
แต่พอตอนเช้ากลับบอกว่า "คนตอนกลางคืนไม่ใช่ผมนะ แต่เป็นคนอื่น ไม่ต้องสนใจ อย่าให้ผมเข้ามานอนด้วยนะ”
ที่โคทาโร่บอกแบบนั้น เพราะว่าไม่อยากดูเป็นคนอ่อนแอ โคทาโร่อยากเข้มแข็ง ดูแลตัวเองให้ได้เร็วๆ ทั้งที่จริงๆ โคทาโร่ก็เหงา กลัว ไม่อยากอยู่คนเดียวหรอก
มันมีเหตุผลเบื้องหลังอยู่ว่า ทำไมโคทาโร่ต้องมาอยู่คนเดียว และทำไมเขาถึงอยากจะเข้มแข็งเร็วๆ
โคทาโร่เดิมอาศัยอยู่กับพ่อแม่ แต่พ่อของโคทาโร่มีปัญหาการควบคุมอารมณ์ ชอบใช้ความรุนแรงกับคนในครอบครัว
แม่ของโคทาโร่มักถูกพ่อทำร้ายบ่อยๆ สุดท้ายพ่อถูกตำรวจจับ แม่ก็มีเหตุทำให้ต้องออกไปจากบ้าน หลังจากนั้นก็มีคนจัดการให้โคทาโรไปอยู่ที่อพาร์ตเมนท์ โดยเชื่อว่าจะปลอดภัยกับโคทาโร่มากกว่า
โคทาโร่คิดตลอดว่าเรื่องที่พ่อต้องถูกตำรวจจับเป็นความผิดของเขา ถ้าเขาทำตัวดีๆ ดูแลตัวเองได้ เข้มแข็งกว่านี้ พ่อก็อาจไม่ต้องโมโหบ่อยๆ แม่จะได้ไม่ต้องถูกพ่อทำร้าย และพ่อก็ไม่ต้องถูกตำรวจจับ ตอนนี้ทุกคนก็คงได้อยู่ด้วยกัน
ทั้งที่จริงๆ แล้วเรื่องที่เกิดไม่ได้เกี่ยวกับโคทาโร่ แต่ธรรมชาติของเด็กเล็กๆ มักจะมีความคิดว่าเรื่องร้ายๆ บางอย่างเกิดขึ้นเพราะการกระทำไม่ดีของเขาที่ผ่านมา
โคทาโร่จึงพยายามทำอะไรด้วยตัวเอง มีความเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ
2
แต่เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก แม้ว่าจะพยายามเพียงใด แต่ก็ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของผู้ใหญ่ในหลายๆ เรื่องเสมอ
"เด็กก็คือเด็ก ถึงจะทำอะไรได้เอง แถมบางคนเหมือนจะโตกว่าอายุ แต่เด็กก็ควรได้รับการดูแลปกป้องจากผู้ใหญ่ เราไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้ไป"
เป็นคำพูดหนึ่งของตัวละครในเรื่อง ที่ฟังแล้วประทับใจ
ผู้ใหญ่โดยเฉพาะพ่อแม่ที่เป็นบุพการีเองก็มีหน้าที่ที่จะดูแลปกป้องคุ้มครองเด็ก ไม่ทอดทิ้ง หรือทำร้ายร่างกายและจิตใจ
อย่างไรก็ตามเด็กบางคนก็ไม่ได้โชคดี อาจอยู่ในครอบครัวที่ไม่พร้อม มีปัญหาบางอย่าง เช่น โคทาโร่
แต่ในความโชคร้ายนั้นบางทีก็มีเรื่องดีๆ อยู่บ้าง โคทาโร่ได้พบกับคาริโนะ และเพื่อนบ้านคนอื่นๆ ที่ดีกับเขา
ถ้าเด็กได้เจอผู้ใหญ่ที่ดี คอยดูแลและช่วยเหลืออย่างจริงใจ บวกกับพื้นฐานที่ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวเดิมอยู่บ้าง เด็กก็จะมีภาพจำที่ดีๆ เป็นกำลังใจให้สามารถเติบโตผ่านพ้นช่วงเวลาต่างๆ ไปได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากคาริโนะจะช่วยดูแลช่วยเหลือโคทาโร่ ในทางกลับกันโคทาโร่ก็เป็นแรงกระตุ้นให้คาริโนะตั้งใจทำงานเขียนการ์ตูน
ผู้ใหญ่อย่างคาริโนะคิดว่าต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ดูแลตัวเองให้ดีขึ้น เขาจึงจะสามารถดูแลโคทาโร่ได้ โคทาโร่จะได้ไม่ผิดหวังในตัวเขา
เนื้อเรื่องแต่ละตอนน่ารัก อบอุ่น ประทับใจ ตามสไตล์ซีรีส์ญี่ปุ่น
นักแสดงเด็กที่เล่นเป็นโคทาโร่ น่ารักน่าเอ็นดู ดังนั้นถ้าอยากดูซีรีส์สักเรื่องที่ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น แนะนำเรื่องนี้เลย
นอกจากข้อคิดในเรื่องการดูแลเลี้ยงดูเด็ก ความสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคม บทบาทหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กๆ ก็ยังทำให้เห็นจุดที่เด็กๆ เองก็สร้างความเปลี่ยนแปลงในตัวของผู้ใหญ่ให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้เช่นกัน
หมายเหตุ: หมอไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ จากการเขียนบทความนี้ เพียงแต่ได้ดูซีรีส์และมีข้อคิดมาแบ่งปันสู่คนอ่านเพจค่ะ
#หมอมินบานเย็น
โฆษณา