Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ไม่ได้อ่านคนเดียว
•
ติดตาม
14 ส.ค. 2021 เวลา 17:20 • หนังสือ
The Alchemist ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน
Paulo Coelho เขียน
กอบชลี และกันเกรา แปล
The Alchemist เป็นหนังสือที่นักอ่านโดยส่วนใหญ่รู้จัก เป็นหนังสือที่ขายได้กว่า 85 ล้านเล่ม แปลไปแล้ว 83 ภาษา และแน่นอน หลายๆท่านก็ได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ไปเรียบร้อย
ต้องขอออกตัวว่า เราก็ได้ไปฟังรีวิว จาก “Readery podcast” มาแล้วเหมือนกัน จากที่ตอนแรกตั้งใจว่า อ่านจบแล้วจะเขียนรีวิวเลย ก็ต้องรอไว้ก่อน เพราะกลัวจะไปลอกรีวิวจาก Readery podcast โดยไม่ตั้งใจ เพราะเขารีวิวได้ดีมากจริงๆ แล้วก็ไม่ว่าจะรีวิวเล่มไหน เราก็อยากที่จะอ่านทุกเล่มที่เราฟังรีวิวจาก Readery podcast หากมีส่วนไหนที่ไปเหมือนกับทาง Readery podcast ต้องขอบอกว่าไม่ตั้งใจไว้ก่อนเลย และขอให้เครดิตกับทาง Readery podcast ไว้ด้วยความเคารพ
จากตอนแรกที่ว่าจะทิ้งไว้นานมากๆ ก่อนจะรีวิว แต่ด้วยความใจดีของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ได้ส่ง “The Alchemist” ฉบับพิมพ์ใหม่ เราก็เลยกลับมาอ่านอีกรอบหนึ่ง น่าจะยังพอจำกันได้ว่าฉบับพิมพ์เดิมจะเป็นหน้าปกสีส้มอิฐเป็นรูปพีระมิด ส่วนหน้าปกใหม่เป็นหน้าปกสีดำ หรือออกน้ำเงินเข้มแล้วมีสีทองคาดคล้ายๆกับทะเลทราย มีรายละเอียดตรงสันปกด้วย เรียกได้ว่าพิมพ์ใหม่ครั้งนี้เอาใจนักเก็บสะสมหนังสือเลยทีเดียว
แต่การอ่านรอบสองก็ยังคิดว่าเก็บรายละเอียดได้ไม่พอ ในอนาคตคงต้องมีอ่านรอบสามแน่ๆ เพราะหนังสือเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ตัวเราก็ไม่รู้จะตีความได้ตรงกับที่ผู้เขียนต้องการสื่อหรือเปล่า หรือบางที การอ่านรอบที่ 3 เราอาจจะคิดไม่เหมือนกับการอ่านรอบแรกหรือรอบสองก็เป็นได้ คงเป็นเสน่ห์ของการอ่านหนังสือซ้ำ ที่การอ่านแต่ละรอบ แต่ละช่วงประสบการณ์ สิ่งที่ตีความได้จากหนังสือจะเปลี่ยนไป
2
เราไม่ได้สปอยตอนจบว่าสุดท้ายเป็นอย่างไร เพราะอยากให้ลุ้นไปกับตัวเอก แต่ก็จะมีเปิดเผยบทสนทนาบางส่วน เพราะฉะนั้น เพื่อนๆนักอ่าน อาจจะไปลองหาซื้อมาอ่านกันก่อนก็ได้
The Alchemist เป็นเรื่องราวการเดินทางตามหาขุมทรัพย์ของซานติเอโก เด็กเลี้ยงแกะ ซึ่งในระหว่างทาง เขาก็พอเจอกับเรื่องราวต่างๆมากมาย ในระหว่างที่เดินทางข้ามทะเลทราย
“แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุผลประการเดียว นั่นคือไม่ว่าจะต้องเดินอ้อมอีกสักกี่ครั้ง กองคาราวานจะมุ่งหน้าไปยังจุดเดียวเสมอ หลังจากฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายแล้ว กองคาราวานจะกลับมาสู่เส้นทางโดยอาศัยดาวดวงหนึ่งซึ่งแสดงตำแหน่งของโอเอซิส เมื่อคนเห็นดาวดวงนั้นส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้ายามเช้า พวกเขาก็รู้ว่ามันกำลังพาไปยังสถานที่ที่มีผู้หญิง น้ำ อินทผลัม และต้นปาล์ม”
เราเองก็ได้ยินมาหลายครั้ง อ่านหนังสือมาหลายเล่ม ว่าการใช้ชีวิต ควรจะต้องมีเป้าหมาย แล้วเราต่างก็หาวิธีทางต่างๆเพื่อจะไปให้ถึงมัน เส้นทางแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนถึงเร็ว บางคนถึงช้า บางครั้งต้องเดินอ้อม บางครั้งต้องว่ายน้ำข้ามทะเล แต่เราต่างก็พยายามที่จะเดินทางไปให้ถึงจุดหมายให้ได้ ถ้ามองดูสถานการณ์ตอนนี้ที่หนักหน่วง บางคนอาจจะไม่ได้เดินอ้อม แต่อาจจะจำเป็นต้องหยุดพักซะด้วยซ้ำ เพื่อไม่ให้เจ็บตัวไปมากกว่านี้ แต่สุดท้ายถ้าเรารอดไปได้ เราคงจะได้เริ่มเดินทางใหม่ในสักวัน
ในตอนกลางๆเรื่อง ซานติเอโก ตัวเอกของเรื่องต้องเจอกับสงครามระหว่างเผ่า เพื่อนร่วมเดินทางของเขากังวลว่ามันจะมีอันตรายเกิดขึ้นหรือเปล่า ชายในขบวนคาราวานคนหนึ่งได้ตอบว่า “เมื่อกลับไม่ได้ เราก็ควรกังวลเรื่องที่จะมุ่งไปข้างหน้าให้ดีที่สุดเท่านั้น...”
มันก็คงเหมือนกับตอนนี้ ที่หลายๆคนตกอยู่ในความลำบาก มองไม่เห็นถึงอนาคต แต่เราก็คงจะทำอะไรไม่ได้จริงๆ นอกจากหาทางเอาตัวรอด และคิดถึงแต่ปัจจุบันเท่านั้น
ซานติเอโกกับเพื่อนร่วมทางชาวอังกฤษของเขามีความแตกต่างกัน ซานติเอโกชอบที่จะมองชีวิตความเป็นไปในคาราวาน ในขณะที่เพื่อนร่วมทางชาวอังกฤษชอบที่จะอ่านหนังสือมากกว่า
1
“ ‘คุณต้องใส่ใจกองคาราวานให้มากกว่านี’ ซานติเอโกบอกชายชาวอังกฤษ ‘ส่วนเธอก็ควรอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับโลกนี้ให้มากขึ้น’ ชายชาวอังกฤษตอบ ‘หนังสือก็เหมือนกองคาราวานนั่นแหละ’
“คืนหนึ่งชายชาวอังกฤษนอนไม่หลับ เขาจึงปลุกเด็กหนุ่มแล้วพากันไปเดินเล่นบริเวณเนินทรายรอบๆค่าย คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง เด็กหนุ่มเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาให้ชายชาวอังกฤษฟัง”
‘ฉันต้องใส่ใจกองคาราวานให้มากกว่านี้’
‘ส่วนผมเองก็ต้องอ่านหนังสือของคุณ’ เด็กหนุ่มพูด”
เมื่อเราไม่เข้าใจกัน เพราะความแตกต่าง เมื่อต่างฝ่ายต่างพูดคุยกัน ก็ทำให้แต่ละฝ่ายอยากเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และอยากเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น
ซานติเอโกลองอ่านหนังสือของชายชาวอังกฤษ ในขณะที่ชายชาวอังกฤษก็ลองสนใจในกองคาราวาน
แต่... ซานติเอโกไม่ได้เจออะไรใหม่จากหนังสือของชายชาวอังกฤษ ในขณะเดียวกัน ชายชาวอังกฤษก็ไม่เจออะไรจากการใส่ใจในกองคาราวานเช่นเดียวกัน
“ ‘แต่ละคนต่างมีวิธีเรียนรู้ของตนเอง’ เขาพูดกับตัวเอง ‘วิธีของเขาไม่เหมือนของฉัน และวิธีของฉันก็ไม่เหมือนของเขา กระนั้นเราทั้งคู่ต่างกำลังค้นหาชะตาชีวิตของตนเอง และฉันนับถือเขาในเรื่องนี้’”
แต่ละคนต่างมีเส้นทางเป็นของตัวเอง มีวิธีการเรียนรู้ วิธีการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน บางครั้งเหตุการณ์เดียวกัน คนสองคนต่างตัดสินใจที่จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร ต่อเหตุการณ์นั้นๆไม่เหมือนกัน คงจะวัดไม่ได้ว่าแบบไหนดีกว่า แบบไหนถูกหรือผิด เพราะแต่ละคนผ่านประสบการณ์มาไม่เหมือนกัน สภาวะแวดล้อมไม่เหมือนกัน เราทำได้เพียง เคารพในวิธีการตัดสินใจของผู้อื่นเท่านั้นเอง
ผู้เขียน ไม่ได้เขียนถึงแค่การค้นหาความหมายของชีวิตจากการตามหาขุมทรัพย์ของซานติเอโก ตัวเองของเรื่อง
แต่ผู้เขียน เขียนถึงความรักด้วยเช่นกัน ซานติเอโกมีความรักระหว่างการเดินทาง เป็นรักแรกพบที่เขาพบในโอเอซิสกลางทะเลทราย ซึ่งทำให้เขาลังเล ว่าเขาควรจะลงหลักปักฐานกับผู้หญิงที่เขารัก หรือควรจะเดินทางตามหาขุมทรัพย์ต่อไป
หญิงสาวที่ซานติเอโกรักได้บอกว่า “ฉันเป็นผู้หญิงแห่งทะเลทรายและฉันภูมิใจที่เป็นเช่นนี้ ฉันอยากให้ชายอขงฉันก้าวไปอย่างอิสระเฉกเช่นสายลมที่พัดเนินทราย และเป็นส่วนหนึ่งของก้อนเมฆ ของผองสัตว์ และของสายน้ำเช่นกัน”
บางทีความรักอาจจะไม่ใช่การอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง อาจจะต้องมีห่างไกลกันบ้าง เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างไปตามหาความฝันของตัวเอง
1
เมื่อซานติเอโกตัดสินใจได้ เขาก็เดินทางอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเดินทางไปกับนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่เขากลับคิดถึงคนรักของเขาตลอดเวลา
“ ‘ อย่าคิดถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง’ ชายนักเล่นแร่แปรธาตุเอ่ยขึ้น ขณะพวกเขาเริ่มควบม้าไปตามผืนทราย ‘ทุกสิ่งนึกไว้แล้วในจิตของโลกและจะคงอยู่ที่นั่นตลอดไป’
‘คนเราย่อมฝันถึงการกลับมามากว่าการจากไป’ เด็กหนุ่มตอบขณะทำความคุ้นเคยกับความเงียบของทะเลทราย
‘หากสิ่งที่เจ้าพบสร้างขึ้นจากสสารบริสุทธิ์ มันจะไม่มีวันเน่าเปื่อย และเจ้าย่อมกลับไปได้ในวันหนึ่ง หามันเป็นแค่แสงสว่างชั่วขณะเฉกเช่นการระเบิดของดาวดวงหนึ่ง เมื่อเจ้ากลับไปจะไม่พบอะไร แต่เจ้าก็ได้เห็นการระเบิดของแสงกว่ง เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว’
นักเล่นแร่แปรธาตุ ใช้ภาษาของการเล่นแรแปรธาตุมาอธิบายถึงความรัก หากรักนั้นเป็นรักที่แท้จริง เมื่อซานติเอโกกลับไป เขาก็ยังจะพบเจอความรักนั้นอยู่ แต่หากว่ามันไม่ใช่ อย่างน้อยเขาก็ได้รู้จักถึงความรัก
เมื่อเดินทางจนถึงใกล้จุดหมายปลายทาง ซานติเอโกพบว่าใจของเขาเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ โดยพูดถึงขุมทรัพย์ ชะตาชีวิต เขาได้เล่าให้นักเล่นแร่แปรธาตุฟัง สิ่งที่นักเล่นแร่แปรธาตุบอกกับซานติเอโก มันคือความจริงของชีวิต เขาบอกว่า การทำความฝันให้เป็นจริง โลกจะทดสอบเราทุกสิ่งทุกอย่าง หลายคนยอมแพ้กับการทดสอบ แต่สิ่งที่เราต้องทำคือเอาชนะบทเรียนจากการเรียนรู้ประสบการณ์ระหว่างที่เราเดินทางตามหาความฝัน
ความฝันของหลายคนไม่เหมือนกัน บางคนฝันเล็กบางคนฝันใหญ่ บางคนมีหลายฝัน บางคนมีแค่ฝันเดียว สิ่งที่เราคงจะยังทำอยู่ได้ก็คือเดินทางตามความฝันต่อไป ไม่ผิดถ้าบางฝันไม่สำเร็จ ไม่ผิดที่อาจจะเปลี่ยนความฝัน ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา
ตอนท้ายๆของเรื่องซานติเอโกเจออุปสรรคใหญ่ ซึ่งทำให้เขาหวาดกลัวและสิ้นหวังมาก แต่นักเล่นแร่แปรธาตุก็ได้บอกเขาว่า “อย่ายอมแพ้ต่อความสิ้นหวัง.... มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้ความฝันเป็นไปไม่ได้ นั่นคือการกลัวความล้มเหลว”
สุดท้ายซานติเอโกจะตามหาสมบัติเจอหรือเปล่า จะได้กลับมาเจอคนรักหรือเปล่า อยากให้ลองอ่านกัน
1
และสุดท้ายจริงๆ ตอนนี้หลายๆคนก็คงสิ้นหวัง เพราะหลายๆอย่างเราก็ควบคุมอะไรไม่ได้เลย เรามองไม่เห็นทางออกว่าจะแก้ปัญหายังไง เราเองก็คงได้แต่เป็นกำลังใจให้กับทุกคน แม้ว่ามันจะช่วยอะไรไม่ได้เลย แต่อย่างน้อย การเข้าใจ เห็นอกเห็นใจกัน ให้กำลังใจ มันก็เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ที่จะให้ต่อกันได้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นสถานการณ์โควิด19นี้ไปให้ได้
8 บันทึก
16
1
10
8
16
1
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย