19 ส.ค. 2021 เวลา 11:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
ทำความรู้จัก Rebalancing
เทคนิคทำกำไร สายเทรดใช้ได้ สาย Hold ใช้ดี
ประสบการณ์ตกรถหรือติดดอยนั้นเชื่อว่านักเทรดทุกคนน่าจะเคยเจอกันมาหมดแล้ว ขนาดดูกราฟเป็นวิเคราะห์กราฟแม่น แต่บางครั้งเวลาตลาดลงหนัก ๆ เราก็เกิดความกลัวที่จะลงต่อจนไม่กล้าช้อน หรือตลาดขึ้นแรง ๆ เราก็เกิดความโลภคิดว่าจะขึ้นต่อเลยกดซื้อ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเสี่ยง
และเมื่อการเทรดของเราขึ้นอยู่กับอารมณ์เป็นหลักทำให้การเทรดนั้นไม่เป็นระบบ และมีโอกาสที่พอร์ตจะติดลบได้ง่าย ๆ สำหรับนักเทรดมือใหม่ที่ใจยังไม่นิ่งพอ
1
แต่จะให้ถือ Hold ไว้เฉย ๆ แบบนักลงทุนสาย VI นั้นก็มักทำกำไรได้น้อยกว่าสายเทรดเป็น ๆ
ดังนั้นแอดเลยเสนอเทคนิคที่จะทำให้สายเทรด และสาย Hold สามารถทำให้พอร์ตโตได้ดีกว่าเดิมนั่นคือเครื่องมือที่ชื่อว่าการทำ Rebalancing นั่นเอง
.
ว่าแล้วก็อย่าเสียเวลาไปดูกันเลยดีกว่า..
.
ปล.การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
=========================
ถ้าใครชอบคอนเทนต์แบบนี้ ฝากกดไลค์ กดติดตาม เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ
.
ส่วนใครสนใจลงทุนในกองทุน Rebalancing ของ Definix ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมใน Telegram นี้ได้เลยค่า : https://t.me/SIXnetworkTH
.
ส่วนใครกำลังหาเว็บเทรดดี ๆ เอาไว้เทรดต้อง ZIpmex เลยค่า สมัครลิงค์นี้ได้เลย : https://trade.zipmex.co.th/accounts/sign-up?aff=stockerday
Rebalancing ไม่ใช่อินดิเคอร์สำหรับการทำกำไร แต่เป็นเทคนิคหนึ่งในการบริหารความเสี่ยงเท่านั้น
โดยหลักการทำงานของ Rebalancing คือการปรับพอร์ตให้สมดุลอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่เรากำหนดไว้ ซึ่งประเภทของการ rebalancing นั้นก็จะมีอยู่ด้วยกันสองประเภท
1.Periodic-based หรือการปรับพอร์ตตามเวลา เช่น 1 ชั่วโมง 1 วัน 1 เดือนก็สามารถทำได้ เช่นเรามี Asset อยู่ 4 เหรียญได้แก่ A B C และ D ในมูลค่าอัตราส่วน 25% เท่า ๆ กันรวมกันเป็น 100% และตั้งให้ Rebalance ทุก ๆ 24 ชั่วโมง
เมื่อเวลาผ่านไปครบ 24 ชั่วโมง มูลค่าของแต่ละ Asset เปลี่ยนไปเป็น A 20% B 30% C 23% และ D 27% สิ่งที่ Rebalancing ทำคือนำ Asset B และ D ไปขาย และนำเงินที่ได้ไปซื้อ Asset A และ C เพื่อให้มูลค่าของทุก Asset กลับมาที่ 25% เท่ากันอีกครั้ง
2.Threshold หรือการปรับพอร์ตตามเปอร์เซ็นต์ของ Asset ที่เปลี่ยนไป หากเรามี Asset อยู่ 4 เหรียญได้แก่ A B C และ D ในมูลค่าอัตราส่วน 25% เท่า ๆ กันรวมกันเป็น 100% และตั้งให้ Rebalance ตาม Threshold +-5%
แต่ถึงอย่างงั้นในตลาดที่เป็นขาลงการใช้ Rebalancing ใช่ว่าจะทำแล้วได้กำไร แต่แค่อาจจะขาดทุนน้อยกว่าถือปกติแค่นั้นเอง
ซึ่งจากงานวิจัยก็พบว่าช่วยที่ตลาด Sideway จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำ Rebalancing เพราะมีความผันผวนของราคาที่มาก แต่ราคายังคงที่ไม่ไปไหน ซึ่งในแต่ละปีนั้นกราฟจะมีช่วงเวลา sideway มากถึง 60% ของทั้งหมด ดังนั้นต่อให้ทำ Rebalancing ทั้งปีก็ยังมีกำไรที่มากกว่าการถือไว้เฉย ๆ อยู่ดี
โดนได้มีการทำ Backtest ทดสอบระหว่างการถือเหรียญไว้เฉย ๆ กับการทำ Rebalancing ก็พบว่าการทำ Rebalancing นั้นทำให้พอร์ตโตมากกว่า
โดยวันนี้แอดยกสถานการณ์มาให้ดู 3 ช่วง
1.ช่วงตลาด Sideway เหมือนบิทคอยตอนนี้ที่อยู่ประมาณ 3-4 หมื่นดอลล่า กับถือเงิน usdt ไว้ในมูลค่าที่เท่ากัน
ถ้าเราถือไว้โดยไม่ทำอะไรเลยช่วง Sideway ทั้ง Bitcoin และ USDT ก็จะมีมูลค่าที่เท่าเดิม
ในทางกลับกันถ้าทำการ Rebalancing สองเหรียญนี้เมื่อมูลค่าของ Bitcoin ขึ้นไปมากกว่า USDT ก็จะทำการขาย Bitcoin ออกมาเป็น USDT พอราคา Bitcoin ลงมาต่ำ ๆ ก็จะซื้อกลับมา ซึ่งการซื้อ ๆ ขาย ๆ อยู่ตลอดนี้เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้พอร์ตของเรามีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้
1
2.ช่วงตลาด Pump and Dump หรือช่วงที่มีการปั่นราคาขึ้นไป แล้วทุบลงมา
ยกตัวอย่างเช่นเหรียญ XRP ที่มีการนัดกันปั่น ถ้าใคร Hold XRP ไว้สุดท้ายก็จะไม่ได้กำไรเพิ่มเพราะไม่ได้ทำการขายที่ยอด
แต่ถ้าทำการ Rebalancing ทุก ๆ ชั่วโมง จะสามารถขาย XRP ได้ทุก ๆ ไม้ที่ขึ้นไป แล้วเวลาลงมาเราก็จะนำเงินมาช้อนซื้อใหม่เพื่อให้พอร์ตกลับมาสมดุลอีกครั้ง
3.ช่วงตลาด Flash Crash and Recover เช่นเดียวกับช่วงเวลาที่มีการทุบแล้วลากราคากลับขึ้นไป
ถ้าใครที่เป็นสาย Hold ก็อาจจะไม่ได้ซื้อเพิ่ม แต่ถ้าทำ Rebalancing ก็จะทำการซื้อให้อัตโนมัติ
(ในกรณีที่ตั้งตาม Threshold นะ แต่ถ้าตั้งตามเวลาถาขึ้นลงเร็วมาก ๆ อาจจะซื้อทัน ขึ้นอยู่กับเวลาที่ตั้งไว้ด้วย)
โฆษณา