ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว ทางออกเกษตรกรรมและอารยธรรมมนุษย์
“เป้าหมายสูงสุดของเกษตรกรรม ไม่ใช่การเพาะปลูกพืชผล แต่คือการบ่มเพาะความสมบูรณ์แห่งความเป็นมนุษย์” มาซาโนบุ ฟูกูโอกะ ได้ว่าไว้เช่นนั้น
ซึ่งคำกล่าวดังกล่าวได้แสดงทัศนะต่อเกษตรกรรมที่มีความสำคัญยิ่งกับชีวิตมนุษย์ มากกว่าการค้าขายกำไร มากกว่าการทำกิน ลึกซึ้งลงไปในธรรมชาติของความเป็นมนุษย์
มาซาโนบุ ฟูกูโอกะ
มาซาโนบุ ฟูกูโอกะ ท่านพบว่าการปฏิวัติเขียวที่ใช้เทคโนโลยี เครื่องจักร เคมี อุตสาหกรรม มุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิต ลดระยะเวลา แข่งขันค้าขาย โดยไม่มองผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในธรรมชาติที่เป็นอยู่ ได้สร้างความยุ่งยากในวิถีชีวิตมนุษย์และจะนำมนุษย์ไปสู่ทางตีบตัน ทำลายอารยธรรมของมนุษย์ ทำลายระบบธรรมชาติ
แปลงทุกอย่างเป็นเงิน
ท่านได้หยิบฟางข้าวหน้ากระท่อมยกให้หนุ่มสาวที่มาเยือนได้เห็นและกล่าวว่า "จากฟางข้าวเส้นเดียวนี้ การปฏิวัติก็สามารถเริ่มต้นขึ้น"
"กับความล่มสลายของมนุษยชาติที่กำลังมาถึง คุณยังหวังจะยึดฟางเส้นเดียวนี้อีกหรือ" เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้พูดกับท่าน
ฟางข้าวเส้นเดียวที่ดูเหมือนไร้ค่า ไร้น้ำหนัก ไร้ประโยชน์ คนส่วนมากอาจไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันมีน้ำหนักมากเพียงใด หากผู้คนรู้คุณค่าที่แท้จริงของฟางนี้ การปฏิวัติของมนุษยชาติก็จะเกิดขึ้น เป็นการปฏิวัติที่ทรงพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศและโลกทั้งโลกเลยทีเดียว
การปฏิวัติดังกล่าวก็คือ การปฏิวัติทางทัศนคติที่มีความตระหนักและสำนึกในคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่ไม่แบ่งแยก ซึ่งดูเผินๆ แล้วเหมือนว่าไร้ค่าเหมือนกับฟางข้าวในท้องทุ่งนาซึ่งมีคุณค่ามากมายเกี่ยวร้อยเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ระบบนิเวศ โลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดตัดขาดออกจากกัน
นี่คือการปฏิวัติที่แท้จริงที่การกระตุ้นทัศนคติให้คนมองธรรมชาติอย่างลึกซึ้งให้เข้าใจความเชื่อมโยงที่มากกว่าที่เรารับรู้ และต้องยอมรับว่าเราเป็นผู้ไม่รู้อีกมากมายเช่นกัน การเคารพ นอบน้อมต่อธรรมชาติไม่แบ่งแยกจึงเป็นหนทางที่จะนำมนุษย์กลับสู่ความปกติสุข
ธรรมชาติไม่แบ่งแยก
"กล่าวกันว่าไม่มีสัตว์โลกชนิดใดที่ฉลาดเท่ากับมนุษย์และโดยอาศัยปัญญาดังกล่าว คนเราจึงเป็นสัตว์โลกชนิดเดียวที่สามารถทำสงครามนิวเคลียร์ได้" มาซาโนบุ ฟูกูโอกะ ได้ว่าไว้เช่นนั้น ความก้าวหน้ามากมายเกิดขึ้นมาเพื่อทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเอง ฟูกูโอกะเชื่อว่าเกษตรธรรมชาติ การบำรุงรักษาผืนแผ่นดินและการชำระจิตใจมนุษย์ให้บริสุทธิ์เป็นกระบวนการเดียวกัน การแบ่งปันที่ไม่ใช่การแข่งขัน ความรักที่ไม่ใช่สงคราม
เกษตรธรรมชาติที่ฟูกูโอกะเน้นย้ำ คือ หลักอกรรม(ไม่กระทำ)ในสิ่งที่จะเข้าไปแทรกแซงธรรมชาติที่มันควรจะเป็นไป วิทยาศาสตร์ที่เค้ากำลังทำและวิจัยอยู่ตอนนั้นเป็นการแยกส่วนต่างๆของธรรมชาติออกมาศึกษาแล้วใส่สิ่งที่มนุษย์คิดค้นออกมาเข้าไปในงานเกษตรและต้องเจอกับความยุ่งยากตามมามากมาย ต้องศึกษาวิจัยเพิ่มไม่รู้จบ จนเค้ามาค้นพบว่าธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวไม่แยกออกจากกัน วิทยาศาสตร์แบบแยกส่วนที่กำลังทำยิ่งทำให้ถอยห่างจากธรรมชาติ สร้างความยุ่งยากมากขึ้นไปอีกแทนที่จะเป็นสิ่งเรียบง่าย เค้ากลับมาสังเกตุธรรมชาติ ทำในสิ่งที่จะสนับสนุนให้สิ่งต่างๆเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติที่ควรจะเป็น
เหมือนคำที่ว่า ถ้าคุณมองรากคุณก็จะไม่เห็นต้นไม้ ถ้าคุณมองต้นไม้ก็จะไม่เห็นป่า ถ้าคุณมองป่า คุณก็จะไม่เห็นธรรมชาติภูเขาแม่น้ำลำธารอันยิ่งใหญ่ แนวทางของท่านคือไม่กระทำในสิ่งที่จะไปตัดความสัมพันธ์ของธรรมชาติ สิ่งที่กระทำก็คือ ส่งเสริมคล้ายตามและเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
ท่านได้ปฏิวัติทางทัศนคติอย่างถึงรากฐานโดยยกเอาฟางข้าวขึ้นมา ซึ่งได้แสดงให้คนประจักษ์ว่า ธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่กว่าสารเคมีและประดิษฐกรรมทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ทั้งปวง
- 15
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
