#บังเอิญหรือล่วงรู้…
โดย มิสมาต้า
อินไซเดอร์หรือแค่คาดการณ์
เจฟฟ์ เบโซส์ อภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกคนล่าสุดจากการจัดอันดับของ ฟอร์บส ด้วยทรัพย์สินรวม 177 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
ผู้ก่อตั้งบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่างอเมซอนเมื่อปี 1994 ที่ปัจจุบันเพิ่งเปลี่ยนจากตำแหน่ง CEO มาดำรงตำแหน่ง Executive Chairman เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ปีนี้
แต่กลับทำให้ตัวเลขทรัพย์สินนำพาความรวยพุ่งแซงหน้าคู่แข่งคนอื่นขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง รวมทั้งยังหนีบให้ อีลอน มัสก์ แห่งอุตสาหกรรมพลังงานและรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาอยู่อันดับสองในปีนี้
นอกจากเขาจะมีกิจการอีคอมเมิร์ซดังกล่าวแล้ว เจฟฟ์ เบโซส์ ยังเคยได้บินขึ้นไปยังอวกาศด้วยการโดยจรวด “นิว เชปเพิร์ด” ของบริษัท “บลู ออริจิ้น” ซึ่งเขาเองนี่แหละที่เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาด้วยตัวเอง เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา
หรือเพียง 15 วัน ภายหลังจากที่ ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าพ่อเวอรจิน มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัท “เวอร์จิน กาแล็กติก” แห่งธุรกิจท่องเที่ยวอวกาศภายในเครือ “เวอร์จิน กรุ๊ป" ที่รวมไปถึงธุรกิจเพลงค่ายเวอร์จิน เรคคอร์ดส อันโด่งดังระดับตำนานของวงการเพลง
ได้เดินทางออกนอกโลกด้วยจรวด “วีเอสเอส ยูนิตี” (VSS Unity) แล้วได้มุ่งเข้าสู่วงโคจรต่ำ รวมทั้งยังได้ทดลองใช้ชีวิตแบบภาวะไร้น้ำหนักอยู่ในจรวดนั้น
ในแวดวงมหาเศรษฐีระดับบิลเลียนแนร์ส เคยมีมหาเศรษฐีที่มีนิสัยรักกีฬาบางคนเดินทางเข้าสู่วงโคจรของกีฬาผ่านการสร้างทีม หรือซื้อทีมมาบริหารงาน โดยมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไปตามหัวใจรักกีฬาของแต่ละคน
ซึ่ง เจฟฟ์ เบโซส์ ก็เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีส่วนน้อยนั้นที่เลือกมาหาความสนุกจากอุตสาหกรรมกีฬา
ด้วยการส่งบริษัทในเครือที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Amazon Prime Video ไปลุยการถ่ายทอดกีฬา จนเป็นผู้ชนะในการประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดลีกเอิงของฝรั่งเศส ด้วยเม็ดเงินราว 275 ล้านยูโร เมื่อราว 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
มาถึงบรรทัดนี้แล้ว ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านคงจะพอเดาได้แล้วว่าผู้เขียนกำลังจะเขียนถึงอะไรในพารากราฟถัดไป
ในขณะที่สาวกอาซูลกรานาทั่วโลกต่างตกใจกับการสิ้นสุดชีวิตนักฟุตบอลที่บาร์เซโลน่าของ ลีโอเนล เมสซี
ในเวลาเดียวกันแฟนบอลปารีส แซงต์-แชร์กแมงต์ ยังตกตะลึงกับดีลแห่งศตวรรษที่มีมูลค่าราว 70-100 ล้านยูโร ที่พึ่งจบลงไป
แต่ชายวัย 57 ปี จากนิวเม็กซิโก ไม่ได้ตื่นตระหนกกับการย้ายทีมในวันที่ 11 สิงหาคมนั้นแม้แต่น้อย
เพราะในเมื่อกูรูกีฬาหลายคนคาดได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนสิ้นสุดลงแล้ว ว่า ลีโอเนล เมสซี คงจะโบกมือลาบาร์เซโลนาด้วยความจำเป็นหลายอย่าง
ทำไมคนระดับ เจฟฟ์ เบโซส์ จะไม่ล่วงรู้อนาคต
เพราะด้วยข้อมูลทุกอย่างที่มีจึงทำให้การตัดสินใจเป็นไปได้ง่ายขึ้น และมีความเสี่ยงน้อยลง
ว่าที่เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดลีกเอิงในตอนนั้น ที่ตอนนี้ถือตารางแข่งขันของสโมสร PSG อยู่ 36 จาก 38 เกมอยู่ในมือ ย่อมคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ลีกอันดับห้าของยุโรปแห่งนี้ในอนาคตอันใกล้
เพราะในฐานะเซียนแห่งวงการธุรกิจ และสุดยอดนักการตลาดอย่างเจ้าของอเมซอน ที่ตลอดการทำธุกิจในช่วง 20 ปีหลัง เขาไม่ได้มีแค่มันสมองกับทีมที่ปรึกษาชั้นเซียนเท่านั้น
เขายังได้คบหากับเหล่าอินไซเดอร์ชื่อดังมากมายหลายคน อันเป็นความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์นำทาง
ซึ่งบนโต๊ะอาหารของคนพวกนี้ การนัดทานข้าวหรือการชวนจิบเครื่องดื่มเกือบทุกครั้ง ก็เพื่อเป็นการเจรจาเพื่อนำข้อมูลเชิงลึกเหล่านั้นมาประกอบการตัดสินใจลงทุน อันเป็นการใช้คอนเนคชันส่วนตัวระดับสูงที่ต้องจ่ายค่าอาหารในราคาแพง เพื่อแลกมาด้วยการหาผลประโยชน์เพื่อนำมาขับเคลื่อนด้วยการเทรดเดอร์ข้อมูลเหล่านั้น
สำหรับโลกของสงครามธุรกิจ นอกเหนือไปจากวิชั่น , คลังสมอง และพลังเงินแล้ว เรื่องของคอนเนคชั่น , เครือข่ายอินไซเดอร์ และ ความรวดเร็วทันใจล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้วัดความสำเร็จในสมรภูมินี้
การย้ายทีมของเมสซีจึงไม่ใช่แค่ทำให้บาร์เซโลน่าเกิดความเสียหาย , ไม่ได้ทำให้แค่ PSG มีมูลค่าสูงขึ้น , ไม่ได้แค่ทำให้ความนิยมของลา ลีกา ตกต่ำลงเท่านั้น
แต่ยังทำให้ลีกเอิงมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอีกด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่ดึง เจฟฟ์ เบโซส์ เข้ามาสู่ธุรกิจนี้
ซึ่งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ลีกแห่งนี้จะมีการถ่ายทอดสดแบบ "สตรีมมิงดิจิทัล" อันเป็นการพาลีกเอิงเข้าสู่ยุคใหม่แห่งโลกลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
Amazon Prime Video ที่ได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดลีกเอิงราว 8 จาก 10 นัดในแต่ละตารางแข่งของแต่ละสัปดาห์ จะแบ่งเกมที่เหลืออีก 2 นัดในหนึ่งสัปดาห์ให้ทาง Canal นำไปถ่าย (แต่ยังไงก็ได้ถ่าย PSG แค่ 2 จาก 38 นัดเท่านั้น)
ข้อสังเกตที่น่าสนใจ และเป็นข้อที่สำคัญมากที่สุดก็คือ เงินราว 275 ล้านยูโร ที่เป็นค่าลิขสิทธิ์ 3 ฤดูกาล
ซึ่งสัญญาของเมสซีมีระยะเวลา 2 ปี พร้อมพ่วงออฟชันปีต่อปีหลังหมดสัญญาเอาไว้อีกด้วย
ดังนั้นผู้เขียนจึงตีความว่าการซื้อลิขสิทธิ์ลีกเอิงของ Amazon Prime Video ย่อมไม่ใช่แค่ความบังเอิญ หรือ จากการคาดการณ์ล่วงหน้าเท่านั้น
แต่เป็นการตั้งใจตัดสินใจกระโดดเข้าสู่สนามแข่งขัน อันเป็นการตัดสินใจภายใต้ข้อมูลข่าวสารผ่านการอินไซเดอร์ในระดับท็อปที่จะถามหาใบเสร็จไม่ได้อย่างแน่นอน
ก็ไม่รู้ว่า โจน ลาปอร์ตา , ประธานลา ลีกา และ รัฐบาลสเปนจะตื่นได้หรือยังว่าการรีดภาษีนักเตะต่างชาติส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับมหภาคมากแค่ไหน
เพราะในบางการกระทำ คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ฟ้ารู้ และ ตัวเรากับเหล่าอินไซเดอร์ก็ย่อมรู้ดี
#PlayNowThailand #khelnow #football #footballgames #PSG
- 12
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
