Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ครูเอลิน่า Elina
•
ติดตาม
16 ส.ค. 2021 เวลา 06:55 • หนังสือ
My Journey with "Books" เล่มที่ 3
"ตื่นรู้" Awareness by OSHO
My Journey with "Books" เล่มที่ 3
และแล้วหนังสือเล่มนี้ก็มาอยู่ในมือผู้เขียนจนได้
เห็นใน YouTube, Google หลายครั้งแต่ก็เฉยๆ
เห็นมีคนนำมาอ่านเป็นหนังสือเสียงก็ปัดผ่าน
แต่มาวันหนึ่งอยากจะศึกษาการตื่นรู้ต่อจาก
การฝึก Mindfulness จึงลองคลิ๊กเข้าไปฟัง
หนังสือเสียง
ก็เช่นเคยคลิ๊กซื้อทันทีเหมือนมันถึงเวลา
ที่จะต้องอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว
และก็ไม่ผิดหวังเหมือนหนังสือทุกเล่ม
ที่อ่านมา ในหนังสือบอกรายละเอียด
เกี่ยวกับการตื่นรู้ได้ชัดเจนมาก
ต่อยอดจาก The Power of Now ที่ฝึกจิต
ให้อยู่กับปัจจุบันเพื่อที่จะตื่นรู้ในหนังสือ
Awareness มันต่อเนื่องกันแบบเหมือน
คนเขียนเป็นคนๆ เดียวกัน นี่แหละ Miracla
แห่งพลังโฟกัส หากเราตั้งใจจริงอยากจะรู้
เรื่องอะไรและใส่ใจกับมัน
ในระหว่างทางจะมีบางสิ่งบางอย่างหยิบยื่น
สิ่งต่างๆ ที่จะสนับสนุนเราให้เราได้รู้ลึกขึ้น
รู้เพิ่มขึ้น รู้กระจ่างขึ้นจนนำมาปรับใช้
ให้เข้ากับรูปแบบชีวิตของเราได้ เพราะ
ในการอ่านหรือการฟังหรือการเรียนรู้นั้นๆ
แต่ละคนจะได้ไม่เท่ากันเพราะแต่ละบุคคล
มีความต้องการ มีภูมิหลังและมีพื้นฐานที่
แตกต่างกัน
แต่อย่างไรก็ตามหนังสือทุกเล่มที่ทุกคน
ได้อ่านก็จะช่วยตอบโจทย์บอกเส้นทาง
เป็นแผนที่บอกทิศทางเดินให้กับเราได้
ดังเช่นหนังสือเล่มนี้ ที่ผู้เขียนตัดสินใจ
แน่วแน่แล้วว่าจะศึกษาศาสตร์แห่งการ
เข้าใจตนเองอย่างถ่องแท้
จึงโฟกัสและจริงจังในการลงมือศึกษา
แล้วข้อมูลต่างๆ ก็จะหลั่งไหลเข้ามา
หาเราเหมือนมีคนมาหยิบยื่นให้ถึงหน้า
ประตูบ้าน
การตื่นรู้ Awareness อธิบายถึงผู้คน
ที่หลับใหลอยู่ในโลกใบนี้ ซึ่งโลกใบนี้นั้น
มีอยู่จริงแต่มนุษย์มองทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่มันเกิดขึ้นตามมุมมองของตนเอง
ไม่ได้เห็นมันตามความเป็นจริงเพราะ
ด้วยการเลี้ยงดู การศึกษา วัฒนธรรม
ของสังคมที่เราเติบโตมาใส่ข้อมูล
และหล่อหลอมให้เราลืมตนเอง
ลืมตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
มันเป็นข้อมูลที่ ที่จริงแล้วมันมีคำสอน
และคำอธิบายแบบนี้มานับพันปีแล้ว
จากทุกศาสนาแต่ข้อมูลอาจไม่มีการ
เผยแพร่ด้วยเหตุผลนานัปประการ
ของนักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา
ที่มีความเชื่อที่แตกต่างกันไปและ
มีการต่อต้าน ปิดบังเพื่ออะไรบางอย่าง
แต่ก็ช่างเถอะ ยุคนี้ ปัจจุบันนี้ วันนี้
และเวลานี้ ข้อมูลต่างๆ ได้ถูกเปิดเผย
และเผยแพร่เป็นวงกว้างขึ้น
และกว้างขึ้นทุกวันโดยโซเชี่ยล
ข้อมูลต่างๆ ได้ถูกแพร่หลายในทั่ว
ทุกมุมโลก เราจึงได้รับรู้ถึงข้อมูล
ที่เป็นสัจธรรมนี้ คำว่าสัจธรรมคือ
ความจริง ความจริงแท้ที่ไม่ว่าจะถูก
เผยแพร่จากที่ใด จากบุคคลใด
จากศาสนาใด จากภาษาใด มันก็แค่
แตกต่างกันที่สถานที่ บุคคล ศาสนา
และภาษาที่ใช้เท่านั้น
แต่ความหมายแก่นแท้ของมันก็จะ
เหมือนกันเป็นหนึ่งเดียว นั่นคือ
ความจริงแท้ ที่เรียกว่า สัจธรรม
มันเป็นสากล มันเป็นสิ่งเดียวกันที่
ถูกเผยแพร่ในที่ต่างกันเท่านั้นเอง
และการตื่นรู้ คือสิ่งเดียวที่มนุษย์
ทุกคนบนโลกใบนี้ควรจะต้องฝึก
ตนเอง เพื่อจะได้ตื่นรู้
มันเป็นเอกภพ คือเป็นทางเดียว
ที่จะทำให้มนุษย์พ้นจากความทุกข์
ทั้งปวงได้
หา!....อะไรนะ พ้นทุกข์ได้งั้นเหรอ?
ที่เคยได้ยินมาคนที่จะพ้นทุกข์ได้ต้อง
เป็นพระพุทธเจ้าหรือเป็นพระปฏิบัติ
เท่านั้นไม่ใช่หรือ??
คนธรรมดาสามัญแบบเราไม่สามารถ
จะพ้นทุกข์ได้หรอกต้องบวชเป็นพระ
เท่านั้นถึงจะฝึกปฏิบัติแบบนี้ได้......
อาจจะมีคนสงสัย....ที่เคยได้ยินมา
และมีคนเล่าหรือมีใครสักคนสั่งสอนมา
ก็จะมีความรู้ที่ได้รับฟังมาว่ามนุษย์เรา
จะต้องมีทั้งสุขและทุกข์ ไม่มีใครเหนือ
มนุษย์ที่มีแต่ความสุขโดยปราศจากทุกข์ไปได้
และหากวันนี้เรามีความสุข ก็จะมีคน
มาเตือนว่า "ระวังนะอย่าสุขให้มากเดี๋ยว
ความทุกข์จะตามมา" "เพราะหากเราสุขมาก
เราก็จะทุกข์มาก มันเป็นสัจธรรม" มีใคร
เคยได้ยินเรื่องพวกนี้ไหม?
แต่ก่อนผู้เขียนเองนี่แหละที่มีความเชื่อ
เช่นนี้และเตือนเพื่อนบ่อยๆ ด้วยประโยคข้างต้น
จึงทำให้ผู้เขียนเป็นคนที่ไม่ยอมอนุญาต
ให้ตนเองเป็นคนที่มีความสุขเพราะกลัวว่า
จะมีความทุกข์ตามมา
และน่าเศร้ากว่านั้นคือไม่กล้าสุขมาก
เพราะกลัวว่าเวลาต่อมาจะมีความทุกข์
มากรออยู่ข้างหน้า
มองย้อนกลับไปแล้วสงสารผู้หญิงคนนี้
ที่รักและชอบอมทุกข์ กอดความทุกข์เอาไว้
ไม่ยอมปล่อยให้ตนเองมีความสุข
เพราะเหตุผลโง่ๆ บ้าๆ ที่ได้รับพันธุกรรม
ความเชื่อตามๆ กันมาด้วยความเขลา
ด้วยความไม่รู้ ด้วยไม่มีข้อมูลความรู้
ที่จะมาสนับสนุนและสั่งสอนให้รู้ถึง
สัจธรรมความจริงแท้ที่เป็นข้อมูลที่
แท้จริง
แต่เอาเถอะ เมื่อวันนี้รู้แล้วก็ได้ปลดปล่อย
ตัวเองออกจากกองทุกข์เท่าภูเขาหิมาลัย
นั้นออกจากอกได้สักที (โง่เขลามาตั้งนาน)
และที่เซอร์ไพร้ส์กว่านั้นคือมนุษย์ธรรมดา
ทั่วไปก็สามารถที่จะมีสภาวะที่ไร้ทุกข์ได้
เข้าถึงจิตเดิมแท้ได้ด้วยการตื่นรู้
ไม่ใช่มีเฉพาะพระสงฆ์ที่เป็นนักปฏิบัติ
หรือบุคคลที่พิเศษกว่าคนธรรมดาเท่านั้น
ที่จะมีสิทธิเข้าถึงสภาวะนี้
สรุปง่ายๆ ก็คือเราไม่จำเป็นต้องเป็น
นักบวชเราก็สามารถฝึกปฏิบัติจนสามารถ
ตื่นรู้และเข้าถึงโลกภายในและเข้าถึง
สภาวะที่เรียกว่านิพพานได้ (พระพุทธเจ้า
เรียกว่านิพพาน มหาวีระเรียกว่า ไกวัลย์
(kaivalya) ปราชญ์ชาวฮินดูเรียกว่า โมกษะ
(moksha) ส่วนท่านอาจเรียกว่า ความจริง
***อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ เล่มนี้วรรคที่ 2 หน้า 31
มันจึงทำให้เราได้ตื่นจากหลับใหลชั่วขณะ
ว่า ออ....มันเป็นเช่นนี้หรอกหรือ
ข้อมูลความเชื่อเดิมๆ ที่เรามีในคลังสมอง
จนหยั่งรากลึกลงไปในจิตใต้สำนึกนั้น
ได้ถูกถอนรากถอนโคนออกมาและ
ตอนนี้ต้องการล้างข้อมูลเก่าๆ เดิมๆ
ทิ้งไปเพื่อตื่นสู่แสงสว่าง
ที่ว่ามนุษย์ทุกคน ย้ำว่าทุกคนสามารถ
ที่จะเข้าถึงจิตวิญญาณที่เป็นโลกที่แท้จริง
ที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้
ไม่ใช่แค่นักบวชเท่านั้น มันเป็นการปลดล็อค
ทางปัญญาที่ว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าและ
ดูถูกความสามารถตัวเองสารพัด
รวมไปถึงการจำกัดขีดความสามารถของ
ตนเอง ว่าเราไม่ดีพอ ไม่เก่งพอ ไม่มีอะไร
สู่กับคนอื่นหรือเทียบเท่าคนอื่นได้
มันปลดโซ่ตรวนที่พันธนาการตัวเอง
จากความคิดจอมปลอมที่สั่งสมข้อมูล
ที่ผิดพลาดมาโดยตลอด
ทำให้เรารักตัวเองมากขึ้น เห็นคุณค่า
ในตนเอง มีความเชื่อและศรัทธาในตนเอง
จากภายในจริงๆ แบบไม่จอมปลอม
แบบไม่หลอกตัวเองมันเป็นพลังงาน
ที่พุ่งขึ้นมาจากภายในโดยไม่ต้องมีคน
มาบอกหรือมาสร้างแรงบันดาลใจอะไร
ทั้งนั้น
มันมาจากโลกภายในตัวตนของเรา
อย่างแท้จริง
และความเชื่อและศรัทธาในตนเองนี้
มันทำให้มุมมองการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ทุกคน
สามารถมีสิทธิเท่าเทียมกันที่จะ
สร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ขึ้นมา
ในแบบของตนเองโดยที่ไม่ซ้ำกันได้
ในแบบฉบับที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง
และที่สำคัญคือ คำว่าเราคือพระเจ้าหรือ
จะเรียกว่าอะไรก็ตาม จะใช้คำศัพท์ใดก็ได้
ที่แค่เราติดป้ายประกาศให้ความหมายกับมัน
นั่นเแหละคือ คำว่าเราคือพระเจ้าในตนเอง
ไม่มีบุคคลอื่นใดหรือสิ่งใดทั้งนั้นจะมา
สร้างชีวิตหรือทำให้เราพ้นทุกข์ได้
นอกจากตัวเราเอง ดังคำกล่าวนี้
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
ก็เพิ่งจะเข้าใจกระจ่างแจ้งวันนี้นี่เอง
ว่าเราไม่จำเป็นต้องบูชารูปเคารพ
เราไม่จำเป็นต้องสวดมนต์เก่ง
หรือยึดติดกับศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
นิกายใดนิกายหนึ่ง นักบวชท่านใด
ท่านหนึ่งหรือแม้แต่คำสอนใดคำสอนหนึ่ง
ไม่ต้องมีพิธีกรรม บทสวด รูปเคารพ
เครื่องรางของขลังใดๆ เลย หากท่าน
ต้องการจะพ้นทุกข์ มีแค่ตัวท่านกับ
การปฏิบัติเท่านั้นถึงจะพ้นทุกข์ได้
"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
มีแค่หลักปฏิบัติเพื่อตื่นรู้เท่านั้น
หนึ่งเดียวเท่านั้นที่ทุกศาสนายืนยัน
ตรงกันในการเข้าสู่โลกภายในของตนเอง
นั่นคือหนทางเดียวของการไม่มีความทุกข์ใดๆ
เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามกับตัวเองว่า
"คุณคือใคร?" แล้วเข้าสู่ภายในตัวคุณ
เพื่อหาคำตอบ นั่นคือสิ่งทีต้องทำ
แล้วความสงสัยและปัญหาทุกอย่าง
ที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณจะมลายหายไป
ไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่ผู้เขียนบรรยาย
เพียงแต่เป็นทางเลือกหนึ่งเป็นเพียง
ข้อมูลความรู้หนึ่งที่ผู้ใดต้องการพิสูจน์
ด้วยตนเองจะได้ลองลงมือปฏิบัติ
หากเป็นสิ่งที่ท่านสัมผัสจากประสบการณ์
ตรงของตัวท่านเองแล้ว ค่อยตัดสินใจ
ว่าจะเชื่อตัวเองหรือจะกลับไปใช้ชีวิต
แบบผู้หลับใหลอย่างเดิม
ขอให้สนุกกับการเรียนรู้และเข้าใจตนเอง
อย่างแท้จริงและไดัพบกับการตื่นรู้ที่ลึกลง
ไปในตนเอง
แล้วพบกัน......
ขอบคุณคนที่คอยติดตามและให้กำลังใจกันเสมอมา
:
รักและขอส่งพลังชีวิตให้ทุกคน
ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
:
:
- เอ ปวีร์ลดา ธนะพัฒน์มงคล -
ติดตามความรู้จิตวิทยาและปรัชญา
การเข้าใจตนเอง ได้ที่............
Facebook: @paweeladapage (พิมพ์ @ นำหน้า)
Youtube: Paweelada A Thanaphatmongkol
Blockdit: Mindfulness Sessions
IG: a.paweelada
Line: @paweelada (พิมพ์ @ นำหน้า)
#จิตวิทยาและปรัชญาการเข้าใจตนเอง
#เอปวีร์ลดาธนะพัฒน์มงคล
#MindfulnessSessions
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย