17 ส.ค. 2021 เวลา 02:02 • กีฬา
เรื่องจริงหรือบังเอิญ : ทำไมนักโต้คลื่นต้องเป็นตัวร้ายในหนังอาชญากรรมเสมอ ? | Main Stand
"คุณกำลังบอกว่า เอฟบีไอจะจ่ายเงินให้ผมไปเรียนโต้คลื่นงั้นเหรอ ?"
ประโยคดังกล่าวของพระเอก จอห์นนี่ ยูทาห์ จากภาพยนตร์เรื่อง "Point Break" หรือในชื่อไทยว่า "คลื่นบ้ากระแทกคลื่นบ้า" ที่เข้าฉายเมื่อปี 1991 บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ต้องแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มโจรปล้นธนาคารแห่งนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เป็นนักโต้คลื่นและพวกนิยมกีฬาผาดโผน
Point Break เป็นที่พูดถึงอย่างมากในฐานะภาพยนตร์เซิร์ฟที่มีความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ เพราะตัวเรื่องถูกนำเสนอด้วยการเล่นกีฬาแบบบ้าระห่ำของกลุ่มวัยรุ่นจากลอสแอนเจลิส และก็เหมือนเรื่องบังเอิญ ที่อีกซีกโลกในประเทศออสเตรเลีย มีซีรี่ส์ที่ชื่อ "Animal Kingdom" ที่บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ทำธุรกิจสีเทา ที่มีกิจกรรมในเวลาว่างเป็นการเล่นเซิร์ฟเหมือนกัน
เคยสงสัยกันไหมว่า แล้วทำไมต้องเป็นนักโต้คลื่นทุกทีที่ก่ออาชญากรรม ทำไมไม่เป็นนักปีนเขาหรือนักแบดมินตัน ? เพราะอะไรทำไมสื่อถึงชอบเล่าเรื่องราวของนักเซิร์ฟให้เป็นตัวร้ายตลอดในหนังหรือซีรี่ส์ ? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสังคมอย่างไร ?
Main Stand ขออาสาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
บ้านป่าเมืองเถื่อน
ในช่วงทศวรรษ 1990s มหานครลอสแอนเจลิส ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองที่อันตรายที่สุดในโลก เป็นศูนย์รวมของอาชญากรรมและยาเสพติด โคเคนสามารถหาได้แทบจะทุกมุมถนน พื้นที่บริเวณลอสแอนเจลิสทางใต้ได้กลายเป็นแหล่งรวมการแพร่กระจายของยาเสพติดที่แย่ที่สุดในประเทศ นอกจากเรื่องยาเสพติด แอลเอยังเต็มไปด้วยอันตรายจากการทำร้ายร่างกาย การฆาตกรรม การข่มขืน และการโจรกรรมอีกสารพัด
1
อ้างอิงจากข้อมูลจากการบันทึกสถิติการก่ออาชญากรรมจากเว็บไซต์ Los Angeles Almanac ตั้งแต่ปี 1985-2019 เป็นที่น่าสนใจว่าช่วงทศวรรษ 1990s เป็นช่วงที่มีการก่ออาชญากรรมมากที่สุด โดยมีอัตราการก่ออาชญากรรมเฉลี่ยอยู่ที่ 1,700-1,800 คดี โดยในปี 1991 มีการรายงานอาชญกรรมกว่า 1,824 คดี ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดจากการเก็บสถิติ (คำนวณด้วยการนำจำนวนของคดีที่มีการรายงาน มาหารกับจำนวนประชากร 100,000 คน จึงได้ออกมาเป็นจำนวนคดีโดยเฉลี่ย)
ตัวเลขอาชญากรรมที่มักจะนำโด่งมาก่อนคือเรื่องของการปล้น ที่จะอยู่ราว ๆ 700 คดีต่อปี ตั้งแต่ช่วงปี 1985-1995 มีรายงานว่า ธนาคารในพื้นที่ของลอสแอนเจลิส โดนบุกปล้น คิดเป็นจำนวนรวมกันได้กว่า 17,106 ครั้ง มีการปล้นทั้งหมด 2,641 ครั้ง ทุก ๆ 45 นาทีในแต่ละวันทำการ ลอสแอนเจลิสจึงได้ถูกขนานนามให้เป็น "โน-โกแอเรีย" (No-go Area) หรือพื้นที่ต้องห้าม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความรุนแรงมาก
Photo : netflix.com
ภาพแทนของลอสแอนเจลิสในยุคนั้นถูกถ่ายทอดออกมาผ่านสื่อมากมาย เช่น ดนตรีฮิปฮอปที่นำเสนอเรื่องราวอันป่าเถื่อนในพื้นที่ชุมชนแออัดของมหานครลอสแอนเจลิส ศิลปินอย่าง N.W.A. สร้างชื่อให้กับตนเองด้วยการพูดเรื่องความรุนแรงในย่านคอมป์ตันอย่างตรงไปตรงมา หรือภาพยนตร์ "Reservoir Dogs" หรือชื่อไทย "ขบวนปล้นไม่ถามชื่อ" ภาพยนตร์อาชญกรรมที่กำกับโดย เควนติน ทารันติโน ในปี 1992 ก็มีฉากหลังอยู่ในละแวกอีเกิล ร็อก ลอสแอนเจลิสเช่นกัน
1
มหานครแห่งนางฟ้าฟากตะวันตกที่มีสายลมอันอบอุ่นเป็นฉากหน้า ในขณะที่ฉากหลังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความอันตรายแทบทุกกระเบียดนิ้ว ถึงจะฟังดูแย่ขนาดไหน แต่เรื่องนี้ก็ไปสร้างแรงบันดาลใจให้กับชายคนหนึ่งที่ชื่อ ริก คิง จนเขาเอาไปสร้างเป็นหนังแอ็กชันจนดังพลุแตก อีกทั้งยังกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้นักโต้คลื่นดูเป็นคนไม่ดีอีกด้วย ?
"ไอ้พวกอดีตประธานาธิบดีมันเป็นนักโต้คลื่น"
ภาพยนตร์เรื่อง "Point Break" หรือในชื่อภาษาไทยว่า "คลื่นบ้ากระแทกคลื่นบ้า" เป็นหนังแอ็กชัน-อาชญากรรม กำกับโดย แคทเธอรีน บิกกาโลว์ ที่ได้ เจมส์ คาเมรอน สามี ณ ตอนนั้น มานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ควบคุมการสร้าง นำแสดงโดย คีอานู รีฟส์ และ แพทริก สเวซี่ ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 1991 และได้รับการรีเมกที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักในปี 2015 ที่ใช้ชื่อไทยว่า "ปล้นข้ามโคตร"
Photo : imdb.com
เนื้อเรื่องของ Point Break เวอร์ชั่นออริจินัลคร่าว ๆ เกี่ยวกับนายตำรวจหนุ่มไฟแรงคนหนึ่ง ที่ชื่อว่า จอห์นนี่ ยูทาห์ (แสดงโดย คีอานู รีฟส์) ที่เพิ่งเข้ามาประจำการในกรมตำรวจลอสแอนเจลิส ภารกิจแรกของเขาคือการจับตัวแก๊งปล้นธนาคาร 4 คนที่กำลังสร้างความวุ่นวายให้แก่คนในเมืองลอสแอนเจลิสกันอย่างหัวหมุน
โจร 4 คนนี้จะใส่หน้ากากอดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเพื่อปกปิดใบหน้าเอาไว้ มีหัวหน้ากลุ่มที่ชื่อว่า โบดี้ (แสดงโดย แพทริก สเวซี่) กลุ่มโจรของโบดี้จะชอบเล่นกีฬาโต้คลื่นและกีฬาเอ็กซ์ตรีมอื่น ๆ เป็นชีวิตจิตใจ ทุกครั้งที่โบดี้และเพื่อน ๆ ออกไปปล้นธนาคาร พวกเขาจะไม่ทำร้ายคน เอาแต่เงินเท่านั้น เพื่อแสวงหาความสนุกและความตื่นเต้นในชีวิตเหมือนกับเวลาที่พวกเขาเล่นกีฬาโลดโผน
"ไอ้พวกอดีตประธานาธิบดีมันเป็นนักโต้คลื่น"
ปัปปาส์ (แสดงโดย แกรี่ บิวซี่) คู่หูของจอห์นนี่ เป็นคนบอกกับเขาว่าพวกโจรเป็นนักโต้คลื่น เพราะพวกเขาสืบจากกล้องวงจรปิดธนาคาร ตอนที่กลุ่มของโบดี้เปิดกางเกงโชว์ก้นใส่กล้องวงจรปิดเยาะเย้ยตำรวจ ทำให้ปัปปาส์เห็นรอยไหม้จากแดดระหว่างช่วงตัวบนและล่างที่มีความต่างกันอย่างชัดเจน
Photo : pinterest.pt
ภายหลังที่จอห์นนี่ได้เบาะแสสำคัญเกี่ยวกับแก๊งปล้นธนาคารแก๊งนี้มา และพบว่าพวกเขาเป็นนักโต้คลื่น จอห์นนี่จึงต้องทำภารกิจแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มโจร เพื่อทำการจับกุมนักโต้คลื่นกลุ่มนี้ให้ได้
บทของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากความคิดของชายที่ชื่อว่า ริก คิง ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน ในขณะที่เขากำลังไปพักร้อนอยู่ที่ชายหาดมาลิบู ในลอสแอนเจลิส และได้อ่านบทความจาก LA Weekly นิตยสารรายสัปดาห์ของลอสแอนเจลิส ในขณะที่กำลังมีรายงานว่าแอลเอได้กลายมาเป็นเมืองหลวงทางอาชญากรรมในสหรัฐอเมริกา
1
"ลอสแอนเจลิสตอนนั้นเหมือนกับศูนย์กลางในการปล้นธนาคารเลย เพราะคุณสามารถเข้าไปปล้นธนาคารสักแห่งแล้วหนีขึ้นไปบนทางหลวงได้อย่างง่ายดาย"
"การปล้นธนาคารกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับงานของเอฟบีไอ ในขณะนั้นผมก็กำลังพักผ่อนอยู่ที่มาลิบู กำลังหัดเล่นเซิร์ฟ แล้วผมก็ได้ไอเดียนักโต้คลื่นที่ปล้นธนาคาร เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่เป็นนักกีฬาฝีมือดีเข้าไปแฝงตัวอยู่ในหมู่นักโต้คลื่น"
"มันลงตัวมากเลย แล้วมันก็เริ่มพัฒนามาจากตรงนั้น จริง ๆ ผมก็คิดพลอตไว้เยอะ ประมาณ 10 พลอตเลย เกี่ยวกับผู้ชายที่เข้าไปแฝงตัว แล้วก็ดันชอบอยู่ฝ่ายโจรมากกว่าฝ่ายตำรวจ ผมเคยนึกภาพไว้ว่าเอฟบีไอจะต้องเป็นแบบ ทอม ครูซ"
ริก คิง เปิดเผยกับ The Hidden Films ในปี 2013 ถึงไอเดียที่เขาได้จากตอนนั้น หลังจากที่เขาคิดเนื้อเรื่องคร่าว ๆ ได้ จึงไปจ้าง ปีเตอร์ ไอลิฟ นักเขียนบทภาพยนตร์ ซึ่งในขณะนั้นประกอบอาชีพเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร ด้วยเงินจำนวน 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ พวกเขาช่วยกันพัฒนาบทภาพยนตร์จนสามารถนำไปขายให้สตูดิโอดังอย่าง 20th Century Fox ได้ในที่สุด กลายมาเป็น Point Break ที่กระแสดีจนถูกยกให้เป็นหนึ่งใน "หนังคัลต์" ที่ดีที่สุด เพราะความที่หนังมีบทพูดเชย ๆ และการแสดงล้น ๆ ของ คีอานู รีฟส์ ที่ ณ วันนั้นเป็นนักแสดงดาวรุ่ง ก่อนจะโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้
Photo : facebook.com/cinefilooos
Point Break ได้กลายเป็นความบันเทิงเฉพาะกลุ่ม ที่เหมาะกับการรับชมกับเพื่อนในคืนวันหยุดเพื่อความสนุกล้วน ๆ แต่ตัวละครที่ถูกพูดถึงมากจนกลายเป็นที่โปรดปรานของใครหลายคนกลับเป็น โบดี้ ตัวร้ายของเรื่อง แทนพระเอกอย่าง จอห์นนี่ ยูทาห์ ไปเสียอย่างนั้น
2
ตัวละครของโบดี้ถูกเขียนขึ้นมาให้เป็นคนที่ไม่ยึดติดต่อสิ่งใด เขาเป็นคนที่ต้องการแค่ความสนุกในชีวิต เสพติดอะดรีนาลีนจากการเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมอย่างโต้คลื่นหรือกระโดดร่ม การปล้นธนาคารก็นับเป็นหนึ่งในความสนุกของเขาไปด้วย อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบโบดี้ สำหรับบางคนมองว่านอกจากโบดี้จะเป็นตัวละครที่สุดจะเพ้อฝันแล้ว เขายังเป็นภาพแทนที่ไม่ค่อยดีให้กับกลุ่มคนที่นิยมโต้คลื่นอีกด้วย เพราะเดิมทีความเป็นมาของเซิร์ฟบอร์ดนั้นก็เริ่มมาจากการเป็น "วัฒนธรรมกระแสรอง" (Subculture) จึงนับว่ามีความยากอยู่แล้วที่จะทำให้เกิดการยอมรับจากสังคมกระแสหลัก
การที่โบดี้พยายามที่จะพูดอะไรที่เป็นปรัชญา กลับฟังดูเฉิ่มสำหรับหลายน ถึงขนาดมีคนเอาตัวละครของ แพทริก สเวซี่ ผู้ล่วงลับไปตั้งแต่ปี 2009 ไปเปรียบเทียบกับหนังเรื่องอื่นที่เขาแสดง อย่าง "Ghost" หรือชื่อไทย "วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก" ที่เข้าฉายเมื่อปี 1990 โดยบอกว่าโบดี้ ไม่ใช่ตัวละครของสเวซี่ที่ควรจะเอาเยี่ยงอย่างเลยทีเดียว
Photo : imdb.com
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โบดี้ที่เราเห็นบนจอนั้นเท่จริง และรู้หรือไม่ว่า แม้โบดี้จะเป็นตัวร้ายที่เผอิญว่าเป็นนักโต้คลื่น แต่ความจริงแล้วโบดี้ไม่ใช่นักโต้คลื่นตัวร้ายคนแรกในวงการภาพยนตร์ แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของ แพทริก สเวซี่เลยที่ไปสร้างภาพแทนให้นักโต้คลื่นไม่พอใจ
เพราะอันที่จริง สื่อก็เคยโยนอะไรแบบนี้มาให้นักโต้คลื่นแล้วในอดีต...
อาชญากรนักโต้คลื่น ?
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1963-1966 มีซีรี่ส์อาชญากรรมสืบสวนที่ชื่อว่า "Burke's Law" นำแสดงโดย แกรี่ คอนเวย์ ที่รับบทนักสืบ ทิม ทิลสัน
Photo : imdb.com
ภาพของนักโต้คลื่นวายร้ายถูกนำเสนอเป็นครั้งแรกใน Burke's Law ตอนแรกของซีซั่น 2 ที่เข้าฉายเมื่อปี 1964 ชื่อ "Who Killed the Surf Broad ?" เนื้อเรื่องของตอนนี้คือ นักสืบทิมต้องปลอมตัวเข้าไปในหมู่นักโต้คลื่น เพื่อสืบหาตัวคนร้ายในคดีฆาตกรรมหญิงสาวบนชายหาด
1
แม็ต วอร์ชอว์ อดีตนักโต้คลื่นอาชีพ ได้ยกตัวอย่างจากเรื่องนี้มาอธิบายในเว็บ Surfer ว่าทำไมนักเซิร์ฟต้องซวยได้เป็นตัวร้ายทุกที และเรื่องนี้ยังมีความต่างในแพลตฟอร์มที่ใช้นำเสนอระหว่างละครกับภาพยนตร์ด้วย
"ฮอลลีวูดนำเสนอภาพของนักโต้คลื่นที่ชอบต่อต้านวัฒนธรรมกระแสหลักได้อย่างพอดิบพอดี พวกเขาเป็นพวกปากกล้าที่ยังเป็นที่ชื่นชอบอยู่ แต่สำหรับละครทีวีนี่สิ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลย"
"อาจจะเป็นเพราะว่าละครทีวีมุ่งเน้นกลุ่มผู้ชมที่มีอายุมากก็ได้ คนที่ไม่ค่อยสบายใจกับพวกที่ต่อต้านวัฒนธรรมกระแสหลัก นักโต้คลื่นส่วนใหญ่ที่อยู่ในละครทีวีจึงเป็นตัวร้ายเกือบทั้งหมดเลย"
"พวกนักโต้คลื่นในละคร Burke's Law ตอน Who Killed the Surf Broad ? มักจะเล่นมุกเกี่ยวกับยาเสพติดและทันทีที่มีการนำศพออกจากหาด พวกเขาก็กลับไปปาร์ตี้ต่อกันแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
แม็ตยังยกตัวอย่างประกอบกับคำกล่าวอันโด่งดังของ มาร์แชล แม็คลูฮาน (Marshall McLuhan) นักปรัชญาชาวแคนาดาความว่า "The Medium is The Message" ที่หมายถึงสื่อแฝงตัวอยู่ในข้อความรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาพหรือเสียง นี่จึงแสดงให้เห็นแล้วว่าภาพของนักเซิร์ฟ ที่มีการตีแผ่กันอย่างแพร่หลายในลอสแอนเจลิส มีผลต่อความคิดของคนจริง ๆ
เพราะถ้าเราย้อนมองกลับไปถึงบริบททางสังคมของสหรัฐอเมริกาในช่วงกลางทศวรรษ 1960s-1970s วัฒนธรรมเซิร์ฟแบบอเมริกันเหมือนถูกสร้างมาเพื่อให้รับมือกับกระแสการเกลียดชังอยู่แล้ว ยุคนี้เป็นยุคที่วัยรุ่นนิยมยาเสพติดอย่าง แอลเอสดี ที่มีฤทธิ์หลอนประสาท มีตัวแทนฮิปปี้อย่าง วง The Beatles ในอัลบั้มชุด Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band ที่วางขายเมื่อปี 1967 จึงไม่ค่อยน่าแปลกใจถ้าคนแก่คนเฒ่าจะมองว่าวัยรุ่นพวกนี้แปลกแยกจากสังคมและไม่เอาไหน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นคนที่แย่ทั้งหมดก็ตาม
Photo : imdb.com
อาจเรียกว่าเป็นความบังเอิญก็ได้ที่บนโลกนี้ยังมีซีรี่ส์เรื่อง "Animal Kingdom" ที่เปิดตัวซีซั่นแรกเมื่อปี 2016 และยังมีซีซั่นใหม่ออกฉายต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ถูกดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ชื่อเดียวกันของประเทศออสเตรเลียที่เข้าฉายเมื่อปี 2010 เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวตระกูล โคดี้ ที่ทำธุรกิจสีเทา ทำการโจรกรรม หาเรื่องชกต่อยชาวบ้าน แถมมีกิจกรรมยามว่างคือการโต้คลื่นเช่นกัน
แม้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกันกับ Point Break โดยตรง แต่ทั้งสองเรื่องนี้มีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าเหลือเชื่อ จนอาจกล่าวได้ว่า Animal Kingdom ที่จริงแล้วก็คือ Point Break เวอร์ชั่นออสเตรเลียนั่นเอง
Photo : netflix.com
Point Break ได้รับแรงบันดาลใจมากจากการก่ออาชญากรรมจริงของ ครอบครัวเพตติงกิล (Pettingill Family) ที่มีตัวตนอยู่จริงในเมืองเมลเบิร์น ซึ่งครอบครัวดังกล่าวประกอบไปด้วยสมาชิกที่เต็มไปด้วยประวัติทางอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นการค้ายา การปล้นอาวุธ
เดวิด มิชอด ผู้เขียนบทภาพยนตร์และซีรีส์เรื่องนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากตอนที่เขาย้ายมาอยู่ที่เมืองซิดนีย์เมื่ออายุ 18 ปี และได้พบเห็นเหตุการณ์อาชญากรรมที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม ณ ขณะนั้น ระหว่างยุค 80s-90s เช่นเดียวกันกับตอนที่ ริก คิง ไปเล่นเซิร์ฟบอร์ดอยู่ที่มาลิบู แล้วไปอ่านเจอข่าวอาชญากรรมในลอสแอนเจลิส จนได้มาเป็น Point Break
กล่าวโดยสรุปคือ อาจเป็นความบังเอิญที่ทำให้ Point Break, Animal Kingdom และ Burke's Law มีเรื่องราวเกี่ยวกับนักโต้คลื่นที่เป็นอาชญากร เพราะการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาของผู้สร้าง สภาพสังคมจึงมีอิทธิพลโดยตรงต่อการสร้างผลงานเหล่านี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องแยกความบันเทิงกับความจริงออกจากกันให้ได้
จริงอยู่ที่สื่ออย่างภาพยนตร์มีหน้าที่ให้ความบันเทิงแก่เรา แต่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราก็พอจะวิเคราะห์คร่าว ๆ ได้ว่า เรื่องทั้งสองไม่ส่งเสริมกันแต่อย่างใด
เซิร์ฟและอาชญากรรมอาจเป็นสององค์ประกอบที่จับมารวมกันแล้วสนุกอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าไม่ใช่ความผิดของวัฒนธรรมเซิร์ฟแม้แต่น้อย ที่บอกให้คนไปเป็นอาชญากรปล้นธนาคารหรือทำร้ายร่างกายคนไปทั่ว หากแต่เป็นที่ตัวบุคคลเสียเอง
เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ค่านิยมผิด ๆ อย่างการมองคนที่นิยมในวัฒนธรรมกระแสรองแบบนี้เป็นคนไม่ดี ก็ควรจะหมดไปได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟบอร์ด สเก็ตบอร์ด หรือวงการใดก็ตาม
แหล่งอ้างอิง :
โฆษณา