7 ก.ย. 2021 เวลา 11:00 • ไลฟ์สไตล์
บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต ทั้งสองบัตรต่างถูกสร้างมาเพื่อให้ใช้แทนเงินสด เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้จ่าย เพราะสามารถลดการพกพาเงินสด ความแตกต่างที่สำคัญของบัตรสองประเภทนี้ คือ บัตรเครดิตเป็นการนำวงเงินในอนาคตมาใช้ก่อนแล้วค่อยผ่อนจ่ายทีหลัง ในขณะที่ บัตรเดบิต ทุกครั้งที่เรารูด จะตัดเงินจากบัญชีเงินฝากทันทีแต่ว่า บัตรประเภทไหน ที่เหมาะกับ Lifestyle แบบเรามากกว่ากัน
1
เดบิตกับเครดิตแบบไหนหมาะกับ Lifestyleเรา
บัตรเดบิตหมาะกับ Lifestyleแบบไหน
1. คนที่สามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ เพราะทุกการใช้จ่าย และทำการรูดซื้อสินค้าจากร้านค้าชั้นนำและห้างสรรพสินค้า และทำการชำระยอดเงิน ยอดการใช้จ่ายจะถูกตัดออกจากบัญชีของเราทันที เราจึงไม่มีโอกาสใช้เงินเกินกว่ายอดเงินที่มีอยู่จริงในบัญชี ซึ่งต่างจากบัตรเครดิตที่การใช้จ่ายจะถูกรวมในรอบบัญชี และส่งมาเป็นยอดชำระรายเดือน นอกจากนั้นแล้ว เรายังสามารถกำหนดวงเงินสูงสุดที่จะใช้จ่ายต่อวันได้ แต่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของธนาคารเจ้าของบัตร วิธีนี้จะเป็นการควบคุมค่าใช้จ่าย ด้วยการที่ตัดเงินเท่าที่มีในบัญชี ซึ่งถือว่าเป็นการใช้จ่ายด้วยเงินของเจ้าของบัญชีโดยตรง จึงทำให้ไม่มีการคิดดอกเบี้ย
2. คนที่ยังไม่สามารถสมัครบัตรเครดิต คุณสมบัติของผู้สมัครบัตรเดบิตนั้นจะน้อยกว่าการสมัครบัตรเครดิต โดยทั่วไปเพียงแค่ผู้สมัครมีอายุมากกว่า 15 ปี และมีสมุดคู่ฝากของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือบัญชีเงินฝากเดินสะพัด กับธนาคารก็สามารถสมัครบัตรเดบิตได้แล้ว ซึ่งแตกต่างกับการสมัครบัตรเครดิต ที่ผู้สมัครจะต้องมีหลักฐานเพื่อแสดงการมีเครดิต เช่น หลักฐานการทำงาน และยังต้องมีเงินเดือนขั้นต่ำสูงกว่าที่ธนาคารเจ้าของบัตรกำหนด ดังนั้น บัตรเดบิตอาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ยังไม่ได้ทำงาน หรือผู้ไม่มีรายได้ประจำ
3. คนที่ต้องการลดจำนวนบัตรที่ถือโดยใช้บัตรเดบิตแทนบัตร ATM โดยทั่วไปสามารถกดเงินสดจากบัญชีของคุณเองจากตู้เอทีเอ็มได้เลย ไม่ต้องเสียค่าบริการเมื่อใช้บัตรเดบิต แต่วงเงินของบัตรเดบิตในการกดแต่ละครั้งนั้นก็มักจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารเจ้าของบัตร สามารถกดเงินจากบัตรเดบิตออกมาใช้ได้ อีกทั้งยังสามารถโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มได้ทั่วประเทศ แต่อาจมีข้อกำหนดของจำนวนครั้งในการใช้บริการภายในหนึ่งเดือน หรืออาจมีค่าธรรมเนียมจากการใช้บริการจากตู้ของต่างธนาคาร ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ จะแตกต่างกันไปในแต่ละบัตร แต่ละธนาคาร
4. คนที่ต้องหารรู้ยอดค่าใช้จ่าย ทันที เพราะจะมี SMSแจ้งยอดการใช้จ่ายทุกครั้งบัตรเดบิตแทบทุกการใช้จ่ายจะแจ้งยอด ทุกครั้งไม่ว่าเราจะซื้อของใน เรทราคาในก็ตาม แต่างจากบัตรเครดิตที่อาจจะต้องมียอดเกิน 1000 บาทขึ้นไปหรือสูงกว่านั้นถึงจะแจ้ง หรือไม่ก็จำเป็นต้องโหลด แอฟ ของบัตรแต่ละชนิดที่ใช้ทำให้เพิ่มความยุ่งยากมากกว่าเดิม
5. คนที่ต้องได้รับสิทธิประโยชน์โปรโมชั่นส่วนลดในการชำระสินค้าผ่านบัตรเดบิตเช่นร้านอาหาร โรงแรม บริการอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทและเงื่อนไขในการใช้บริการด้วย ดังนั้นจึงควรเลือกใช้บัตรเดบิตให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเรา
บัตรเครดิตหมาะกับ Lifestyleแบบไหน
 
1. คนที่มีวินัยในการใช้จ่ายด้วยตัวเอง บัตรเครดิตเหมือนเรายืมเงินจากธนาคารเจ้าของบัตรมาใช้ก่อน แล้วชำระหนี้เมื่อครบเวลา 1 รอบบัญชีหรือระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ธนาคารจะกำหนดวงเงินของบัตรที่สามารถใช้จ่ายได้ในแต่ละรอบบัญชี จะเห็นได้ว่า บัตรเครดิตเปิดโอกาสให้เราเป็นหนี้ได้ง่ายหากไม่ระวัง เช่น บางบัตรเครดิตให้วงเงินสูงสุดถึง 5 เท่าของเงินเดือน ดังนั้นผู้ถือบัตรเครดิตพึงระลึกอยู่เสมอว่า การใช้จ่ายของเราต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ในแต่ละเดือน
2. คนที่มีรายได้ประจำ เช่น พนักงานบริษัท หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้เข้าบัญชีตรงตามวันที่แน่นอน นอกจากการที่มีรายได้ที่แน่นอนในแต่ละเดือนเป็นคุณสมบัติสำคัญของการสมัครบัตรเครดิตแล้ว เราอาจตัดปัญหาการผิดนัดชำระค่าบัตรเครดิต เพราะการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมีการกำหนดวันในการชำระเงินล่วงหน้าไว้อย่างชัดเจน ทำให้เราสามารถบริหารกระแสเงินสดระหว่างเดือน รู้ว่าเงินเข้าวันไหน และเงินจะออกวันไหน นอกจากนี้ ด้วยการที่บัตรเครดิตเป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ ดังนั้นในกรณีฉุกเฉินที่เรามีความจำเป็นในการใช้จ่ายทันทีด้วยยอดเงินที่สูงกว่าเงินสดที่มีในปัจจุบัน เราก็สามารถชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านบัตรเครดิตไปก่อนได้ แต่อย่าลืมว่า ก่อนการใช้จ่ายทุกครั้ง เราควรมั่นใจว่า เราจะมีเงินเพียงพอที่จะชำระเต็มยอดในวันที่ครบกำหนดชำระหนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะหนี้บัตรเครดิตในเดือนต่อ ๆ ไป
3. คนที่ชอบช้อปร้านค้า online ทั้งในและต่างประเทศส่วนมากจะรับบัตรเครดิตที่มีตราสัญลักษณ์ Visa หรือ MasterCard ในขณะที่บางธนาคารยังไม่รองรับการใช้งานบัตรเดบิตบน Internet
4. คนที่ชอบใช้สิทธิพิเศษของบัตรเครดิต เช่น
- เงินคืน (Cash Back) บางครั้งเวลาที่คุณใช้จ่ายผ่านบัตร แทนที่จะได้รับส่วนลดทันที ก็อาจจะได้ส่วนลดในลักษณะของเงินคืน หรือ Cash Back ซึ่งเงินจำนวนนี้จะจ่ายคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิตของคุณในรอบบัญชีถัดไปตามแต่เงื่อนไขที่ทางธนาคารหรือเจ้าของบัตรจะกำหนดไว้ ซึ่งมีทั้งอัตราปกติจากทุกครั้งที่ใช้จ่าย และโปรโมชั่นพิเศษกับสินค้าบางรายการ
- โปรโมชั่นผ่อนชำระ โดยเฉพาะโปร 0% คนใช้บัตรเครดิตต้องเคยใช้ เพราะบางครั้งหากต้องการซื้อของในราคาสูง โปรโมชั่นเงินผ่อนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่า โดยไม่ต้องชำระค่าสินค้าเต็มจำนวนในครั้งแรก แถมสามารถผ่อนชำระโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยภายในระยะเวลาที่กำหนดด้วย
- คะแนนสะสมบัตรเครดิต หากเงินที่จ่ายไป ได้คืนกลับมาเป็นคะแนนสะสม คุณก็สามารถนำไปแลกเป็นของรางวัลต่างๆ คูปองเงินสด หรือใช้แลกเป็นส่วนลดสำหรับการซื้อสินค้าอื่นๆ ได้
การเลือกบัตรเดบิต หรือ เครดิตที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ จะทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่ตรงจุด และคุ้มค่าสำหรับทุกการใช้จ่ายเลยทีเดียว ดังนั้น การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตควรจะพิจารณาจากนิสัยการใช้จ่ายของตัวเราเองเป็นสำคัญ ประกอบกับข้อจำกัดดังที่กล่าวมาข้างต้น
สนใจบัตรเดบิต >>
ดูข้อมูลบัตรเครดิต >>
โฆษณา