17 ส.ค. 2021 เวลา 17:22 • ไลฟ์สไตล์
ผมเชื่อว่าคนทำงานอย่างเช่นคุณและผมน่าจะมี 2 สิ่งที่เราน่าจะชื่นชอบเหมือน ๆ กัน นั่นคือ กาแฟและการนอน แต่อย่างที่รู้ว่าทั้ง 2 อย่างนี้ช่างต่างกันเหลือเกินเพราะเรากินกาแฟก็เพื่อให้ตื่นถูกไหมครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เราคาดหวังจากทั้งกาแฟและการนอนนั่นคือ "ความสดชื่นแลละศักยภาพในการทำงาน"
วันนี้ผมเลยเอาเทคนิคการเพิ่มพลังในการทำงานช่วงบ่ายของคนทำงาน นั่นคือ NAPpuccino
วิธีคิดของ NAPpuccino คือ ในการทำงานช่วงบ่าย เรียกว่าเป็นช่วงที่สมองเริ่มล้าจากช่วงเช้า และการพักสมองโดยการ "NAP" หรือการหลับสัก 15-20 นาที ถือเป็นการที่สมองได้พักจากความเหนื่อยล้าและรีเซ็ตตัวเองให้พร้อมกับการเริ่มต้นทำงานในช่วงบ่าย
แต่ปัญหาของการ NAP คือ ถ้าเราหลับเลยจากนี้ไป อาจจะเป็น 30-40 นาทีผลลัพธ์มันจะตรงกันข้าม นั่นคือแทนที่จะสดใสคุณจะงงงวยแทน หรือดีไม่ดีถ้าทำงานอิสระไม่มีเพื่อนร่วมงานมาปลุกก็อาจจะหลับยาวถึงเย็นเลย
นี่จึงเป็นที่มาของ NAPpuccino ซึ่งเป็นการรวมกันของคำว่า NAP และ Cappuccino นั่นคือการดื่มกาแฟ 1 แก้วก่อนจะนอนพัก เพราะกว่าที่คาเฟอีนจะออกฤทธิ์ในร่างกายก็ราว ๆ 20 นาที ซึ่งเป็นเวลาพอดีกับการหลับเพื่อพักสมอง พอตื่นขึ้นมาสมองก็จะปลอดโปร่งและพร้อมสำหรับการทำงานในช่วงบ่าย
การ NAPpuccino เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่สตาร์ทอัพ (Start Up) และฟรีแลนซ์(Freelance) ที่ต้องการความ Productive อย่างมากในการทำงาน ดังนั้นความเพลียช่วงบ่ายจึงเป้นสิ่งที่ทำลายศักยภาพงานเป็นอย่างมาก
ส่วนตัวผมเองก็ใช้วิธีนี้ในการเพิ่ม Productive ให้ตัวเองเวลาทำงาน เพราะส่วนตัวผมเป็นคนทำงานที่ต้องใช้ความคิดเยอะ และช่วงบ่ายก็เป็นช่วงที่พลังลมปราณเริ่มถดถอย การได้พักสายตาสัก 15-20 นาที ช่วยให้สมองโล่งขึ้นมาก
และเท่าที่ผมสังเกตคือ พอผมกินกาแฟก่อนจะพักสายตาสัก 5-10 นาที มันทำให้ผมตื่นง่ายขึ้นเวลาที่นาฬิกาปลุกดังแล้วพอตื่นขึ้นมาก็ไม่งัวเงีย สามารถลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแล้วเริ่มทำงานต่อได้ทันที
อีก 1 อย่างที่สังเกตได้ชัดเจนคือพลังโฟกัสสูงขึ้นมาก งานเร็วขึ้น มีไอเดียมากขึ้น แล้วก็ไม่มีความง่วงเข้ามาให้รำคาญใจเลย
ผมเลยอยากลองเชิญชวนเพื่อน ๆ ที่อยากเพิ่ม Productive ในการทำงานช่วงบ่าย โดยเฉพาะคนที่ทำงานสายไอเดีย สาย Creative ต่าง ๆ ลองใช้ NAPpuccino มาช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานดูนะครับ
โฆษณา