17 ส.ค. 2021 เวลา 23:32 • นิยาย เรื่องสั้น
กลอนลำเต้ย เกี้ยวสาวจากบ่าวเขื่อน
นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน
ตอนที่ 9 : กลอนลำเต้ย เกี้ยวสาวจากบ่าวเขื่อน
บทประพันธ์โดย: งามดอกบัว
(เครดิตภาพจากการแค็ปหน้าจอมือถือช่องยูทูบ: โต้ง อนุรักษ์)
งานแต่งงานของหนุ่มสาวสองคู่ผ่านพ้นไปด้วยดี  สาวต้อยลูกตาคำและยายก่ำหลังแต่งงานก็ได้ย้ายไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวที่ตัวอำเภอ  เพราะทางฝั่งพ่อแม่เจ้าบ่าวตั้งใจอยากจะให้สาวต้อยไปดูแลยามแก่เฒ่าด้วย
ส่วนอุปกรณ์ที่ผู้เฒ่าผู้แก่เตรียมไว้ทำตูบต่อเล้าให้สาวต้อย  ตาคำกับยายก่ำก็ยกให้บ่าวเหลี่ยมกับสาวสายบัว  เพื่อเอาไปทำตูบต่อเล้าที่บ้านตาน้อยแทน  เนื่องจากบ่าวเหลี่ยมและสาวสายบัวต้องมาแต่งงานกระทันหัน  เพราะทำผิดผีปู่ย่าตายาย
อีกทั้งสองคนก็เป็นลูกหลานชาวบ้านดอนผักหวานเหมือนกัน  อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะทำตูบต่อเล้าก็ได้แรง จากพ่อแม่พี่น้องในหมู่บ้านนี่แหละที่ช่วยกันหามาไว้  บ่าวเหลี่ยมเองก็มีส่วนช่วยในการเลื่อยไม้และ สานไพหญ้าอยู่หลายตับพอสมควร
ณ ลานหน้าบ้านตาน้อยกับยายมา
“คือห่าวแท้น้อเขยใหม่ตาน้อยหนิ  บ่ฮ้อนบ่อ้าวบ่น้อ ?” ผู้ใหญ่บ้านคงร้องขึ้นไปแซวบ่าวเหลี่ยมที่กำลังง่วนกับการมุงหลังคาตูบต่อเล้า  ซึ่งจะใช้เป็นบ้านในการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเขาและสายบัวเมียรัก
บ่าวเหลี่ยมหัวเราะพอใจกับคำพูดขอผู้ใหญ่บ้านคง
“คาแต่หัวเต๋อหัวเติ่นอยู่นั่น ฟ้าวมุง ! ตูบมึงบ่แล้วเด้แลงหนิ" บ่าวเชิดออกปากติงเขยใหม่ของครอบครัว
เมื่อก่อนนั้นบ่าวเชิดเรียกบ่าวเหลี่ยมว่าอ้าย ด้วยความนับถือในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง  แต่หลังจากที่บ่าวเหลี่ยมทำผิดผีกับสายบัว บ่าวเชิดก็พูดมึงกูด้วยตลอด
“ลงมากินน้ำก่อนอ้ายเหลี่ยมอ้ายเชิด” สายบัวเรียกบ่าวเหลี่ยมผัวรักและบ่าวเชิดลูกพี่ลูกน้อง ที่ขึ้นไปมุงหลังคาตูบ  เพื่อจะใช้เป็นบ้านชั่วคราวให้กับตนและบ่าวเหลี่ยม
“ลงมาหมอเดี๋ยวเฮาสิขึ้นไปเปลี่ยน" บ่าวเขื่อนที่กำลังเดินหอบไพหญ้ามาสมทบ  ร้องบอกเพื่อนให้ลงมา  ตนจะได้ขึ้นไปมุงหลังคาแทน
บ่าวเชิดกับบ่าวเหลี่ยมค่อย ๆ ปีนบันไดลิงที่เกยขื่อหลังคาลงมา  จนถึงพื้นตูบที่ทำจากไม้แดงสีสวยงดงาม
บ่าวเหลี่ยมและสายบัวยังรู้สึกขอบคุณ  และซึ้งในน้ำใจตาคำที่เอาอุปกรณ์มาให้ทำตูบเรือนหอของตัวเอง
สายบัวยื่นกระบวยที่ตักน้ำฝนในตุ่มให้ผัวรักดื่มก่อน  เพราะเห็นว่าบ่าวเชิดยังคุยโม้กับบ่าวเขื่อนยังไม่เสร็จ
“เมื่อยบ่อ้ายเหลี่ยม ?” สายบัวยิ้มหวานถามบ่าวเหลี่ยม  มือก็ใช้ผ้าแพรเช็ดเหงื่อให้
“โอ้ย ! กูละหน่ายสองคนนี่นิ สิหวานออกหน้าออก ตาอิหยังกะดักกะด้อ” บ่าวเชิดพูดเหน็บ
“นกเค้าท้วงตาแมว ฮ่า.. ฮ่า..” บ่าวเขื่อนแซวเพื่อนรัก
“เอ้า ! เฮาเว้าผิดหม่องได๋หมอ  เบิ่งดู๋นั้น !” บ่าวเชิดยังแถไปเรื่อย
“เออบ่ผิดดอก แต่อย่าให้เห็นเด้อว่าเห็นอยู่ กับสาวขาวป่านตังเมคือสองคนนั้น ฮ่า..ฮ่า..” บ่าวเขื่อนมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าที่เป็นต่อ
ส่วนบ่าวเชิดไม่ว่าอะไรได้แต่ยักคิ้วเจ้าเล่ห์ให้เพื่อนรักแล้วก็หัวเราะร่าด้วยความพอใจ
“เออหมอเฮายืมม้วนเทปของแจ้แนว่าสิเอาไปจีบสาวต้อย” บ่าวเขื่อนยิ้มแป้นทำหน้ามีความหวัง
“ฮ่า...ฮ่า...อ่อนแท้ ๆ วะเสี่ยวกูหนิได้ใช้เพลง ไปจีบอีก  โอ้ยกูหล่ะงึดหล่ะง้อมึงนิ  เอาจังสิมื้อ แลงเดี๋ยวกูสิจัดให้  งานขึ้นตูบน้อยบักเหลี่ยมนี้หล่ะ” บ่าวเชิดยิ้มมุมปากกับแผนการของตัวเอง  ที่จะช่วยให้บ่าวเขื่อนเพื่อนรักจีบสาวต้อยได้ง่ายขึ้น
“กูเชื่อมึงได้แมนบ่หมอ ฮ่า..ฮ่า..” บ่าวเขื่อนถามเพื่อนแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“เถอะน่า ! ฟ้าวไปมุงหลังคานั่น ! ลุงสีเพิ่นขึ้นไปแตโดนแล้ว  ส่วนเรื่องแผนจีบสาวต้อยเดี๋ยวเฮาจัดการเอง” บ่าวเชิดตบไหล่เพื่อนเพื่อให้กำลังใจ  ก่อนที่จะเดินไปดื่มน้ำจากกระบวยที่สายบัวตักไว้รอ
“เว้าหยังกันก็โดนแท้อ้ายเชิดข่อยหล่ะถ้าอยู่ตั้งโดน” สาวสายบัวแอบบ่น
“ตามประสามูพวกกะมีแนหล่ะ  ถ้าอ้ายมีหยังอยู่บ่”
บ่าวเชิดถามสายบัวขณะที่รับกระบวยน้ำฝนมาดื่ม
“อ้ายเหลี่ยมเลาบอกว่าสิไปเอาเป็ดอยู่เฮือนเลามาลาบจักสามโต  เจ้าไปซ่อยเลาแน  พุเฒ่ากะคาสานกระแต๋ไว้แอ้มตูบ  ที่เอามาแต่เฮือนลุงคำมันบ่พอขาดอยู่สองฝา” สายบัวอธิบายกึ่งขอร้องบ่าวเชิด
“ได้ ๆ พอดีหล่ะอ้ายสองคนสิพากันเฮ็ดแนวกินเด้อ  โตกะไปเก็บผักอยู่สระหลวงมาไว้กินกับลาบ  แวไปเอิ้นสาวขาวกับสาวต้อยนำแนเด้อ” บ่าวเชิดรับคำจะไปช่วยทำลาบ และขอร้องให้สายบัวชวนสาวขาวและสาวต้อยมาร่วมงานค่ำนี้ด้วย
“ต้อย ! ต้อย ! อยู่เฮือนบ่  มาไปเก็บผักอยู่สระหลวงเป็นหมู่เฮาแน ว่าสิไปชวนสาวขาวนำ  จั๊กว่างบ่ว่างดอกเพิ่นนั่น  หว่างบ่ายเห็นไปนากับสาวแดง  สงสัยสิไปซ่อยแม่ต้มเกีย”  สายบัวเอ่ยชวนต้อยให้ไปเก็บผักเป็นเพื่อน
“ไปติ๊หล่ะเฮาว่างพอดี  ไปชวนสาวขาวนำกะดีคือกัน  สิได้แล้วเร็ว ๆ เลาอยู่เฮือนอยู่ดอก  เห็นกลับมาแต่โดนแล้ว” สาวต้อยเต็มใจที่จะไปช่วยสาวสายบัวเก็บผัก
(เครดิตภาพจากเว็บไซต์ www.pixabay.com)
ทางด้านบ่าวเชิดในระหว่างที่เดินทางไปช่วยบ่าวเหลี่ยมจับเป็ดที่บ้านเพื่อมาทำเป็นอาหารเลี้ยงพี่เลี้ยงน้องช่วงค่ำก็ถือโอกาสแวะไปที่บ้านพ่อเฒ่าก้อนหมอแคนและหมอลำประจำหมู่บ้านด้วย  เพื่อขอยืมอุปกรณ์ที่จะมาช่วยเพื่อนรักจีบสาวในค่ำคืนนี้
“ลุงก้อน ! ลุงก้อนอยู่เฮือนบ่ครับ ?” บ่าวเชิดร้องเรียกหาเจ้าของบ้าน
“ทางพี้หล่า ! ลุงอยู่ฮ่มบักขามหลังเฮือน  หย่างเข้ามาโลด  บักด่างบ่กัดดอก” พ่อเฒ่าก้อนร้องเรียกบ่าวเชิดก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาสานแหต่อ
“ว่าจังได๋หล่า  คือได้ยินข่าวว่าพากันเฮ็ด ตูบต่อเล้าให้บักเหลี่ยมกับอีนางสายบัวบ่"  พ่อใหญ่ก้อนเอ่ยปากถามเมื่อบ่าวเชิดเดินเข้าไปถึงบริเวณต้นมะขาม
“แมนครับพ่อลุง  ใกล้สิแล้วแหล่วหล่ะ  ข่อยกับบัก เหลี่ยมกำลังสิเมือเฮ็ดแนวกินแลง  พ่อลุงบ่มีธุระ ปะปังทางได๋กะไปกินข้าวแลงนำกันเด้อ" บ่าวเชิดเอ่ยชวนพ่อเฒ่าก้อน
“เดี๋ยวเบิ่งก่อน  แม่อีนางบ่ทันได้มาแต่นายุ   ว่าแต่มึงมาฮอดนี้มีธุระหยังบ่ ?” พ่อเฒ่าก้อนถามด้วยความสงสัย  เพราะปรกติบ่าวเชิดไม่ค่อยได้แวะมะที่นี่เลย
“ข่อยว่าสิมายืมแคนเจ้าไปเป่ามื้อแลงนี้หล่ะ" บ่าวเชิดส่งยิ้มให้กับพ่อเฒ่าก้อนด้วยแววตามีความหวัง
“เอาไปงันตูบต่อเล้าบักเหลี่ยมบ่" พ่อเฒ่าก้อนถามบ่าวเชิด  ก่อนที่จะวางมือจากแหแล้วเปลี่ยนเป็นหยิบห่อถุงยาสูบมาแทน
“เอ้า ! มวนยาสูบให้ลุงแน  เดี๋ยวลุงสิขึ้นไปหยิบแคนมาให้” พ่อเฒ่าก้อนโยนถุงยาสูบให้บ่าวเชิด  ก่อนที่เดินขึ้นเรือนไป
“เหลี่ยมมึงล่วงหน้าไปก่อนเลยเด้อ  กูถ้าเอาของดีกับลุงก้อนก่อนเดี๋ยวนำก้นไป" บ่าวเชิดร้องบอกบ่าวเหลี่ยม
“ฟ้าวมาเด้อ เดี๋ยวสิเฮ็ดแนวกินบ่แล้วง่ายเด้" บ่าวเหลี่ยมสงสัยของดีอะไร  แต่ก็ไม่กล้าถาม
“มึงกะตั๋วมันไปทั่วทีบทั่วแดนน้อบักเชิด  บอกมันว่าถ้าเอาแคนกะแล้วแล้ว สูหนิเนาะ” พ่อเฒ่าก้อนส่ายหน้า  พลางยื่นแคนให้กับบ่าวเชิด
“ข่อยกะล้อมันเล่นเอาม่วนซื่อ ๆ หนิหล่ะพ่อลุง  บ่ได้เคียดได้ขมมันหยังดอก  จังได๋กะได้มาเป็นดอง กันแล้ว  แต่สิให้เสย ๆ เลย ๆ บ่รับน้องรับนุงกะ บ่แมนเชิดหล่ะขอรับ ฮ่า ฮ่า" บ่าวเชิดรับแคน พร้อมยักคิ้วหลิ่วตา  พอใจกับคำพูดของตน
“เอ้า ๆ ฟ้าวไป ! เดี๋ยวแนวอยากแนวกินสิบ่มีใส่ พาข้าวให้แขกให้คน" พ่อเฒ่าก้อนส่ายหัวทั้งขำทั้ง ระอากับบ่าวเชิด
เมื่อบ่าวเชิดมาถึงบ้านตาน้อย  ก็ปรี่เข้าไปหาบ่าว เขื่อนเพื่อนเกลอเลย
“หมอ ! หมอ !” บ่าวเชิดป้องปากเรียกบ่าวเขื่อน  กลัวสาว ๆ แถวนั้นจะได้ยิน  แต่บ่าวเขื่อนก็ยังไม่รู้ตัวว่าเพื่อนเกลอกำลังเรียกอยู่
ป๊อก !
“โอ๊ย ! มันแมนไผกล้าดีมาแคงขี้หินขึ้นมาเทิงนี้วะ” บ่าวเขื่อนลูบหัว บริเวณที่โดนก้อนหินตกใส่
“ทางพี้หมอ ! เห็นบ่หนิ ?” บ่าวเชิดยกแคนให้บ่าวเขื่อนดู
เมื่อเห็นแคนบ่าวเขื่อนก็ทำตาโตด้วยความดีใจ  เพราะรู้ทันบ่าวเชิดเพื่อนเกลอว่าจะใช้เพื่อช่วยตนจีบสาวต้อยอีกแรง  แต่บ่าวเขื่อนก็ยังไม่มั่นใจเพราะ ไม่เคยเห็นเพื่อนรักเป่าแคนเลย  ได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้  ในใจก็คิดว่างานนี้คงเหลวอีกตามเคย
พอตกค่ำตูบต่อเล้าที่จะใช้เป็นเรือนหอของบ่าวเหลี่ยมกับสายบัวก็แล้วเสร็จ  รวมถึงลาบเป็ดกับต้มเป็ด รสแซ่บจากฝีมือบ่าวเหลี่ยมและบ่าวเชิดด้วย
“มา ๆ ลูกมา  เอาถ้วยเอาจานมาหย่ายออกไป  ติ๊บข่งติ๊บข้าวพอกันบ่ ? บ่พอกะจกข้าวใส่จานมา  ช้อนบ่วงพอบ่ ? ผักนางอ่างหญ้ามุนั่น  พากันเบิ่งดู้ลูกหล่า" นางมาร้องเรียกสาว ๆ ให้เข้าไปดูแลความเรียบร้อย  พร้อมเสิร์ฟสำรับกับข้าว  ให้พี่น้องได้กินกัน
“ห่วย คือทรงฟ้าวแท้ ? บ่ถ้าแขกถ้าคนเลยเนาะ ?” พ่อเฒ่าก้อนร้องแซว  ขณะที่กำลังเดินนำกลุ่มคณะหมอลำตรงมาที่หน้าตูบต่อเล้าของบ่าวเหลี่ยมกับสายบัว
“มา ๆ พ่อมา ไปจังได๋มาจังได๋คึได้มาเหมิดวงหมอลำแท้ ?” พ่อเฒ่าน้อยเอ่ยถามพลางก็ขยับที่นั่งให้พ่อเฒ่าก้อน
“กะว่าสิมาซ่อยงานหนิหล่ะ  บ่ได้มามุงตูบซ่อยกะสิมาลำฉลองตูบให้คู่บ่าวสาวตั้ว" พ่อเฒ่าก้อนตอบอย่างอารมณ์ดี
“บ๊ะ ! มาดีคักแท้น้อ  มื้อแลงนี้สิมีฮอดหมอลำพ่อคำก้อนจากดอนผักหวานมาลำให้พวกเฮาฟังนำ" พ่อเฒ่าน้อยตีเข่าผางด้วยความดีอกดีใจ
“เอ๊า ! พ่อลุงสิมาลำคึบ่บอกข่อย  ปล่อยให้ข่อยไปเอาแคนมาหัดเป่าจนพอแฮง" บ่าวเชิดบ่น
“กูกะลองเบิ่งอยู่หนิหล่ะ เผื่อได้หมอแคนใหม่มาใส่วง  แต่เบิ่งแล้วบ่เป็นก้าวว่ะ  ฮ่า...ฮ่า..” พ่อเฒ่าก้อนร้องตอบบ่าวเชิดอย่างอารมณ์ดี
ทุกคนหัวเราะชอบใจและมีความสุข  ที่ค่ำคืนนี้หมู่บ้าน ดอนผักหวานจะถูกขับกล่อมอีกครั้ง  จากกลอนลำของ พ่อเฒ่าก้อนและชาวคณะ  โดยเฉพาะลำเต้ยเกี้ยวสาว ที่ขึ้นชื่อลือชาของพ่อเฒ่าก้อนแห่งดอนผักหวาน
(เครดิตภาพจากเว็บไซต์ www.pixabay.com)
ทางด้านข้างตูบต่อเล้าของบ่าวเหลี่ยมและสาวสายบัว  เป็นวงพาข้าวเล็ก ๆ สามสี่วงของพวกเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน  กลุ่มของเดอลาและเพื่อน ๆ ก็กำลังนั่งกินลาบเป็ด อย่างเอร็ดอร่อย
ฝีมือการทำลาบของบ่าวเหลี่ยมและบ่าวเชิดเอร็ดอร่อยไม่แพ้ผู้ใดในละแวกนี้เลย  เพราะได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น  จะบอกว่าผู้คนในพื้นที่ภาคอีสานกินอาหารรสชาติเดียวกันก็ไม่ผิดนัก
คงจะเหมือนบ้านเมืองอื่น  เพราะวัตถุดิบที่ใส่ลงไปในอาหาร  ก็หาได้จากท้องถิ่นนั้นเลย  ด้วยความสดใหม่ของวัตถุดิบที่บ่าวเหลี่ยมกับบ่าวเชิดใช้ทำลาบ  จึงทำให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก
“หญิงฉันได้ยินว่าพ่อเฒ่าก้อนเพิ่นพาคณะมาลำงันตูบใหม่เอื้อยสายบัว !” กรีนนี่พูดหน้าตาตื่นเต้นขณะที่หย่อนก้นนั่งเบียดระหว่างเดอลาและนกแก้ว
“อีหลีบ่หญิง ?” นกแก้วรีบถามกรีนนี่เพื่อความแน่ใจ  น้ำเสียงตื่นเต้นไม่แพ้กัน  เพราะนกแก้วชอบร้องหมอลำเอามาก ๆ นกแก้วฝันว่าวันนึงจะไปขอสมัครเข้าเป็นหมอลำในวง “คำก้อน ดอนผักหวาน" ให้ได้
“ฉันสิตั๋วเฮ็ดหยังคะ มืนตาเบิ่งแนเห็นบ่นั่น ?“ กรีนนี่ทำสีหน้ารำคาญนกแก้ว
“เฮือนเธออยู่ใกล้ ไปเอาสาดมาปูหน้าฮ้านเลยหญิง !” เดอลารีบบอกให้ม่านฟ้าไปเอาเสื่อมาปูจองที่นั่ง
“ได้เลย  แต่เธอพาฉันไปด้อ  ไปพุเดียวฉันย้านผี"  ม่านฟ้าขอร้องเดอลา
“ไปเหมิดหมู่หนิหล่ะ  มันค่อยบ่เอาเปรียบกัน" เดอลาบอกกับเพื่อน ๆ
ในระหว่างที่เดอลาและเพื่อน ๆ นัดแนะกันไปเอาเสื่อที่บ้านม่านฟ้า  ก็มีกลุ่มเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งกินข้าวอยู่วงข้าง ๆ ของกลุ่มเดอลา  นำโดยแสง  กบ และแห้ง เด็กชายสามคนนี้ค่อนข้างซนไม่ค่อยถูกกับกลุ่มเดอลาเท่าไหร่  จะชอบแกล้งกันตลอด
และในขณะที่นั่งกินข้าวอยู่นั้น  ก็แอบได้ยินเดอลาและเพื่อน ๆ นัดแนะกันจะไปเอาเสื่อที่บ้านของม่านฟ้า  หนทางค่อนข้างมืด  แสง กบและแห้งได้ยินอย่างนั้น  ก็ไม่รีรอที่จะแอบตามไปหลอกผี  กลุ่มสาว สาว สาวแอนด์สาวทันทีเลย
“บังแห้งมึงจ่อยก่อนหมู่ มึงปีนขึ้นไปเทิงกกบักขี้ซ้างข้างทางฮอมหน้าเฮือนอีฟ้าเด้อ" แสงออกคำสั่งเหมือนเช่นทุกครั้ง
"กูอีกแล้วบ่  สูนั่นตั้วน่าสิขึ้นไป กูจ่อย ๆ สิหลอกหยังได้  เสียงกะบ่เป็นตะย้านคือสู" แห้งบ่นแต่ก็ยอมปีนขึ้นไปแต่โดยดี
“ฟ้าวปีนขึ้นไป เดี๋ยวซุมแม่หญิงสิมาฮอดก่อน" แสงเร่งในขณะที่มือก็ช่วยกบดันก้นแห้งให้ขึ้นไปยังต้นพลับพลา ก่อนที่จะถอยมาหลบอยู่ใต้ต้นพร้อมกับกบ
“ถ้าฉันแน ! เงิกคันไดจักบึ๊ดก่อน" ม่านฟ้าร้องบอกเพื่อน ๆ เพราะเห็นว่าแต่ละคนเริ่มเดินออกไปจากลานหน้าบ้านเธอแล้ว  โดยเฉพาะกรีนนี่กับนกแก้ว  ที่เดินนำไปไกลแล้ว  เห็นสองคนนี้กัดกันบ่อย ๆ แต่พองานบันเทิงเข้ามา  ก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ฟ้าวมาหญิงฟ้าเดี๋ยวพ่อเฒ่าก้อนเพิ่นสิเต้ยก่อนเด้” เดอลาเร่งม่านฟ้า  แต่สายตาไม่ยอมละจากกรีนนี่และนกแก้ว  ที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
(เครดิตภาพจากเว็บไซต์ www.pixabay.com)
บรู๊ว ! บร๊ว !
“หญิง ! เธอได้ยินเสียงหยังบ่ ?” ด้วยความหวาดกลัว  กรีนนี่รีบคว้าแขนของนกแก้วเข้ามากอด
“ดะ ดะ ได้ ได้ ได้ยินอยู่  แต่โตอย่ากำแขนเฮาแฮงหลาย  เฮาเจ็บ" นกแก้วถึงจะเจ็บแขนแต่ก็ขยับตัวเข้าไปชิดกับกรีนนี่แทบจะติดกันอยู่แล้ว
บรู๊ว ! บรู๊ว !
“กรี้ด ! ! !” นกแก้วและกรีนนี่ร้องตกใจเสียงหลงกอดกันกลมจนลืมความเจ็บไปแล้ว
“ฮ่า..ฮ่า..” แสง แห้งและกบ หัวเราะจนตัวงอ ที่หลอกผีสาว ๆ สำเร็จ
“บักแสง ! บักห่าขั่วมึง ! ไผบอกพวกสูมาเฮ็ดผีหลอกพวกกู  แน่จริงมึงมาโตต่อโตกับกูนิ” กรีนนี่ถลกแขนเสื้อขึ้นพร้อมจะแลกหมัดกับแสงเต็มที่
“กูมาสิย้านมึงบักเขียว !” แสงท้าตีกรีนนี่ต่อ
“บักกบบักแห้งสูสองคนเข้ามาเลย หมู่กูบ่ย้านพวกสูดอก" กรีนนี่ประกาศก้อง  พลางหันหน้าไปหานกแก้วเพื่อขอกำลังสริม  แต่ทว่านกแก้ววิ่งแจ้นหนีไปก่อนแล้ว
“อีนกแก้ว อีห่ามึงหนีคึบ่บอกกู ! ! !” กรีนนี่ร้องเหวอใจแป้วไปเยอะ
ป้าบ !
“โอ้ย ! ไผวะมาตีหัวกู" กบลูบหัวด้วยความเจ็บ
“กูเองบักกบ มึงกล้าดีจังได๋มาเฮ็ดผีหลอกหมู่กู” เดอลายกรองเท้าแตะดาวแท้ของเธอกำลังจะฟาดกบอีกรอบ
“หยุดเดี๋ยวนี้อีหล่า  เป็นแม่ย่าแม่หญิง มึงสู้พวกกูบ่ได้ดอก" แสงขู่ฟ่อ
“กะลองติ๊หล่ะ  สงสัยมึงจำจรเข้ฟาดหางกูบ่ได้แมนบ่ มาเข้ามาถ้าอยากกินอีก" เดอลาตั้งท่าพร้อมชน
“มันแมนบ่หล่ะหญิง  ฉันตีนำบ่เป็นเด้อ" ม่านฟ้าที่กำลังหอบเสื่ออยู่ขยับเข้ามากระซิบถามเดอลา
“เออหน่ะ ! มึงเชื่อกูโลด พวกนี้มันเก่งแต่ปาก" เดอลาตอบด้วยความมั่นใจ
ในขณะที่เด็ก ๆ กำลังจะเข้าประจันหน้ากันอยู่นั้น
“แมนสูเป็นหยังกันเดียวหนิ ห๊ะ ! อยู่นำกันเมาะ ๆ แมะ ๆ บ่ได้บ่ ?” ผู้ใหญ่บ้านคงร้องปรามเด็ก ๆ
“พ่อใหญ่คง !” เด็ก ๆ ร้องเสียงหลงพร้อมกัน  เพราะรู้ดีว่าพ่อผู้ใหญ่ โหดและเข้มงวดขนาดไหนสำหรับเด็ก ๆ
“เออ ! กูเอง บอกสอนจังได๋กะบ่ฮู้จักหลาบจำพวกสูหนิ มา ! นำก้นกูมา" ผู้ใหญ่บ้านคงเสียงเข้ม
“เป็นนำสูเลยบักแสง บักกบ บักแห้ง” กรีนนี่ต่อว่า
“สูคือกันนั่นหล่ะ  สาสำนี้กะเอาไปบอกผู้ใหญ่บ้าน" กบบ่นพลางก้มหน้าเดินตามก้นเพื่อน ๆ ไป
“ฉันกะนึกว่าเธอสิแลนหนีไปซื่อ ๆ ติ๊หญิง ตกใจเหมิด" กรีนนี่เดินมากระซิบนกแก้วทำเสียงอ่อย
“ไผสิแลนหนีคะ  เห็นฉันสวยจังสิฉันกะบ่ถิ่มหมู่ถิ่มพวกเด้อค่ะเด้อ" นกแก้วตอบด้วยความภูมิใจ
“เด้อนางเด้อ เด๋อ เด๋อ นางเดอ ตึ้ง ตึ้ง ! ตึ้ง ตึ้ง ! ฮ่า ฮ่า” เด็ก ๆ แก๊งสาว สาว สาว แอนด์สาว หัวเราะร่า ฮำเพลงขึ้นพร้อมกัน
(เครดิตภาพจากเว็บไซต์ www.pixabay.com)
เมื่อผู้ใหญ่บ้านคงพาเด็ก ๆ มาถึงหน้าตูบต่อเล้าของบ่าวเหลี่ยมและสายบัว  ก็ร้องหาพ่อเฒ่าก้อนหมอลำที่จะมาลำเต้ยค่ำคืนนี้
“เฒ่าก้อนมื่อนี้มีพนักงานเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟไนให้แล้วเด้อ  อยากได้หยังกะเอิ้นใช้เอาโลดเด้อ" ผู้ใหญ่บ้านคงร้องบอกพ่อเฒ่าก้อนและคณะ
“ฮ่า..ฮ่า.. หมอลำน้อย ๆ ข่อหล่อแข้แหล่หลายแท้น้อมื้อหนิ  มา ๆ เข้ามา  เฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน  ผู้เฒ่าเพิ่นจังบ่ได้เว้ายากปากเปียก" พ่อเฒ่าก้อนเรียกเด็ก ๆ ให้เข้าไปช่วยงาน  ส่วนมากก็ช่วยล้างถ้วยล้างชาม หาน้ำมาเสิร์ฟให้คณะหมอลำนั่นเอง
ทางฝั่งบ่าวเชิดเมื่อเห็นว่าพ่อเฒ่าก้อนพาคณะมาลำเต้ยให้ขนาดนี้  ก็เลยคิดแผนสองต่อด้วยการชวนบ่าวเขื่อนไปขอร้องพ่อเฒ่าก้อนลำเต้ยเกี้ยวสาวให้
“ฝากแนเด้อลุงก้อน  เห็นหมกเห็นใจบักเขื่อนมันแน  อย่าลืมเด้อลุง  บอกว่ากลอนนี้จากผู้บ่าวคุ้มส่างหลวงมอบให้ผู้สาวคุ้มวัด” บ่าวเชิดขอร้องพ่อเฒ่าก้อนแทนเพื่อนเกลอที่ยืนเกาหัวแกรก ๆ ด้วยความเขินอายอยู่ด้านข้าง
“ฮ่า..ฮ่า..ลูกหลานบ้านดอนผักหวานมันคือบ่ได้เลือดกูแนวะ  เล่นสาวมันยากป่านนั้นบ่หำ ฮ่า..ฮ่า.. เอ้า ๆ เดี๋ยวลุงจัดให้” พ่อเฒ่าก้อนรับคำจะลำเต้ยเกี้ยวสาวให้
“ขอบคุณหลาย ๆ ครับพ่อลุง” สองหนุ่มยิ้มแป้นยกมือไหว้ขอบคุณพ่อเฒ่าก้อน
หลังจากที่ทุกคนกินข้าวปลาอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว  พวกผู้ชายก็เริ่มติดคบเพลิงรอบ ๆ ลานบ้านของตาน้อย  ส่วนผู้หญิงก็ปูสื่อบริเวณลานหน้าบ้าน  โดยมีตูบต่อเล้าของบ่าวเหลี่ยมกับสาวสายบัวเป็นฉากการแสดงลำเต้ยในค่ำคืนนี้
“ป้านางหย่ำในบักขามขั่วบ่ ?” บ่าวเขื่อนยื่นห่อเม็ดมะขามคั่วให้กับนางแม่ของเดอลา
“โอ้ย ! ป้าแข่วบ่ดี  เอาไปให้ผู้แส่ผู้สาว  ผู้เขาแข่วดีหย่ำพุ้น" นางแม่ของเดอลา รู้ทันบ่าว เขื่อนว่าอยากจะมานั่งดูลำเต้ยกับน้องสาวตน  จึง โบ้ยให้ไปนั่งด้วยกัน  ถึงแม้จะเป็นเวลากลางค่ำ กลางคืน  แต่ทั้งสองก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด
“สอย ๆ สาวสำน้อยบ่ฮู้จักอ้ายเชิด  บาดพอถึกเขาเปิดกระโปรง โอ้ อ้ายเชิดแห่งดอนผักหวาน อันนี้กะสอย …”  บ่าวเชิดพูดสอยขึ้นมากลางวงของสาวต้อย สาวแดงและสาวขาว  ผู้หญิงที่ตัวเองรัก
“โอ้ย ! ! ! สอยจังสิกะอยากสอยนำคะเจ้าอยู่หวาอ้ายเชิด  หล่ะงึดหล่ะง้อ  คนหยังมะหลงโตเองกะดักกะด้อ" สาวแดงดักคอบ่าวเชิด
“โอ้ย ! โตกะว่าบาปอ้ายคักน้อแดง   อนาคตเขยเฮือนโตเด้นิ  ฮ่า..ฮ่า..แมนบ่ขาวน้องหล่า ?” บ่าวเชิดแทรกตัวลงนั่งบนสื่อข้าง ๆ สาวขาวที่ยิ้มหน้าบานรออยู่แล้ว
“อ้ายเขื่อนผู้จบผู้งามป่านนี้เลายังบ่หลงโตเองคือเจ้าเลยเด้ออ้ายเชิด  ลดความมั่นใจลงจักหน่อยแน  เจ้าสิหล่อเลยหล่ะ" สาวแดงยังพูดกระแนะกระแหนเชิดไม่ยอมหยุด
“สรุปกูหล่อรึกูขี้ฮ้ายวะหมอ ฮ่า...ฮ่า..” บ่าวเชิดหันไปถามบ่าวเขื่อนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง
“มาอ้ายเขื่อนมานั่งทางนี้ข่อยไปเบิ่งอีแม่จักบึดก่อนฝากไอ้ต้อยกับไอ้ขาวแนเด้อ” สาวแดงขยับลุกขึ้นเพื่อให้บ่าวเขื่อนมานั่งแทนที่
“อ้าว ! คึปล่อยกันถิ่มจังสิหล่ะแดง ?” สาวต้อยร้องตามสาวแดง  แต่ไม่ทันเสียแล้ว
(เครดิตภาพจาก www.piaxabay.com)
"นั่งนำแนเด้อ..” บ่าวเขื่อนขยับตัวไปนั่งข้าง ๆ สาวต้อย
“นั่งแล้วกะยังมีหน้ามาขออีก  หึ๋ย !” สาวต้อยทำทีเบ้ปากประชดประชัน
“โดนแล้วเนาะเฮาบ่ได้มานั่งเบิ่งหมอลำนำกันจังสิ” บ่าวเขื่อนเอ่ยปากถาม  ส่วนมือก็เลื่อนไปกุมมือสาวต้อยไว้
“อ้ายเขื่อน !” สาวต้อยอุทานตกใจที่จู่ ๆ ก็ถูกบ่าว เขื่อนกุมมือโดยไม่ทันตั้งตัว
“อยู่ซื่อ ๆ เดี๋ยวผู้เฒ่าเห็น” บ่าวเขื่อนกระซิบ
สาวต้อยไม่ตอบอะไร  ในหัวตื้อไปหมด  หมอลำพ่อเฒ่าก้อนเริ่มขึ้นแล้ว  แต่สาวต้อยไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย  นอกจากหัวใจตัวเองที่เต้นไม่เป็นจังหวะ  มันอื้ออึงไปหมด  นานแล้วจริง ๆ ที่ตนไม่ได้มีโอกาสมาใกล้ชิดกับบ่าวเขื่อน โดยเฉพาะในยามค่ำคืนเช่นนี้  ความรู้สึกอบอุ่น  ตื่นเต้นมันปะปนกันไปหมด
บ่าวเขื่อนขยับเข้าไปใกล้สาวต้อยมากขึ้น  มากพอที่จะได้กลิ่นกายสาวเจ้า  ที่ได้จากการประพรมแป้งหอมจนกลายเป็นกลิ่นประจำเธอไปแล้ว
กลอนลำเต้ยของพ่อเฒ่าก้อนในค่ำคืนนี้สนุกสนานและมีความหมายเป็นพิเศษสำหรับบ่าวเขื่อน  เพราะเขาได้ไปไหว้วานให้พ่อเฒ่าก้อนลำมอบให้สาวต้อยโดยเฉพาะ  แทนความในใจขอบ่าวเขื่อนที่มีต่อสาวต้อย
“กลอนลำเต้ยเกี้ยวสาว" ของบรมครูหมอลำเคน ดาเหลา พร้อมแล้ว  ผู้อ่านพร้อมหรือยังคะ  ถ้าพร้อมก็แสกน QR Code หรือกดลิงก์ไปฟังได้เลยค่ะ
(เครดิตภาพจากช่องยูทูบ : โต้ง อนุรักษ์)
ติดตามอ่านนวนิยายเรื่องก่อนตะวันรอนตอนอื่น ๆ ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้นะคะ
👉https://www.blockdit.com/series/6064f329c23caf0c5132b6c7
📔นวนิยายเรื่อง: ก่อนตะวันรอน
📔ผู้แต่ง: งามดอกบัว
📔สำนักพิมพ์: อีสานพันทาง
📔#สงวนลิขสิทธิ์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา