18 ส.ค. 2021 เวลา 13:21 • หนังสือ
วันนี้ผมจะมารีวิวและสรุปหนังสือที่มีชื่อว่า ‘The power of input’
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคุณหมอชิออน คาบาซาวะ
แปลโดยคุณอาคิรา รัตนภิรัต
หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับศิลปะแห่งการเลือก รับและรู้ครับ
มีเทคนิคมากมายภายในเล่มที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ครับ
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มต่อของ The power of output
คุณหมอได้บอกไว้ว่า output ต้องมาคู่กับ Input
แม้ Output จะดีแต่ Input เข้ามาไม่ดี ก็ไม่ดีเช่นกันครับ
หนังสือเล่มนี้จะแบ่งเป็น 7 ส่วน
1 พื้นฐานการ Input
2 Input ด้วยการอ่าน
3 Input ด้วยการฟัง
4 ดูอย่างไรให้พัฒนาตนเอง
5 เรียนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
6 ใช้ Internet ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
7 เพิ่มขีดความสามารถในการ Input(Advanced)
ความรู้สึกหลังอ่าน
คุณหมอชิออน คาบาซาวะเป็นอีกคนที่ผมเห็นหนังสือออกใหม่ก็อยากอ่านทันที เพราะเป็นนักเขียนที่เขียนหนังสือดีมาก แต่ละอย่างก็นำมาใช้จริงได้ง่าย ความรู้ก็มาจากผู้เชี่ยวชาญเองครับ
พอได้อ่านก็ไม่ผิดหวังครับ
แม้บางอย่างจะมาปรับใช้ในปัจจุบันยาก จากสถานการณ์โควิดแต่ผมเชื่อว่า ยังไงก็ได้ใช้เทคนิคจากในเล่มนี้แน่นอนครับ
เทคนิคของคุณหมอมีเยอะมาก ผมเลือกมาบางอันจากแต่ละหัวข้อมาสรุป
ยังมีอีกมากมายที่ผมไม่ได้สรุปไว้
ถ้าถามว่าเทคนิคเยอะขนาดไหน
เยอะขนาดที่น่าจะครอบคลุมทุกกิจวัตรของเราจริงๆครับ
ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ไปเที่ยว กินอาหาร ฯลฯ
ผมคิดว่า The power of Input และ The power of output
ผมจะได้หยิบขึ้นมาอ่านเรื่อยๆแน่ครับ
ถ้าใครอยากให้ผมสรุปเทคนิคที่เหลือหรือกล่าวถึงมากขึ้น
พิมพ์ ‘อยากรู้’ ได้เลยครับ
1
กฎพื้นฐานของ Input
1 อ่าน ฟัง ดูอย่างตั้งใจ
อ่านอย่างละเอียด ฟังอย่างจดจ่อ จ้องมอง
เพื่อการรับข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพครับ
2 กำหนดเป้าหมายก่อน Input
เมื่อเรากำหนดเป้าหมายก่อนทำ Input
จะทำให้เรามีเป้าหมาย และมีทิศทาง
เพิ่มความสามารถในการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้ครับ
3 Input ต้องมาคู่กับ Output
Input คือ ‘อ่าน’ ‘ฟัง’
Output คือ ‘พูด’ ‘เขียน’ ‘ปฏิบัติ’
ทั้ง 2 อย่างนี้เปรียบเหมือนเป็นเหรียญ 2 ด้านที่ต้องทำควบคู่กันไป
จะทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
1
สิ่งสำคัญในการ Input ที่ผมจะบอกอีก 2 อย่าง คือ
1 คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ
อ่านแล้วนำไปทำจริงแม้จะได้นิดเดียวแต่ดีกว่าอ่านเป็น 10 เล่มแต่ไม่ได้นำไปลองทำเลยครับ
2 เนื่องจากข้อมูลในปัจจุบันมีจำนวนมาก
การคัดเลือก Input เข้าไปจึงเป็นสิ่งจำเป็นครับ
1
อ่านให้มีประสิทธิภาพ
1 ตั้ง Output ล่วงหน้า
เป็นการบอกว่า เราจะ Input ไปเพื่ออะไร
การคิดก่อนเช่นนี้จะทำให้ประสิทธิภาพการ Input ดีขึ้นเป็น 100 เท่าครับ
2 อ่านแบบรีวิวให้คนอื่นฟังได้
เพราะการอ่านรู้ว่าการอ่านเพื่อจะนำมารีวิวหรือมาอธิบายให้คนอื่นฟัง
จะช่วยให้เราอ่านอย่างละเอียดมากขึ้น คอยดูว่าส่วนไหนสำคัญ หรือส่นไหนควรนำมารีวิว
เป็นสิ่งที่ผมทำอยู่ตลอด เพื่อนำมารีวิวให้ทุกคนอ่านกันนั่นเองครับ
1
3 ข้ามไปอ่านส่วนที่อยากอ่านก่อน
อ่านสารบัญ ดูว่าอยากอ่านเรื่องไหนก่อนแล้วไปอ่าน
เมื่ออ่านแล้วจะได้รู้เรื่องที่ต้องการและเห็นภาพรวมคร่าวๆของหนังสือเล่มนั้นๆ
ทำให้อ่านได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ
วิธีนี้ไว้อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเองครับ
เพราะหากการอ่านนิยายก็ควรอ่านจากต้นไปจบอยู่ดีครับ
1
4 อ่านเพื่อแก้ปัญหา
เพราะปัญหามากมายล้วนแก้ได้ด้วยการอ่านหนังสือ
การที่อ่านหนังสือเพื่อแก้ไขปัญหาของตัวเอง
แม้บางทีปัญหาเราอยู่ที่ -100 การได้อ่านหนังสือจะแก้ไขปัญหาได้แค่ -70
แต่ยังดีกว่าการไม่ทำอะไรเลยแล้วปัญหายังกลายเป็น -100 อยู๋นะครับ
5 เพิ่มความสามารถในการเลือกหนังสือ
หาเริ่มต้นควรอ่านจากหนังสือที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำครับ
เพราะคนนั้นๆต้องอ่านมามากมายก่อนมาแนะนำครับ
1
ฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
1 นั่งแถวหน้าสุด
หลายๆคนอาจจะกลัวการนั่งแถวหน้าในการฟังอะไรก็ตาม เพราะกลัวว่าจะถูกเรียกถาม
แต่จริงๆแล้วการนั่งแถวหน้าจะช่วยเพิ่มความตื่นเต้น ส่งผลให้เราตั้งใจฟังมากขึ้นครับ
2 เงยหน้าฟัง
แม้จากเล่ม The power of output
อัตราส่วนการ Input : Output อยู่ที่ 3 : 7
แต่การฟังเราควรฟังมากกว่าจดครับ
เพราะมัวแต่จดเราจะไม่ได้ตั้งใจฟังอย่างตั้งใจ
การฟังก็จะไม่มีประโยชน์ครับ
3 เขียนเป้าหมายใส่กระดาษ
เขียนสิ่งที่เราต้องการรู้ในการฟังครั้งนี้ก่อนเริ่มฟัง
เพราะเมื่อถึงการพูดถึงเรื่องราวๆนั้น
เราจะตั้งใจฟังมากยิ่งขึ้นครับ
1
4 เตรียมคำถามล่วงหน้า
เวลาผู้บรรยายถามแล้วเราไม่เข้าใจ เราะถามได้ทันทีครับ
1
5 จดโน้ตกระตุ้นสมอง
แม้การจดโน้ตโดยตลอดไม่ดีมากนัก
แต่ก็ต้องมีบางสิ่งที่ควจดอยู่ดีคือ
เรื่องที่ค้นพบ ใจความสำคัญและประเด็นสำคัญครับ
นอกจากนั้นการจดจะยังช่วยให้สมองเราถูกกระตุ้นตื่นตัวมากขึ้นครับ
พอเป็นออนไลน์การฟังมีการปรับเปรียบมากขึ้น แต่ยังไงเทคนิคแบบนี้ได้ใช้แน่นอนครับ
Watch
1 การสังเกต
ประโยชน์นั้นมีมากมายเช่น พัฒนาตนเองดีขึ้น เพิ่มความสามารถในการสื่อสาร เป็นต้น
2 การดูซ้ำ
การทำ Input 3 ครั้งใน 2 สัปดาห์จะทำให้เราจำได้มากขึ้น
แม้จะไม่เท่าการ Output 3 ครั้งใน 2 สัปดาห์
แต่กดีกว่าการไม่ทำอะไรเลยครับ
1
3 ชมภาพยนตร์
นอกจากจะมีความสนุก ความบันเทิงแล้ว
ยังมีส่วนที่ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงเรื่องราวของคนๆนั้น
ฝึกคิดว่าทำไมคนนั้นๆถึงทำแบบนั้นด้วยครับ
4 ชมงานศิลปะ
เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ กระตุ้นสมองและผ่อนคลายครับ
5 ไม่ดู
เวลาพักของคนส่วนใหญ่คือการเล่นโทรศัพท์แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่การพักครับ
มันคือการใช้สายตาและสมองเล่นโทรศัพท์อยู่ดี
เพราะฉะนั้นการพักที่ดีที่สุดคือ การหลับตาครับ
1
ในนี้อาจจะมีหลายอย่างที่ทำได้ยากจากเหตุการณ์ในปัจจุบันครับ
แต่ผมเชื่อว่า หากถึงเวลาหรือนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้ จะมีประโยชน์แน่นอนครับ
Learn
1
1 พบปะผู้คน
เป็นการเร่งการพัฒนาตัวเองและเทนิคการ Input ที่ดีเยี่ยมครับ
และการพบผู้คนควรพบให้จำนวนครั้งมากๆเพื่อความสนิทครับ
2 เรียนรู้จากเมนเทอร์
คือการเลียนแบบคนที่เราอยากเป็น คนที่เราเคารพครับ
จะเป็นช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วครับ
3 เดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเดินทางแบบไหน เราจะเรียนรู้มากมาย
ทั้งการใช้ชีวิตของคนพื้นที่นั้นๆหรือการได้เปิดมุมมองใหม่ๆที่เราไม่เคยเห็นนั่นเองครับ
4 รู้จักตัวเอง
ผ่านการเขียนไดอารี การทำสิ่งใหม่ๆเพื่อค้นหาตัวเอง
เพิ่มความเร็วในการพัฒนาตนเองครับ
5 กินของอร่อย
อาจจะคิดว่าไม่มีประโยชน์นะครับ
แต่การกินของอร่อยเป็น Input ที่ง่ายที่สุดในการทำให้ตนเองมีความสุขหลังจากการทำอะไรมาเหนื่อยๆแล้วครับ
Internet
1 ปรับสมดุล ข้อมูล: ความรู้ = 3 : 7
เพราะข้อมูลเมื่อเวลาผ่านไปมันก็เก่าได้เหมือนข่าว
แต่ความรู้ไม่เก่าแม้เวลาจะผ่านไปครับ
1
2 ประโยชน์จากคลิป
มีวิดีโอการเรียนรู้มากมายที่สามารถสร้างประโยชน์ให้เราได้ใน Youtube ครับ
1
3 อ่านข่าว
ข่าวในแต่ละวันมีมากมายจริง
เราจึงควรอ่านเฉพาะข่าวที่เกี่ยวกับสายงานเราครับ
ส่วนข้อมูลจำเป็นอื่นๆ ถ้ามันสำคัญจะมีคนสรุปไว้ให้เราอ่านแล้วครับ
1
4 ใช้อย่างเหมาะสม
ควรหลีกเลี่ยงการใช้สมาร์ทโฟนหรือควรใช้ตามความจำเป็นครับ
เพื่อการเรียนรู้ที่ดีขึ้นครับ
5 แชร์ข้อมูล
มีอะไรน่าสนใจควรแชร์ครับ เพราะนอกจากจะทำให้พัฒนาตนเองดีขึ้นจากการเห็นโพสนั้นอีกครั้ง
ยังช่วยให้คนอื่นได้รับประโยชน์จากข้อมูลที่เราแชร์ด้วยครับ
Advanced Input (เพิ่มขีดความสามารถในการ Input)
1 กฎ 3+3
เพราะสมองเราจำเป็นหลักได้ไม่กี่อย่างครับ
เวลาเราอ่านหนังสือ จึงควรหาสิ่งที่ค้นพบ 3 เรื่อง + สิ่งที่จะทำ(To do list) 3 อย่าง
นำไปปฏิบัติแล้วกลับมาอ่านซ้ำเพื่อหาสิ่งที่ค้นพบใหม่แบบนี้เรื่อยๆจะดีกว่าครับ
1
2 ดึงความจำหลัง Input ทันที
ถามว่าตอนไหนเราถึงจะทำ Output ได้ดีที่สุด
ก็ต้องตอบว่าหลัง Input ทันทีครับ
ยิ่งเราฝึกเขียนสิ่งที่ได้จากการ Input นั้นทันทีไม่ว่าจะเป็น
การอ่านหนังสือ การดูคลิปวิดีโอ การดูหนัง
จะช่วยให้เราจำได้ดีมากๆเลยครับ
1
3 สร้างห้องสมุดสมองด้วย Mandala Chart
เป็นการทำคลังความรู้ที่เราสนใจไว้
เมื่อเราได้ยิน หรือเห็นสิ่งนั้น เราจะตั้งใจขึ้นมาทันทีครับ
1
4 15 นาทีก่อนนอน คือ ‘เวลาทองของความจำ’
เวลา 15 นาทีก่อนนอนหากเราอ่านหนังสือหรืออยากจำข้อมูลอะไรควรทำตอนนี้ครับ
พอทำเสร็จให้เข้านอนทันทีจะทำให้จำได้ดีมากๆครับ
1
5 Input ในตอนนี้คือตัวเราใน 10 ปีข้างหน้า
คุณหมอบอกเองครับว่า เขาขอบคุณตัวเขาใน 10 ปีที่แล้วมากครับ
ที่ Input ไว้มากและ Output มากเช่นกัน
จึงทำให้เขาสามารถทำผลงานเช่นเขียนหนังสือปีละ 2-3 เล่ม
อัพโหลดยูทูป 6 ปีติด ได้นั่นเองครับ
สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้มันจะค่อยๆซึมแล้วเปลี่ยนกลายเป็นนิสัยของเราในที่สุดครับ
มาสร้าง Input เพื่ออนาคตที่ดีของเรากันครับ
2
ขอบคุณสำหรับการรับชมครับ
โฆษณา