26 ส.ค. 2021 เวลา 00:00 • หนังสือ
35 ปีก่อน หลังกลับจากสหรัฐอเมริกาโดยไม่มีปริญญาบัตร ผมไปสมัครทำงานในเอเจนซีโฆษณายักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ผู้สัมภาษณ์ถามว่าเรียนจบอะไรมา เมื่อรู้ว่าไม่มีปริญญาสายโฆษณา การสัมภาษณ์ก็ยุติลงในเวลาอันสั้น
2
ผมเรียนสายออกแบบจากมหาวิทยาลัยระดับคุณภาพของอเมริกามาก็จริง แต่เรียนโดยไม่ได้รับปริญญาเนื่องจากไม่มีเงินพอ การเรียนโดยไม่ขอรับปริญญาราคาถูกกว่าครึ่ง ทว่าในสายตาของคนจำนวนหนึ่ง ไม่มีใบปริญญาคือไม่มีความรู้
2
ไม่น่าเชื่อว่าคนในวงการซึ่งต้องคิดนอกกรอบอยู่ตลอดเวลายังไม่อาจก้าวพ้นกรอบของกระดาษใบหนึ่ง!
14
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอการวัดค่าคนด้วยกระดาษหนึ่งแผ่น เหตุการณ์แบบนี้เป็นเช่นลมกระโชกแรงพัดไฟของคนหนุ่มซึ่งพร้อมลุยวูบไหวรวนเรไปพักหนึ่ง
คนไม่มีปริญญาพูดอะไรก็ไม่ค่อยขลัง!
5
ผมเคยเชื่อว่า หากเราจะทำอะไร ก็แค่เตรียมพร้อมแล้วเดินดุ่ม ๆ เข้าไป ผลงานคือใบเบิกทาง ผมผ่านด่านแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
2
ฝัน, เตรียมพร้อม, เติมความรู้จนแน่นเปรี๊ยะ แล้วเดินดุ่ม ๆ เข้าไป
ผมเคยเข้าสู่วงการนิยายภาพ เคยเข้าสู่วงการออกแบบบัตรอวยพรในอเมริกาแบบเดินดุ่ม ๆ เข้าไปพร้อมผลงาน และในกาลต่อมาผมก็เข้าสู่วงการหนังสือแบบเดินดุ่ม ๆ เข้าไปเช่นกัน แต่ในโลกของความจริง ใบปริญญายังเป็นใบผ่านทางสำคัญของมนุษย์เงินเดือน
8
ไม่มีปริญญาแต่อยากเปลี่ยนสายงานนั้นยากเอาการ
โชคดีที่ไม่ทุกแห่งใช้ปรัชญาการทำงานแบบ ‘ปริญญาคือทุกสิ่งทุกอย่าง’ ในที่สุดผมก็คืบคลานแทรกตัวเข้าสู่วงการโฆษณาจนได้
3
จนเมื่อผมได้รับรางวัลโฆษณาชิ้นแรกหลังจากทำงานมาปีเดียว ความเชื่อมั่นจึงคืนกลับมาว่า เราทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ
4
หลายปีต่อมาเมื่อผมอยู่ในตำแหน่งที่ต้องสัมภาษณ์เด็กรุ่นใหม่ ผมไม่เคยถามเลยว่าเด็กจบอะไรมา เพียงขอดูผลงานและหรือทดสอบฝีมือ
7
เอเจนซีโฆษณาที่ผมทำงานไม่พิมพ์ตำแหน่งและวุฒิการศึกษาบนนามบัตร สำหรับเรา มันไม่มีความหมายอะไรเลย
2
ต่อมาเมื่อเรียนจบปริญญาโท ผมก็ไม่ได้ไปรับกระดาษแผ่นนั้น นานจนสำนักทะเบียนของมหาวิทยาลัยโทรศัพท์มาแจ้งให้ไปรับ ‘กระดาษแผ่นนั้น’ ก่อนที่พวกเขาจะทิ้งลงถังขยะ!
6
ผมยังเชื่อว่าใบปริญญาไม่มีความหมายอะไรหากไม่มีความรู้ติดมากับกระดาษแผ่นนั้น
ปริญญาเป็นแค่ดัชนีบอกว่าใครคนหนึ่งเรียนอะไรมา แต่มันไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ทัศนคติขอดูปริญญาก่อนดูงานเป็นค่านิยมของสังคมที่เติบโตยาก
12
ในยุคที่มหาวิทยาลัยเกลื่อนเมือง การได้รับกระดาษแผ่นนั้นง่ายกว่าสมัยก่อนหลายเท่า แต่ตามหลักอุปสงค์-อุปทาน เมื่อใบปริญญามีมาก การหางานทำก็ยากกว่าเดิมหลายเท่า
6
โลกของเราไม่ใช่โลกเล็ก ๆ ใบเดิมที่เราเดินเล่นเฉื่อยแฉะได้อีกต่อไป โลกของเราคือทั้งโลก การแข่งขันไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองไทย แต่คือทั้งโลก
สิ่งที่นักศึกษาพึงแน่ใจว่าได้รับสองสิ่งก่อนออกจากรั้วมหาวิทยาลัย หนึ่งคือความรู้จริง สองคือการฝังความใฝ่รู้ในสมองแบบถาวร
12
การไม่มีความรู้แย่ในระดับหนึ่ง แต่การไม่มีความใฝ่รู้แย่กว่านั้นอีกหลายเท่า เพราะเมื่อนั้น ปริญญาบัตรก็คือมรณบัตร
มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ปลูกฝังวิธีการเรียนเอง เมื่อออกจากรั้วมหาวิทยาลัย จึงยังต้องเรียนไปจนวันตาย
13
เราไม่อาจหยุดเรียนรู้ หยุดเมื่อไรก็คือตาย
ที่สำคัญต้องลดอัตตาและค่านิยมว่า ปริญญาบัตรคือทุกสิ่ง เพราะมิเพียงมันไม่ใช่ทุกสิ่ง มันยังห่างไกลจากคำว่า ‘ทุกสิ่ง’ หลายโยชน์!
6
ไมเคิล เดลล์ เจ้านายใหญ่ของบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ Dell กล่าวว่า “คุณไม่ต้องเป็นอัจฉริยะ หรือคนมีวิสัยทัศน์ หรือแม้แต่บัณฑิตเพื่อจะประสบความสำเร็จ คุณแค่ต้องมีโครงสร้างความคิดและความฝัน”
9
ฝัน, เตรียมพร้อม, เติมความรู้จนแน่นเปรี๊ยะ แล้วเดินดุ่ม ๆ เข้าไป
1
จากหนังสือ #1เปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้ / https://bit.ly/3rNcUmB
โฆษณา