20 ส.ค. 2021 เวลา 09:11
เรื่องนี้เหมือนจะไม่มีใครพูดถึงมากนัก ด้วยความที่อาจเคยได้ยินมาว่าหากใครคิดเรื่องอจินไตย4อาจทำให้เป็นบ้าได้ บทความนี้จะมาอธิบายถึงการได้มาซึ่งอจินไตย4 ที่มีความจำเป็นมาก
อจินไตย4 เอาแบบถ้าพูดแบบเราเข้าใจได้ก็คือ ความคิดเรื่องที่ไม่ควรคิด ในทางธรรมมีอยู่4 อย่าง แต่ในทางโลกมีอยู่เยอะมาก ที่ทำให้เราคิดแล้วปวดสมองและหาข้อสรุปไม่ได้ อจินไตย เป็นเรื่องที่ไม่มีคำตอบให้เป็นวัตถุหรือเชิงประจักษ์ นอกจากต้องพบเองแล้วเวลาอธิบายก็ต้องอุปมา ก็จะเกิดการตีความ
เรื่องดาราศาสตร์เป็นเรื่องอจินไตยของนักเคมี เรื่องเคมีเป็นอจินไตยของนักดาราศาสตร์ แต่ถ้าถามว่าแล้วนักเคมีจะหาความรู้เรื่องดาราศาตร์เพิ่มเติมได้หรือไม่ ต้องบอกว่าได้ แต่ไม่ใช่ด้วยการเดาหรือคิดเอามันน่าจะเป็นอย่างนั้น มันน่าจะเป็นอย่างนี้ ต้องศึกษาจากผู้รู้จริงเรื่องดาราศาสตร์ นักดาราศาสตร์ต้องการเรียนเคมี ก็ต้องทำแบบเดียวกัน
อจินไตย4 ก็เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบเชิงประจักษ์ได้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย รับรู้ได้ด้วยจิตที่ถูกฝึกมาดีแล้ว ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
อจินไตย4ประกอบไปด้วย
1. พุทธวิสัย 2. ฌานวิสัย 3.กรรมวิสัย 4.โลกวิสัย
พุทธวิสัย
โดยที่เรารู้กันคือคิดแบบพระพุทธเจ้า คือคิดว่าหากเป็นพระพุทธเจ้าจะคิดยังไงในเรื่องนี้ ไม่มีคำตอบให้แน่นอน เมื่อรู้สึกนึกคิดเอา เวลาปฏิบัติ ก็รู้สึกนึกคิดเอา ธรรรมจึงเป็นรูปแบบของตัวเองไป ไม่ใช่ในแบบพระพุทธเจ้าได้ค้นพบและประกาศ
ฌานวิสัย
ฌานคือความสามารถอย่างหนึ่ง ที่มีเหตุมีปัจจัยที่จะมีความสามารถอย่างนี้ ฌานมี2แบบอย่างที่เคยพูดไว้แล้ว ในทางโลกผู้มีความสามารถในด้านต่างๆมีมากมาย เราไม่อาจมีความสารถหรือรู้ว่าความสามารถของเขามีได้อย่างไรด้วยการรู้สึกนึกคิดเอา
กรรมวิสัย
กรรม แปลว่า การกระทำ เป็นคำกลางๆ ไม่ดี ไม่ร้าย ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยให้เกิด หนึ่งเหตุอาจมีผลเดียวหรือหลายผลก็ได้ การรู้สึกนึกคิดเอาเองในเรื่องนี้จังไม่สามารถรู้ผลจริงๆได้
โลกวิสัย
โลกนี้โลกหน้าเป็นอย่างไร เรื่องนี้เห็นชัดว่าหากรู้สึกนึกคิดเอายังไงก็ไม่ได้คำตอบจนสิ้นสงสัย
1
นี่คืออจินไตย4 สิ่งที่ไม่ควรคิด แต่ไม่ได้หมายถึงให้เราไม่ใส่ใจ เพราะผู้ปฏิบัติธรรมสุดจนถึงผลจะได้สภาวะอจินไตย4 หากไม่รู้ในอจินไตย4 แล้วจะรู้ธรรมได้อย่างไรเช่น
ไม่รู้ในพุทธวิสัย คือ ไม่รู้ ธรรมอันเป็นเหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ธรรมอันเป็นเหตุดับทุกข์ ไม่รู้คุณ ไม่รู้โทษ ไม่รู้อุบายเครื่องออกจากผัสสายตนะทั้ง6ตามความเป็นจริง
ก็ไปรู้ในฌานวิสัยไม่ได้ เมื่อไม่ได้กระทำฌาน ก็ไม่ได้เห็นกรรม เมื่อไม่เห็นกรรม ก็ไม่รู้ผลที่จะเกิดโลกเก่าโลกใหม่ เมื่อไม่รู้ดังนี้ หนทางแห่งการเข้าถึงธรรมก็จะยากมาก
สำหรับคุณสมบัติที่จะได้อจินไตย4 คือรู้ในอริยสัยจ4 จนถ้วนรอบ หรือรู้ในธรรมเกิดทุกข์และธรรมดับทุกข์ แล้วกระทำฌานในสติปัฐฐานทั้ง4 ขณะกระทำฌานก็จะรู้กรรมไปด้วย และได้รู้ชีวิตเก่าและชีวิตใหม่ คือก่อนและหลังการปฏิบัติธรรม
การฟังธรรมเนืองๆจะช่วยให้ได้มาซึ่งอจินไตย4 คือธรรมที่เป็นแนวทางให้ค้นพบคำตอบเองได้ ธรรมทั้งหมดทั้งมวลเป็นแนวทาง เป็นแผนที่นำทาง ที่เหลือต้องค้นพบด้วยตัวเอง
1. ฟังธรรมเนืองๆ ธรรมจะอยู่ในสัญญา
2. จำติดปาก วาจาพูดอกมาจากสังขารที่ปรุงแต่งในสัญญา
3. จำขึ้นใจ เมื่อพูดได้คล่องปากก็เกิดการจำขึ้นใจ
4. แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ เมื่อฟังธรรมที่ถูกต้อง จนขึ้นใจการแทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิย่อมเกิดขึ้น อุปมาการดูแผนที่ หากไม่หยิบแผนที่ผิดอัน ก็ทำให้แทงตลอดในธรรมได้ในที่สุด
2
จะได้รับอานิสงส์ 4 ประการ
1. บทธรรมปรากฏขึ้นเอง ในที่นี้หมายถึงธรรมที่ทำให้ตรัสรู้ ซึ่งปัจจัยธรรมนั้นพระพุทธเจ้าได้นำมาประกาศแล้ว ในส่วนนี้เป็นส่วนของพระพุทธเจ้า แม้อรหันตสาวกมีความรู้ในธรรมเหมือนพระพุทธเจ้าทุกประการ ธรรมที่บรรลุก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นเองก่อน แต่เกิดจากการฟังธรรมในพระพุทธเจ้า
2. ฟังอรหันตสาวกแสดงธรรมแล้วรู้ตามธรรรม (ภิกษุผู้มีฤทธิ์ถึงความชำนาญแห่งจิตแสดงธรรมแก่เทพบริษัทอยู่) อานิสงส์ข้อนี้คือสามารถฟังธรรมจากพระอรหันต์แล้วรู้เรื่อง ซึ่งผู้ใดได้อานิสงส์ข้อนี้ จะสามารถอ่านพระไตยปิฎกได้ถ้วนรอบ เนื่องจากธรรมในพระพุทธเจ้าที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก เป็นอรหันตสาวกแสดงอยู่ทั้งสิ้น หรือพระอรหันต์ในปัจจุบันแสดงธรรมอยู่ก็รู้ตามธรรมได้
3. ฟังเทวบุตรแสดงธรรมแล้วรู้ตามธรรม ในฐานะนี้สามารถฟังธรรมจากผู้ที่ได้รับอานิสงส์ประการที่2 ที่ฟังอรหันตสาวกแสดงธรรมแล้วรู้ตามธรรม หรืออ่านพระไตรปิฎกได้ แต่บุคคลที่3ยังไม่สามารถฟังธรรมกับพระอรหันต์โดยตรงแล้วรู้จนถ้วนรอบได้
4. ฟังผู้รู้ธรรมมาบอกธรรรมแล้วรู้ตามธรรม ฐานะนี้เมื่อผู้รู้ธรรมมาบอกธรรมแก่ตน ตนเองก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก ระลึกธรรมที่เคยรู้มาได้ไม่ยา่ก
เมื่อได้อานิสงส์ข้อใดข้อหนึ่งก็จะถึงสภาวะอจินไตย 4 คือ
1. พุทวิสโย รู้ธรรมที่เป็นเหตุเกิดทุกข์ ธรรมที่เป็นเหตุดับทุกข์ โดยถ้วนรอบ และหลังจากนั้นจะบรรลุฌานวิสโย
2. ฌานวิสโย สามารถกระทำฌานเพื่อความดับทุกข์ตามลำดับได้ หลังจากนั้นก็จะสามารถรู้กรรมวิปาโก
3. กรรมวิปาโก รู้กรรมรู้ผลแห่งกรรม รู้การกระทำกรรมให้สิ้น หลังจากนั้นก็จะถึงสภาวะโลกจินตา
4. โลกจินตา รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง โลกเก่าที่ทำให้เวียนวายอยู่ในวัฏสงสาร โลกใหม่ที่ทำให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร
จะเห็นความสอดคล้องกัน พุทธวิสัย คือ บทธรรมต่างๆที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็คือ ทุกข์ และ ดับทุกข์ เมื่อรู้ธรรมก็สามารถกระทำฌานเพื่อดับทุกข์ได้ เมื่อกำลังดับทุกข์อยู่ ก็จะเห็นเหตุเหตุเกิด เห็นเหตุดับ รู้คุณ รู้โทษ รู้อุบายเครื่องออกจากผัสสายตนะทั้ง6ตามความเป็นจริงก็จะรู้เรื่องกรรม เมื่อดับกรรมจนสิ้นด้วยวิปัสสนาญาณ ก็จะเห็นโลกใหม่ หรือตัวตนใหม่ที่เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ หรือโลกเก่าที่เคยดำเนินอยู่
การได้รับอานิสงส์4ประการ ผู้ที่ได้รับอานิสงส์ประการที่ 4 สามารถได้รับอานิสงส์ยิ่งๆขึ้นไปได้ตามลำดับ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้เมื่อไร ขึ้นอยู่กับอินทรีย์และรู้ได้เฉพาะตน
หวังว่าบทความนี้จะมอบสาระและข้อมูลที่ท่านต้องการทราบ
ท่านสามารถฟังPODCAST อจิตไตย4 เพิ่มเติมได้ที่นี้ 👇
โฆษณา