ผมเคยบอกกับตัวเองว่าจะโพส เรื่องราวต่างๆ
มีสาระบ้าง ไม่มีสะระบ้าง งานบ้าง
นอกเหนืองานบ้าง
ไม่ได้อยากโชว์ หรือสอนอะไรใครนะครับ
เพียงแค่อยากฝึกวินัย ให้ทำอะไรบางเรื่องให้
ต่อเนื่องเท่านั้น
และผมใช้เรื่องดีๆ เหล่านั้น มาเตือนสติตัวเอง
อยู่เสมอ เป็นข้อคิดในวันที่ตัวผมเองต้องการ
กำลังใจ ในวันที่ฟ้าฝน ไม่เป็นใจ
พอนึกถึงชีวิตขึ้นมา ก็นึกถึงเรื่องนี้นะ
จากหนังสือ “มาร์เก็ตติ้งลิงกลับหัว” จึงอยากแชร์
ให้อ่านกันฮะ!
LIFE IS LIKE A GAME OF CARDS THE HAND
YOU ARE DEALT IS DETERMINISM;
THE WAY YOU PLAY IT IS FREE WILL
— JAWUAHARLAL NEHRU
“ชีวิตก็เหมือนการเล่นไพ่ ไพ่ในมือคือตัวกำหนด
แต่จะเล่นยังไงขึ้นอยู่กับคุณ”
— เยาวหราล เนห์รู
ณ เมืองนากูรู ประเทศเคนยา
ที่นี่ชาวบ้านทำอาชีพหลักคือเลี้ยงไก่
และช่วงที่ลูกไก่บอบบาง
เสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่สุดคือ ช่วง 10 สัปดาห์แรก
หลังจากฟักออกจากไข่
ความเสี่ยงแรกคือเรื่องโรค ซึ่งก็เป็นปกติของ
การเลี้ยงไก่ทุกที่ และที่นี่ก็มีระบบให้วัคซีนแก่
ลูกไก่เพื่อป้องกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องโรคจึง
ถือว่าควบคุมได้ในระดับหนึ่ง
แต่อีกความเสี่ยงหนึ่งซึ่งเป็นรื่องฉพาะของเมืองนี้คือ
นกอินทรี และเหยี่ยวซึ่งมีทุกชุม
เหล่านกนักล่าเหล่านี้เห็นลูกไก่
เป็นอาหารอันโอชะสุดๆ
พอล ซีวาร์ด (Paul Seward) เป็น NGO คนหนึ่ง
ที่ทำงานอยู่ในเคนยากับองค์กรที่ชื่อ Farm Input
Promotions Africa (FIPS-Africa)
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตของ
เกษตรกรรายย่อยที่ยากจน
เกษตรกรเหล่านี้ยากจนข้นแค้นมาก
บางคนมีที่ดินไม่ถึง 1 ไร่ด้วยซ้ำ
เรื่องการจะสร้างโรงเรือนมาเลี้ยงสัตว์เพื่อป้องกัน
ฝูกนกนักล่านั้นลืมไปได้เลย
โจทย์ที่พอลต้องแก้ไขจึงไม่ธรรมดา
ทำอย่างไรจึงจะเพิ่มอัตราการรอดของลูกไก่?
โดยไม่ต้องสร้างโรงเรือน หรือใช้การทุนสูง
และที่สำคัญต้องไม่ทำอันตรายกับนกอินทรี
และเหยี่ยวด้วย เพระคงไม่มีใครอยากไปทำร้าย
นกนักล่าเหล่านี้
นั่งดิดนอนคิดอยู่หลายวัน ในที่สุดพอลก็คิดออก
เขานึกไปถึงสีที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
(Biodegradable)
ว่าแล้วก็เลยเอามาทดลองทาลงบนตัวลูกไก่โดย
เปลี่ยนลูกไก่เป็นสีฟ้า
และสีนี้จะสลายไปเองตามธรรมชาติในเวลา
ประมาณ 10 สัปดาห์
พอเหล่านกอินทรี และเหยี่ยวเห็นลูกไก่เป็นสีฟ้า
พวกมันจะไม่ลงมากิน
เพราะไม่รู้ว่าตัวสีฟ้าๆ ที่วิ่งๆ อยู่นี่คืออะไร
ลูกไก่จึงมีโอกาสได้เติบโต และหลังจาก 10 สัปดาห์
ลูกไก่ก็กลายเป็นไก่ที่แข็งแรงพอ
และฉลาดพอที่จะวิ่งหนีหาที่หลบเมื่อเห็น
เงาของเหยี่ยว และนกอินทรีเหนือหัวของพวกมัน
โอกาสในการรอดของพวกมันจึงเพิ่มขึ้นเป็นเงา
ตามตัว
จะว่าไปอัตราการรอดของพวกมันเพิ่มขึ้นจาก 20%
เป็น 85% เลยทีเดียว
ถือว่าเป็นตัวเลขที่นประทับใจมาก
เมื่อไก่รอดมากขึ้น เหล่าเกษตรกรก็มีรายได้ดีขึ้น
สุขภาพกาย และใจดีขึ้น
ในหลายกรณียังมีที่ดินเพิ่มขึ้นอีกด้วย
อ้อ เรื่องนี้ยังช่วยสร้างอาชีพใหม่อีกอาชีพ
คืออาชีพรับจ้างทาสีลูกไก่
บทความยังมีต่ออีกลองไปหาอ่านเพิ่มนะครับ
สิ่งที่รู้สึกกับเรื่องนี้ คือ “คิดได้ไงฟร่ะ”
“โอกาส” บางทีเราเห็น คนอื่นอาจจะไม่เห็น
คนอื่น “เห็น” เราอาจจะ “ไม่เห็น”
ให้ฝึกเป็นคนรับโอกาสอยู่เสมอ
ผมไม่รู้หรอกว่าปลาที่ตกมาได้ตัวเล็กตัวใหญ่
เก็บไว้ก่อน เดี๋ยวมาดูกันว่า จะเอาแต่ละตัว
“ไปทำอะไร”
แต่ตั้งตั้งใจนะครับ อย่าตกเล่นๆ!
มองหา แล้วจะมองเห็นฮะ!
#Lookling
#iamaGreatDreamer
ติดตามได้ที่
Fb : Pattanapong Chimhad
IG : patt_na
ณ ประเทศญี่ปุ่น
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
