ประชาธิปไตย, คอมมิวนิสต์, สังคมนิยม, ทุนนิยม และ เผด็จการ
ก่อนจะพูดถึงรูปแบบการปกครองในปัจจุบัน คงต้องย้อนไปอดีตก่อน ในช่วงการถือครองอาณานิคมจนมาถึงช่วงสงครามเย็น โลกมีประเทศมหาอำนาถอยู่หลายประเทศ โซเวียต จักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิออสเตรียฮังการี่ จักรวรรดิอังกฤษ สหรัฐอเมริกา จีน
โลกถูกแบ่งการปกครองออกเป็น 2 แบบหลักๆ คือ ประชาธิปไตย และคอมมิวนิสต์ ซึ่งในเวลานั้นจะเป็นหลักการแบบสุดโต่ง ในขณะที่โซเวียตกำลังถดถอย และเริ่มแตกคอกับจีน จีนก็แผ่ขยายแนวคิดคอมมิวนิสต์ลงมาเอเชียตะวันออก สหรัฐที่ยึดถือแนวคิดประชาธิปไตยจึงจำเป็นจะต้องคานอำนาจการแผ่ขยายของแนวคิดคอมมิวนิสต์ จนทำให้เกิดเหตุการณ์สำคัญหนึ่งในประวัติศาสตร์คือ สงครามอินโดจีน2 (สงครามเวียดนาม) ประเทศพิพาทสำคัญคือ เวียดนามเหนือสนับสนุนโดยจีน ,โซเวียต กับ เวียดนามใต้สนับสนุนโดยสหรัฐ กินระยะเวลา 19 ปี นั้นคือส่วนหนึ่งของการคานอำนาจยุคสงครามเย็นจนมาถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ดีคนส่วนใหญ่จดจำภาพของคอมมิวนิสต์ได้ชัดกว่า เพราะทั้งโหดร้ายและล้มเหลวไม่ว่าจะเป็น ฮิตเลอร์,วลาเดเมียร์ เลนิน, เหมาเจ๋อตุง หรือแม้แต่ ซัดดัม
เมื่อมีคำว่าคอมมิวนิสต์ผุดขึ้นมาอีกครั้งในไทย โดยกลุ่มประชาชนปลดแอก หลายคนจึงกังวลใจ เพราะภาพจำของคอมมิวนิสต์คือเผด็จการ ทั้งที่จริงๆแล้วตามแนวคิดของ คาร์ล มากซ์ คอมมิวนิสต์เป็นแนวคิดในอุดมคติด้านบวก มากกว่าด้านลบ แต่การนำมาใช้จริงกลับส่งผลด้านลบอย่างมาก
โลกในวันนี้ ไม่ได้มีการปกครองแบบใดแบบหนึ่ง ที่สุดโต่ง คำว่า ประชาธิปไตย, คอมมิวนิสต์, สังคมนิยม, ทุนนิยม และ เผด็จการ เป็นสิ่งที่แยกออกจากกัน และถูกนำมาประยุกต์เข้าด้วยกันได้
- ประชาธิปไตย แบบทุนนิยม , แบบสังคมนิยม หรือแม้แต่คำเกิดใหม่ ประชาธิปไตย แบบเผด็จการ
- คอมมิวนิสต์ แบบ สังคมนิยม , แบบทุนนิยม และแม้ว่า เผด็จการจะเป็นนิยามที่อาจหมายถึงคอมมิวนิสต์ แต่ก็ยังหมายถึงการปกครองในรูปแบบ ราชาธิปไตยอีกด้วย และยังมีรูปแบบอื่นๆอีกมากมาย
สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือไม่ว่าแนวคิดรัฐศาสตร์หรือเศรษฐศาสตร์ใดๆ ล้วนแต่ชูข้อดีของตัวเองทั้งนั้น สิ่งที่ต้องกลับมาคิดคือ แนวคิดนั้นๆ เกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และเกิดประโยชน์ เป็นธรรมต่อทุกๆคนหรือไม่ เพราะถ้ารูปแบบใดก็ตามเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคนใดเพียงกลุ่มเดียว ก็จะไม่เกิดความเป็นธรรมหรือประโยชน์ต่อสิ่งที่เราเรียกว่า "ประเทศชาติ" อย่างแท้จริง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
