24 ส.ค. 2021 เวลา 03:05 • กีฬา
เข้าอีหรอบเดิม
ภาษาไทยวันนี้ ขอเสนอ สำนวนที่ว่า “เข้าอีหรอบเดิม” หมายความว่ากลับเป็นลักษณะเดิม เช่นเดียวกันกับฟอร์มของปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานได้ดีในนัดเปิดฤดูกาล เปิดบ้าน ถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ดไป 5-1 ทำเอาแฟนบอลเรดอาร์มี่ฝันหวานถึงการไล่ล่าแชมป์กับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในฤดูกาลนี้ แต่ยังไม่ทันไรแค่เพียงนัดถัดมาในการไปเยือนสังเวียนเซนต์แมร์รี่ สเตเดี้ยม พลพรรคนักเตะปีศาจ ก็กลับมาโชว์ฟอร์มไม่เอาอ่าว ทำเอาเด็กผีทั่วหล้าฟ้าเขียวขัดใจไปตามกัน และนี่คือสิ่งที่เห็นได้จากเกมส์ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้แค่ไล่ตีเสมอเจ้าบ้านเซาธ์แฮมป์ตัน 1-1
1. กองกลางสะเปะสะปะเมื่อเจอบอลเพรสซิ่ง
เป็นผลพวงตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ที่แดนกลางของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้น มักออกอาการสะเปะสะปะ จ่ายบอลเสีย ทำเกมติดๆขัด เมื่อเจอคู่แข่งบีบเพรสซิ่งเร็ว ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกันกับเกมนี้ ที่มีข่าวออกมาว่า สก๊อต แม็คโทมิเนย์ ไม่พร้อมลงเป็นตัวจริง จึงเป็นหน้าที่ของ เฟร็ด และ มาติช ลงเล่นคู่กัน โดยมาติช ทำหน้าที่เป็นตัวออกบอลจากแดนหลัง แต่ด้วยความเชื่องช้า ของมาติช เมื่อโดนคู่แข่งบีบเข้าหาเร็ว ก็มักเสียบอล รวมทั้งเวลาเพื่อนร่วมทีมจ่ายบอลห่างตัวเขา ก็พร้อมโดนฉกตลอดเวลา ในรายของ เฟร็ด นั้น ออกบอลให้เพื่อน 5-10 เมตร ยังอุตส่าห์ จ่ายไม่ตรงเพื่อนได้เลย คิดแล้วน่าหดหู่เหลือเกิน ส่วนเกมรับของสองคนนี้ ก็ไม่อาจหยุดยั้งเกมสวนกลับของนักเตะทีมนักบุญได้ ยังดีที่ เจ้าบ้านยังไม่เฉียบขาดพอ ไม่งั้นปีศาจแดงคงโดนจับยัดลงฝาโลงไปแล้ว
ถึงตรงนี้ถ้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องการทวงคืนความสำเร็จจำเป็นที่จะต้องเสริมตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับที่จะสามารถออกบอลแม่นยำ รวมทั้งตัดเกมคู่ต่อสู้ได้
2. มาร์กซิยาลกับความไม่คู่ควรในฐานะกองหน้าตัวเป้า
เกมนี้โอเล กุนน่า โซลชา ตัดสินใจส่ง อองโตนี่ มาร์กซิยาล ลงเป็นกองหน้าตัวเป้า อีกครั้ง ซึ่งก็เข้าอีหรอบเดิมกับฤดูกาลที่แล้ว เห็นได้ชัดเจนว่า มาร์กซิยาล ไม่สามารถทำหน้าที่ที่ควรจะทำได้ในตำแหน่งนี้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการพักบอล การส่ายหาพื้นที่ว่างในแดนหน้า การหาโอกาสทำประตู และที่สำคัญ เขาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท และความหื่นกระหายที่จะเล่นเพื่อทีมเลยแม้แต่น้อย และนี่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ณ เวลานี้ ถึงเวลานี้เชื่อว่าบอร์ดของทีมปีศาจแดง คงยากที่จะอนุมัติเงินก้อนโตในการล่ากองหน้าตัวเป้ามาร่วมทีมเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่โซลชาควรจะเห็นชัดได้แล้วว่า มาร์กซิยาล ไม่ควรจะลงมาเล่นในตำแหน่งนี้อีก และควรจะใช้บริการ เอดิสัน คาวานี่ สลับกับ เมสัน กรีนวูด ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าไปเลย อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าทนฝืนใช้มาร์กซิยาลต่อไป
3.การแก้เกมยังช้าเหมือนเดิม
อีกหนึ่งสิ่งที่โซลชายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นที่น่ารำคาญใจของเหล่าสาวกเรดอาร์มี่ เป็นอย่างยิ่ง คือการแก้เกมช้า จนเด็กผีงงกันไปตามกัน ไม่รู้ว่าจะรออะไร ก็ในเมื่อเห็นชัดเจนอยู่ว่าเกมมันไม่ดี โดยในเกมล่าสุด โซลชาตัดสินใจเปลี่ยน จอร์ดอน ซานโช ลงมาแทน อองโตนี่ มาร์กซิยาล ในนาทีที่ 59 เปลี่ยน สก็อต แมคโทมิเนย์ ลงมาแทนเฟร็ด ในนาทีที่ 76 และเปลี่ยนตัวสุดท้าย เจสซี่ ลินการ์ด ลงมาแทน เนมันย่า มาติช ในนาทีที่ 86
ตรงนี้สำคัญมาก ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าทีมรูปเกมไม่ดีและต้องการประตูชัย สองกองกลางตัวกลางอย่างเฟร็ด และ เนมันย่า มาติช เล่นได้ไม่เอาอ่าว ไม่สามารถทำให้เกมแดนกลางของทีมเหนือกว่าคู่แข่งได้ แต่กลับรอจนถึงนาทีที่ 76 และ 86 โดยในรายของ เจสซี่ ลินการ์ด แน่นอนอยู่แล้วว่าเมื่อทีมต้องการประตู เขาย่อมมีความสามารถในการทำประตูและทำเกมรุกได้ดีกว่า เนมันย่า มาติช แน่นอน แต่การลงมาในนาทีที่ 86 มันดูบ้าบอซะเหลือเกิน กับเวลาเพียงเท่านั้นต่อให้ส่งแนวรุกอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ คริสเตียโน่ โรนัลโด หรือ เนย์มา ลงมา ก็ยากที่จะทำประตูได้ทัน ถ้าโซลชายังไม่เปลี่ยนแปลงจุดนี้ ฤดูกาลนี้ของปิศาจแดงก็คงยากที่จะร่วมขับเคี่ยวตำแหน่งแชมป์กับคู่ปรับทีมอื่นๆ
ถ้ามองสถานการณ์ในแง่ดี คือนี่คือเกมที่สองของฤดูกาล และการเสมอก็ดีกว่าแพ้ยิ่งในช่วงจังหวะที่นักเตะของทีมยังไม่สมบูรณ์อีกด้วย แต่ถ้าน้าโอเล่ ยังไม่รีบจัดการแก้ไขปัญหาที่มี และปรับปรุงข้อบกพร่องให้ดีขึ้น ฤดูกาลนี้ เด็กผีทั้งหลายคงต้องอึดอัด ชอกช้ำใจ โดนข่มเหงในโลกโซเชียล กันเช่นเดิม จากการที่ทีมรักทำผลงานหลอกให้อยากในนัดแรก แล้วก็ “เข้าอีหรอบเดิม” อีกตามเคย
ฝากกดติดตามเพจ Football Addicts กันด้วยน่ะครับ
โฆษณา