28 ส.ค. 2021 เวลา 08:59 • นิยาย เรื่องสั้น
ครั้งแรก
ใช่แล้วครับ ทุกๆคนย่อมผ่านคำว่า 'ครั้งแรก' มาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะคุณ หรือผม จะช้า เร็ว แค่ไหน ยังไงก็ต้องผ่านเรื่องแบบนี้มากันทุกคน
ครั้งแรกของผม...อืมมม นานมามากแล้ว นานมากจริงๆ แต่เรื่องวันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกแบบที่คิดกันนะครับ
ครั้งแรกที่ผมจะเล่าในวันนี้ คือ เรื่องราวครั้งแรกของเพื่อนคนหนึ่งที่...ที่..เอิ่ม ดูน่ารัก และใสซื่อ...จนไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่จริงๆ
เรื่องครั้งแรกเนี่ย ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องเจอมา เรื่องเล็กหรือใหญ่ มันก็เป็นอะไรที่แบบว่า เอ่อ..เอิ่มม ด้วยกันทั้งน้านนน (ก็มันไม่เคยอะนะ)
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมมีเพื่อนที่สนิทที่อยู่บ้านนอกด้วยกัน แต่ต่างคนก็แยกย้ายกันตอนเรียนจบประถม ผมเข้ามาเรียนที่ กรุงเทพฯ เพื่อนคนอื่นก็เข้ามาทำงานทำงานโรงงานบ้างแล้วแต่วิถีของแต่ละคน
มีเพื่อนคนหนึ่งที่ยังอยู่ที่บ้านไม่ได้เข้าเมืองกรงมาทำงานแบบคนอื่นๆ แต่เราก็ยังติดต่อกันอยู่ตลอด กลับจากกรงเทพฯ เจอกันถามสารทุกข์สุกดิบกันเสมอ
วันหนึ่งมันบอกว่าอยากจะมากรุงเทพฯ เพราะไม่เคยมาเลยสักครั้ง อยากมาเที่ยว เพราะเห็นเพื่อนๆที่อยู่บ้านนอกด้วยกันมา แล้วกลับไปเล่าให้ฟังว่ากรุงเทพฯ ดีอย่างนั้นสนุกอย่างนี้ เลยอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง
'วัยสะรุ่น'กำลังคะนอง เลยอยากลองอะไรที่มันไม่เคยบ้าง
มันอยากให้เพื่อนที่อยู่ กรุงเทพฯมาคอยรับที่สถานีหมอชิตหน่อย เพราะมันกลัวหลงทาง
ผมกับเพื่อนอีกสองคนก็ตกลงรับปากเป็นมั่นเหมาะ ว่าเดี๋ยวจะมารับและก็จะพาเที่ยวกรุงเทพฯให้สาแก่ใจมันเลย
พอถึงวันเดินทาง มันก็ขึ้นรถบัสปรับอากาศ ประจำทางมาอย่างดีพร้อมหอบของฝากพะรุงพะรังตามแบบฉบับคนบ้านนอก ที่เวลาไปหาใครต้องมีของติดไม้ตืดมือไปฝากกัน
โดยได้เพื่อนที่อยู่ต่างจังหวัด ที่เคยมากรุงเทพฯจองตั๋วให้แล้วยังมีน้ำใจมาส่งมันที่ท่ารถอีกด้วย
พอถึงเวลานัด รถเข้าชานชาลาที่หมอชิต เราก็ชะเง้อคอ-รอคอยรับมัน แต่ผู้โดยสารคนสุดท้ายลงจากรถก็ไม่มีวี่แววของไอ้คุณเพื่อนคนนี้ลงมา
เอาละวา...ยังไงละทีนี้ มันเป็นอะไรหรือเปล่า ติดต่อก็ไม่ได้เสียด้วย เราตกลงกันว่าจะรอรถที่สถานีหมอชิตอีกสักรอบเผื่อนัดกันคลาดเคลื่อน(สมัย30 ปีก่อนวัยรุ่นอย่างเรายังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้นะครับ อย่างดีก็มีแค่มีแต่โทรศัพท์บ้าน หรือตู้หยอดเหรียญสาธารณะ)
พอรถเที่ยวถัดไปมาถึงอีกหนึ่งชั่วโมง ไอ้เพื่อนคนดีของเราก็เดินลงจากรถเป็นคนสุดท้าย พร้อมกับหน้าตาเลิ่กลัก เพราะกลัวหลงทางไปไหนไม่ถูก รีบสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนก่อนเลย
พอเห็นหน้าพวกเรา มันแหกปากตะโกน แบบไม่ต้องอายใคร เสียงดังจนคนใน หมอชิตหันมามอง ด้วยความลิงโลดดีใจ ไม่ใช่ว่าดีใจที่ไม่เจอกันนานนะครับ มันดีใจเพราะว่ามันจะไม่ต้องหลงทางแล้วแน่ๆ ( จากปากคำที่มันบอกตอนหลัง )
มันเล่าว่าพอตอนรถจอดพักกลางทาง ให้ผู้โดยสารพักกินข้าว และทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วให้ขึ้นรถ มันดันลืมว่ารถที่ขึ้นมา เป็นคันไหน เพราะด้วยความที่ไม่เคยเดินทางมากรุงเทพฯมาก่อน ว่าต้องสังเกตุรถยังไง จะได้ไม่หลง
(ที่พักรถกลางทาง จะเป็นศูนย์รวมรถ บขส.หลายบริษัทมาจอดรวมกัน แล้วรถจะมีสีเหมือนกันเกือบทุกบริษัท )
แล้วยังขึ้นรถผิดคันอีกต่างหาก กว่าจะรู้ตัว เพราะที่ที่มันนั่ง ดันมีเจ้าของที่ประจำมาทวงที่นั่งคืน เลยรู้ว่าขึ้นรถผิด รถของตัวเองที่นั่งมาก็ออกไปแล้ว
กว่าจะได้เดินทางต่อก็ต้องรอรถคิวต่อไปเดินทางมาถึงที่พักรถ แล้วเดินไปบอกกับทางคนขับว่าตกรถ ซึ่งมันก็เจอพี่คนขับใจดี เห็นเป็นคนบ้านเดียวกันเลยให้ขึ้นรถมาแบบไม่ต้องเสียเงินอีกรอบ
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มแบบซื่อๆของมันตามสไตล์คนบ้านนอก ที่มักจะถูกเพื่อนๆแกล้งเสมอ ยังคงมีรอยยิ้มแจกจ่ายให้กับเพื่อนและคนรอบข้างที่ผ่านไปมาตลอด ( คล้ายๆพี่บุณชู ในหนังเลย)
พวกเราพามันเที่ยวอยู่หลายที่ แต่ยังมีอีกที่ที่มันอยากให้พวกเราพาไปมาก คือ'ห้างสรรพสินค้า' เพราะมันอยากเห็นและขึ้น' บันไดเลื่อน ' สักครั้งในชีวิต ก่อนกลับไปเล่าให้คนที่บ้านฟัง (อะไรจะขนาดน้านนน)
พอวันสุดท้าย พวกเราก็สนอง 'need' ให้กับมัน ทั้งๆที่ไม่ค่อยอยากจะไปเดินห้างเท่าไร นักแต่ก็ต้องตามใจเพื่อน
ไหนๆก็จะกลับแล้ว ไอ้เพื่อนอีกคนที่ชอบแกล้งเพื่อนในกลุ่ม จึงมีไอเดียแปลกๆ ทิ้งทวนกัยสักหน่อย แต่ว่าได้ผล กับไอ้เจ้าเพื่อนผู้ใสซื่อคนนี้
"มึง.. ถอดรองเท้าก่อนนะ ก่อนขึ้นบันไดเลื่อนน่ะ ไม่งั้นเดี๋ยว 'ซีเคียวฯ' ไม่ให้ขึ้น เขาจะจับเอา"( เดาะภาษาปะกิตแกล้งมันอีก... )มันยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่
"อ้าวเหรอ... เออเออได้ได้ "
พอถึงหน้าบันไดเลื่อน ไอ้เจ้าเพื่อนผู้ใสซื่อของเรา มันก้มถอดรองเท้าก่อนใครเพื่อน แล้วเอาวางไว้ด้านข้างทางขึ้น เพราะเชื่อคำพูดเพื่อน และกลัวไม่ได้ขึ้นบันไดเลื่อน ที่อยากขึ้นมานานแล้ว
ผมกับเพื่อนที่เหลืออดแอบขำไม่ได้ ได้แต่เดินตามมันขึ้นไป โดยไม่ได้บอก (ไอ้เพื่อนจอมแกล้งมันขอไว้) พอไปถึงด้านบน ยังมีขึ้นบันไดเลื่อนต่อไปอีก มันก็หันกลับมาถามพวกเราอีกว่า
"แล้วรองเท้ากูจะหาย เหมือนที่ถอดไว้หน้าโบสถ์ ในวัดไหมวะ"
สวัสดี
#เด็กบ้านอก
โฆษณา