25 ส.ค. 2021 เวลา 06:19 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Green Book / Netflix
หนังแนว Road Trip ที่หลายคนคุ้นเคย
การเดินทางของชายผิวขาวเชื้อสายอิตาลี ลักษณะห่ามๆ
ขับรถพานักดนตรีผิวสี มาดเนี๊ยบ ไปแสดงโชว์ตามเมืองต่างๆ
ความต่างกันสุดขั้ว กับปมที่อยู่ภายใน
ได้แลกเปลี่ยนระหว่างเดินทาง
...
"การตกหลุมรัก เป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดที่ผมเคยทำ"
"ผมทำงานในคลับในนิวยอร์คมาทั้งชีวิต
ผมเข้าใจว่าโลกมันซับซ้อน"
"จะเป็นคนดำ ก็ไม่เต็ม"
(คือเขาเป็นผิวสี ที่ถูกยกอยู่ในสถานะ
นักดนตรีผิวสีที่เก่ง ที่รวย มีชื่อเสียง
แต่เหมือนกลายเป็นวัฒนธรรมการฟังนักดนตรีๆเก่งๆเฉยๆ
เพื่อยกให้คนขาวดูดีมีชาติตระกูล
และนั่นทำให้ เขาเองถูกคนผิวสีด้วยกันรังเกียจ)
"จะเป็นคนขาวก็ไม่ใช่"
(เพราะเขายังถูก กระทำอย่างคนผิวสีในยุคนั้น คือกีดกัน
แบ่งแยก ไม่ได้รับสิทธิ์แบบที่คนผิวสีทั่วไปต้องเจอ)
"จะเป็นชายก็ไม่เต็ม"
(เขายังมีรสนิยมทางเพศ แบบ LGBQ)
"โลกนี้เต็มไปด้วยคนเหงา ที่ไม่แสดงท่าทีก่อน"
"แค่อัฉริยะยังไม่พอ
ต้องกล้าหาญถึงจะเปลี่ยนแปลงใจคนได้"
....
เหล่านี้เป็นประโยคที่ผมชอบในเรื่อง
แน่นอนว่า ในแต่ละประโยคมันก็มีเรื่องราวถักทอเป็นส่วนผสม
ที่จะทำให้เราอิ่มเอม ลึกซึ้งไปกับข้อความเหล่านั้น
แต่ผมว่า ทุกประโยคข้างล่าง ทำให้ประโยคบนสุดดูจริงที่สุด
"การตกหลุมรัก เป็นเรื่องง่ายที่สุดที่ผมเคยทำ"
เหมือนจะบอกว่าจริงๆ แล้ว การที่เราจะรักกัน มันเป็นเรื่องง่ายจริงๆ
ส่วนความโกรธ เกลียด ชัง เหงา
มันต้องใช้ส่วนผสมให้เกิดสิ่งเหล่านั้นมากมาย
อย่างโกรธ เขาต้องมาทำอะไรให้เราไม่พอใจ
เมื่อทำซ้ำ ย่ำยีบ่อยๆ ก็ถึงกลายเป็นเกลียด
เหงา คงต้องผ่านหลายปัจจัย
แต่รัก มันสามารถ รักได้เลย แม้เรายืนเฉยๆ และไม่จำเป็นต้องจำกัด
อยู่แค่เพียงรักแบบหนุ่มสาว แต่เป็นรักแบบเมตตา รักและกรุณา
รักให้เหมือนการตกหลุมรัก ที่แค่เจอหน้าเขาก็รักแล้วอะไรงี้
เพียงเราเริ่มทำสิ่งที่ง่ายที่สุด ให้บ่อยที่สุด และมากที่สุด
ไปสู่ทุกคนให้เยอะที่สุด สังคมน่าจะน่าอยู่ขึ้นที่สุด...
>>>>
โฆษณา