25 ส.ค. 2021 เวลา 08:32 • ประวัติศาสตร์
เผยห้าทฤษฎีสมคบคิดที่โด่งดังที่สุดในศตวรรษนี้ ใครเลยจะคิดว่า Covid-19 ที่แท้อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อควบคุมประชากรมนุษย์!!
3
เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ชอบท่องโลกโซเชียล ทั้งในไทยและต่างประเทศ ก็น่าจะเคยพบเจอคอนเทนต์เกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) ที่ว่าด้วยเรื่องเล่า บทความที่สร้างขึ้นมาจากความคิดของคน หรือกลุ่มคน โดยการนำเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง กันมาบ้าง ซึ่งบางเรื่องพอได้ยินแล้ว ก็ทำให้เรารู้สึกว่า มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? เป็นต้น
และนี่คือ ห้าทฤษฎีสมคบคิดที่โด่งดังที่สุดในศตวรรษนี้ ส่วนจะมีเรื่องใดบ้าง ลองไปติดตามกันดูได้เลยครับ
1. การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นเรื่องโกหก
2
ระหว่างปี ค.ศ.1941 – 1945 ชาวยิวกว่าหกล้านคนทั่วยุโรปถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยผู้นำจอมเผด็จการอย่าง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของโลก เพื่อย้ำเตือนให้เราทุกคนรู้ว่าครั้งหนึ่ง มนุษย์เคยจงเกลียดจงชัง และเข่นฆ่ากันเพียงเพราะความแตกต่างด้านสีผิว เชื้อชาติและความเชื่อ กันมาแล้ว
1
ขณะเดียวกัน ยังมีกลุ่มประชาชนบางส่วนที่ไม่เชื่อว่าเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวยิว (Holocaust) นั้นเคยเกิดขึ้นจริง หรือไม่ก็เชื่อว่ามันอาจเกิดขึ้นจริง แต่ยอดผู้เสียชีวิตไม่น่าจะมากมายขนาดนั้น เคยมีการสำรวจในปี ค.ศ.2014 โดย องค์การ Anti-Defamation League ที่ได้สัมภาษณ์ผู้คนกว่า 53,000 คน ใน 100 ประเทศ และพบว่ามีเพียงแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่เชื่อว่าเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวนั้นเกิดขึ้นจริง
6
มีข้อมูลที่น่าสนใจก้คือ ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปี มีแนวโน้มว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวนั้นเคยเกิดขึ้นจริงตามที่หนังสือประวัติศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้
แน่นอนว่า เราอาจโทษว่ามันเป็นความบกพร่องของหลักสูตรการศึกษา ที่ไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ลงไปในหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ก็มีนักทฤษฎีสมคบคิดบางคนตั้งข้อสังเกตว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว แท้จริงแล้วถูกแต่งเติมเรื่องราวให้มันดูน่าสลดหดหู่เกินจริง เพื่อก่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจต่อชาวยิว โดยหวังผลว่าความเห็นอกเห็นใจที่เกิดขึ้นนี้ จะทำให้ชาวยิวจะสามารถใช้ประโยชน์ตรงจุดนี้ในการทำงานบริการหรือหาประโยชน์จากการทำธุรกิจไปทั่วโลกได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2
ที่หนักสุด คือมีนักทฤษฎีสมคบคิดบางคนค้านหัวชนฝาว่า ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว บางคนก็เลยเถิดถึงขนาดตั้งคำถามว่า ถ้าหากมันเคยเกิดขึ้นจริง ถ้าเช่นนั้นจำนวนห้องรมแก๊สที่ใช้สำหรับการสังหารหมู่มีกี่ห้อง และผู้เสียชีวิตจากการถูกรมแก๊สพิษมีทั้งหมดกี่คน กันเลยทีเดียว
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ไม่เคยเกิดขึ้นจริงยังงั้นหรือ?
2. CIA มีส่วนในการลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้
ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ.1963 ในข้อหาลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ หรือ JFK ที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ของประเทศสหรัฐฯ ในวันเดียวกันนั้น และอีกสองวันต่อมา แจ็ค รูบี้ เจ้าของไนต์คลับในรัฐเท็กซัส ได้ใช้ปืนลอบสังหาร ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ โดยให้เหตุผลว่าทั้งหมดเป็นการล้างแค้นให้อดีตประธานาธิบดีผู้ล่วงลับ แต่นักทฤษฎีสมคบคิดส่วนใหญ่เชื่อว่า มันเป็นการฆ่าตัดตอนเพื่อไม่ให้ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ แพร่งพรายความลับไปมากกว่านี้
จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ หรือ JFK ปธน.สหรัฐฯ (ซ้าย) ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ผู้ต้องสงสัยลงมือลอบสังหาร JFK (ขวา)
คนอเมริกันกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อว่า ออสวอลด์เป็นผู้ลงมือก่อเหตุลอบสังหาร JFK และในปี ค.ศ.2017 เว็บไซต์ดังของสหรัฐฯ อย่าง FiveThirtyEight รายงานว่ามีคนอเมริกันกว่า 61 เปอร์เซ็นต์ เกี่ยวข้องกับการสมรู้ร่วมคิดบางอย่าง
มีทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับ JFK ที่พอเป็นไปได้อยู่สามข้อ โดยหนึ่งในทฤษฎีที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากที่สุดก็คือ การที่ JFK ปฎิเสธแผนการบุกที่ Bay of Pigs เพื่อโค่นล้มผู้นำคิวบาอย่าง ฟิเดร คาสโตร ตามที่หน่วย CIA ได้เสนอไป ด้วยเหตุผลเพราะ JFK เป็นผู้นำการเมืองสายนกพิราบ และเน้นการเจรจากับฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่นำโดยสหภาพโซเวียต เพื่อหาหนทางอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติ ซึ่งอาจทำให้เหล่าบรรดาบิ๊ก ๆ ในหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ หรือ CIA และพวกบิ๊กทหารในเพนตากอนที่เป็นสายเหยี่ยว รวมถึงเหล่าบรรดาพ่อค้าอาวุธไม่พอใจก็เป็นได้
2
ภาพวินาทีประวัติศาสตร์ เมื่อ แจ็ค รูบี้ ควงปืนบุกเข้าไปยิง ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ผู้ต้องสงสัยลงมือลอบสังหาร JFK ท่ามกลาง จนท.รัฐ ที่ควบคุมตัว
บางก็เชื่อกันว่า ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ไม่ใช่มือปืนผู้ลงมือก่อเหตุลอบสังหาร JFK เพียงคนเดียว แต่ยังมีมือปืนคนที่สองที่ลงมือก่อเหตุด้วย และทฤษฎีที่น่าสนใจอีกข้อก็คือ จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ และ โรเบิร์ต 'บ๊อบบี้' เคนเนดี้ สองพี่น้องไปขัดผลประโยชน์ของพวกกลุ่มผู้มีอิทธิพล เลยทำให้ทั้งคู่ถูกลอบสังหารเพื่อเป็นการล้างแค้นนั่นเอง
ภาพการหาเสียงเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ในปี ค.ศ.1968 ของ โรเบิร์ต 'บ๊อบบี้' เคนเนดี้ หรือ RFK ก่อนถูกลอบสังหารในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา
3. มนุษย์ไม่เคยไปเหยียบเท้าลงบนดวงจันทร์
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1969 นีล อาร์มสตรอง และ บัซ อัลดริน คือสองนักบินอวกาศของโครงการ Apollo 11 ที่ลงเหยียบเท้าบนดวงจันทร์ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในช่วงทศวรรษที่ 1970 มีชาวอเมริกันกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่เชื่อว่าการเดินทางไปบนดวงจันทร์ของมนุษย์เป็นเรื่องจริง
1
บิล เคย์ซิง นักเขียนชาวอเมริกัน เจ้าของหนังสือสุดอื้อฉาว ‘We Never Went to the moon : America’s Thirty Billion Dollar Swindle’ ผู้ที่มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าโครงการ Apollo ทั้งหลายขององค์การ NASA ที่นำนักบินอวกาศลงไปเหยียบเท้าบนพื้นผิวดวงจันทร์เป็นเรื่องโกหก
2
บิล เคย์ซิง นักเขียนชาวอเมริกันผู้มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า 'มนุษย์ไม่เคยไปดวงจันทร์' เรื่องทั้งหมดเป็นแค่การจัดฉากขึ้นเท่านั้น
บิล เคย์ซิง ตั้งข้อสังเกตว่าภาพนักบินอวกาศที่ลงเหยียบเท้าลงบนดวงจันทร์ น่าจะเป็นการจัดฉากที่สตูดิโอสักที่ใน Area 51 นั่นหมายความว่าภาพการถ่ายทอดสดในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่มนุษย์ลงเหยียบเท้าลงบนดวงจันทร์ที่มีประชาชนหลายร้อยล้านคนเฝ้าดูอยู่ทั่วทุกมุมโลกนั้นเป็นการจัดฉากแทบทั้งสิ้น
1
สตีเฟน เคอร์รี นักบาสเก็ตบอล NBA ชื่อดัง ผู้ไม่เชื่อว่ามนุษย์เคยเดินทางไปบนดวงจันทร์
ถึงแม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปี แต่ก็ยังมีชาวอเมริกันกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ที่เชื่อว่าเรื่องมนุษย์ลงเหยียบเท้าลงบนดวงจันทร์เป็นเรื่องโกหก โดยหนึ่งในนั้นก็มี สตีเฟน เคอร์รี นักบาสเก็ตบอล NBA ชื่อดัง ก็เป็นหนึ่งบุคคลที่ไม่เชื่อว่ามนุษย์เคยเดินทางไปบนดวงจันทร์จริง จนกระทั่งองค์การ NASA ต้องเสนอจัดทริปทัวร์บนห้องแลปอวกาศเพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง
2
หรือว่าภาพที่เห็น เป็นภาพที่เกิดขึ้นจากการเซ็ทฉากในสตูดิโอเท่านั้น?
4. เหตุการณ์ 9/11 เป็นการจัดฉากของรัฐบาลสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ เราเคยนำเสนอทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี JFK ที่ไปขัดขวางแผนการบุกคิวบาของพวกบิ๊ก ๆ ในหน่วย CIA และขัดขวางผลประโยชน์ของพวกมาเฟีย เลยทำให้เขาและน้องชายต้องมีอันเป็นไป ในข้อนี้ เรายังมีทฤษฎีสมคบคิดที่น่าสนใจ ซึ่งก็คือ ทฤษฎีสมคบคิด 9/11
ในเหตุการณ์ก่อการร้ายบนแผ่นดินสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.2001 ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 คน และได้รับบาดเจ็บอีกหลายพันคน จากเหตุการณ์เครื่องบินสองลำพุ่งชนตึกแฝด World Trade Center ในเมืองนิวยอร์ก และเครื่องบินลำที่สามพุ่งชนตึกเพนตากอนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเครื่องบินลำที่สี่ตกที่ทุ่งนอกเมืองแชงส์วิลล์ รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งกล่าวได้ว่านี่คือเหตุการณ์ที่สหรัฐฯ ถูกโจมตีอย่างหนักนับตั้งแต่เหตุการณ์โจมตีฐานทัพเรือที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
1
ปธน. สหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช ในวินาทีที่ทราบว่าสหรัฐฯ กำลังถูกโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลาง
อาจเป็นเพราะจำนวนตัวเลขผู้สูญเสียกว่า 3,000 คน ที่ต้องจบชีวิตลงในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในช่วงเช้าของวันที่ 11 เดือนกันยายน เลยทำให้มีนักทฤษฎีสมคบคิดตั้งข้อสังเกตว่า มันคือหนึ่งในแผนการของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่นำโดยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และฝ่ายบริหารของเขาในทำเนียบขาว ที่ต้องการหาเหตุผลในการทำสงครามกับอิรักและอัฟกานิสถานเพื่อหาทรัพยากรน้ำมัน แน่นอนว่าภายหลังทฤษฎีสมคบคิด 9/11 ได้แตกแขนงออกไปหลายทฤษฎี บ้างก็ว่าตึกแฝด World Trade Center ถล่มไม่ใช่เพราะถูกเครื่องบินชน แต่เป็นเพราะแรงระเบิดที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ ตึกเพนตากอนไม่ได้โดนถล่มด้วยเครื่องบิน แต่ถูกถล่มด้วยขีปนาวุธ
สรุปคือ มีชาวอเมริกันบางส่วนเชื่อว่า เหตุการณ์ 9/11 เป็นการจัดฉากของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อหาเหตุในการทำสงครามกับอิรักและอัฟกานิสถานนั่นเอง!
1
หรือว่าเหตุการณ์ 9/11 จะเป็นการจัดฉากขึ้นของรัฐบาลสหรัฐฯ จริง?
5. COVID-19 คือแผนการควบคุมประชากรโลก
จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้ทำให้หลายคนเชื่อว่ามันอาจเป็นแผนการควบคุมประชากรโลก โดยก่อนหน้านั้น บิล เกตต์ เคยกล่าวเอาไว้เมื่อปี ค.ศ.2015 ว่า Coronavirus จะแพร่ระบาดไปทั่วโลก จนทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า บิล เกตต์ ไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน จนทำให้มีนักทฤษฎีสมคบคิดเชื่อว่า Coronavirus (หมายถึงชื่อกลุ่มของไวรัส ไม่ใช่แค่ไวรัส Covid-19) เป็นแผนควบคุมประชากรโลกด้วยการทำให้เกิดโรคระบาด และทำให้คนเสียชีวิต พร้อมกันนี้ ยังมีการนำวัคซีนที่มีไมโครชิปไปฉีดใส่ผู้คนเพื่อเฝ้าติดตามตัวอีกด้วย จนทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่า บิล เกตส์ คือผู้อยู่เบื้องหลังการแพร่ระบาดของ Coronavirus นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปี ค.ศ.2021 ที่ผ่านมา บิล เกตส์ ได้ออกมาปฎิเสธว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ ที่แพร่ระบาดบนโลกโซเชียลแต่อย่างใด
4
บิล เกตต์ ผู้ถูกสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของ Corona Virus
ท่ามกลางสถานการณ์ที่สับสนและคลุมเครือจากวิกฤติไวรัส Covid-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวไว้ขณะยังดำรงตำแหน่งผู้นำของสหรัฐฯ ว่า ไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดตอนนี้ ไม่ได้ร้ายแรงไปกว่าโรคไข้หวัดใหญ่ และสักวันมันจะหายไปเอง บางคนในพรรครีพับลิกันของสหรัฐฯ ก็ตั้งข้อสังเกตว่า Covid-19 อาจเป็นอาวุธชีวภาพที่ถูกกสร้างขึ้นโดยประเทศจีน
2
นอกจากนี้ ยังมีทฤษฎีที่ว่า Covid-19 ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก เพื่อวางแผนควบคุมประชากร และรอคอยเวลาที่เหมาะสม เพื่อเตรียมตัวขายวัคซีนและยารักษาโรคเพื่อทำกำไรในวิกฤติที่โลกกำลังเผชิญในขณะนี้อีกด้วย
2
ไม่มีใครทราบว่าอีกนานแค่ไหน โลกของเราจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง?
ข้อมูลจาก : TEENVOGUE.COM
โฆษณา