26 ส.ค. 2021 เวลา 13:00 • ธุรกิจ
ทางออกของ Netflix เมื่อต้องสูญเสียลูกค้า 400,000 คน ในสหรัฐฯ และแคนาดา
.
.
หากพูดถึงความสำเร็จของ Netflix แล้วล่ะก็ วลีชวนดูหนังอย่าง “Netflix and Chill” คงสะท้อนความเป็นผู้นำของตลาดสตรีมมิ่งได้อย่างดี และทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักบริการสตรีมมิ่งเจ้าของโลโก้ตัว N สีแดงที่เข้ามาเขย่าธุรกิจโลกบันเทิงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
.
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ยอดสมาชิก (Subscribers) ของ Netflix ในพื้นที่สหรัฐอเมริกาและแคนาดาลดลง การสูญเสียสมาชิกกว่าครึ่งล้านครั้งนี้ ทำให้หลายคนสงสัยว่าถึงช่วงขาลงของ Netflix แล้วหรือเปล่า
.
มาดูกันดีกว่า Netflix ไม่เจ๋งแล้วอย่างที่เขาว่ากันจริงไหม
และบริษัทมีแผนอย่างไรสำหรับอนาคต
.
.
7
ปัญหาสารพัดที่ Netflix ต้องเจอ
.
ยอดการเติบโตของสมาชิกเป็นกุญแจสำคัญของธุรกิจอย่าง Netflix ที่มีรายได้จากการ Subscribe รายเดือนของลูกค้า แน่นอนว่าสิ่งที่ Netflix ต้องการคือให้ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (และอย่างรวดเร็ว) เพื่อที่จะครองอันดับผู้นำในตลาดสตรีมมิ่ง และเพื่อทดแทนเงินลงทุนในการทำคอนเทนต์ของปี 2021 ที่มากถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์
.
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คาดคิด
.
รายงานไตรมาสที่ 2 ของ Netflix ระบุไว้ว่ามีการเติบโตของผู้ติดตามเกินกว่าที่คาดไว้ โดยพวกเขามีผู้ติดตามใหม่ถึง 1.5 ล้านคน แต่สหรัฐอเมริกาและแคนาดาที่เคยเป็นแหล่งทำเงินหลักกลับแสดงท่าทีว่าสตรีมมิ่งเจ้าดังอาจกำลังเจอกับปัญหา
.
7
พวกเขาเสียสมาชิกไปกว่า 400,000 คน
.
สาเหตุแรกเป็นเพราะสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว จริงอยู่ที่ในช่วงต้นปี 2020 ที่มีการล็อกดาวน์ Netflix มีสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่า 16 ล้านคน แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นและผู้คนออกไปใช้ชีวิตได้ตามเดิม ตัวเลขดังกล่าวจึงลดลง
.
อีกสาเหตุคือการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น ในไตรมาสที่ผ่านมา คู่แข่งหลักอย่าง HBO Max มียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นกว่าอีก 3 ล้านคน ท้าทายเจ้าตลาดอย่าง Netflix ทั้งๆ HBO Max ที่พึ่งเปิดตัวมาได้เพียงปีกว่าเท่านั้น ไหนจะ Disney+ ที่มาพร้อมกับซีรีส์ Marvel ที่ทุกคนรอคอยอีก
.
สตรีมเมอร์เจ้าเล็กๆ ก็ดึงลูกค้าที่มีความนิยมเฉพาะไปได้ไม่น้อย อย่าง Shudder ที่เน้นฉายหนังสยองขวัญ MUBI, Criterion และ Ovid ที่เน้นหนังอินดี้ หนังเก่า หรือ Crunchyroll ที่เจาะกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบอนิเมะโดยเฉพาะ (ส่วนในไทยก็ต้องเจอคู่แข่งอย่าง viu และ iQIYI)
.
11
แต่สาเหตุที่น่ากังวลที่สุดคือ ‘คุณภาพผลงาน’ ของ Netflix เอง แม้จะลงทุนไปเป็นจำนวนมาก แต่ในปีที่ผ่านมา หนังและซีรีส์ออริจินัลของ Netflix ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร โดยเพียง 3% จากรายการที่คนนิยมดูเป็นเนื้อหาที่ผลิตเอง
.
ไม่แปลกเลย หากลูกค้าจะหันไปหาคู่แข่งที่คุณภาพแน่นกว่าอย่าง HBO Max และ Disney+
.
3
แผนรับมือของ Netflix
.
หากเทียบกับพื้นที่อื่นๆ แล้ว Netflix ก็ยังถือว่าเป็นผู้นำ ด้วยรายได้จากการเปิดให้บริการที่มากถึง 190 ประเทศทั่วโลก แต่บริษัทก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และมีการวางแผนขยายตลาดไปยังช่องทางอื่น ซึ่งก็คือ “วิดีโอเกม” นั่นเอง
.
Netflix ตระหนักดีว่าในตลาดสื่อบันเทิงที่แย่งกันดึงดูด ‘เวลา’ และ ‘ความสนใจ’ จากลูกค้า พวกเขาไม่ได้มีคู่แข่งแค่บริการสตรีมมิ่งเท่านั้น พวกเขายังต้องแข่งกับตลาดวิดีโอเกมด้วย
.
ในปีนี้ Netflix ได้ดึงตัว Mike Verdu อดีตผู้บริหาร EA มาเพื่อเตรียมตัวเจาะตลาดเกม อีกทั้งยังมีข่าวลือว่าพวกเขากำลังหาทางพาร์ทเนอร์กับ Playstation อีกด้วย
.
แม้เราจะยังไม่รู้ว่าบริการเกมมิ่งของ Netflix จะออกมาเมื่อไร รูปแบบและหน้าตาจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่นอนคือไม่ว่าจะหนังหรือวิดีโอเกม พวกเขาจะหาวิธีใหม่ๆ ให้พวกเราใช้เวลาไปกับหน้าจอมากขึ้นแน่นอน
.
.
4
อ้างอิง
.
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#business
1
โฆษณา